ต่อเนื่องกันกับ “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่” กับความเข้มข้นที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ กับการเมืองไทยครับ
ประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เก่าแก่เป็นอันดับสองของเอเชีย และแน่นอนเป็นพรรคการเมืองที่มีความเป็น “สถาบันทางการเมือง” ที่เข้มแข็งที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตยที่เริ่มต้นจากในพรรค
และถือได้ว่า นี่คือการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในการให้ประชาชนมีบทบาทโดยตรงต่อพรรคการเมือง ด้วยการให้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง โดยสัปดาห์ก่อนนี้มีการดีเบตครั้งใหญ่ในการหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เป็นครั้งแรก ที่มีการให้สมาชิกพรรคจากทั่วประเทศเป็นคนเลือกกับมือตัวเองโดยตรงกว่า 2 ล้าน 5 แสนคน
เมื่อตอนเมษายน 2561 คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวถึงแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ถึงการเป็น “พรรคของประชาชน” ว่า...การเป็นพรรคของประชาชน จะเป็นพรรคที่บริหารแบบประชาธิปไตยด้วย ตามกฎหมายนั้น สมาชิกยุคใหม่ เขามีสิทธิ์อยู่แล้วในการที่จะไปลงคะแนนไพรมารี อย่างที่พวกเราทราบกันดี นั่นคือในการเลือกผู้สมัคร สส.เขต และในการลงคะแนนเพื่อจัดลำดับ สส. ในระบบบัญชีรายชื่อ
แต่ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ทำมากกว่านั้น ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จะเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรค หยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคได้โดยตรง ต้องขออนุญาตอธิบายนิดนึงครับว่า ทำไมใช้คำว่าหยั่งเสียง บังเอิญกฎหมายไปบังคับว่าการเลือกหัวหน้าพรรค กับกรรมการบริหารพรรคนั้น ต้องทำโดยที่ประชุมใหญ่ แต่ประชาธิปัตย์ยุคใหม่นี้ต้องการไปไกลกว่านั้น เราต้องการให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง เราจึงจะไปดำเนินการเขียนข้อบังคับพรรค ให้ที่ประชุมใหญ่นั้นจะต้องเคารพการตัดสินใจของสมาชิกซึ่งจะมีกระบวนการหยั่งเสียงในการเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง นี่จะเป็นบทพิสูจน์ว่า สมาชิก และประชาชนนั้น เป็นเจ้าของพรรคการเมืองอย่างแท้จริง
นอกจากนั้นสมาชิกก็จะมีโอกาสในการร่วมร่างนโยบาย และที่สำคัญก็คือว่า เราจะใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงพรรคอย่างใกล้ชิดในระบบดิจิทัล วันนี้ท่านจะเห็นครับว่า เราพัฒนาแอพขึ้นมา เพื่อที่จะให้สมาชิก มีบัตรสมาชิกแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็น QR Code ที่จะปรากฏอยู่ และเมื่อมีการปลดล็อก เราจะเร่งพัฒนาแอพตัวนี้ให้เกิดความมั่นคง หลังจากนั้นแล้วการสื่อสารระหว่างพรรคกับสมาชิก จะสามารถทำได้ผ่านเทคโนโลยีนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งการที่จะให้สมาชิกมาออกเสียงในเรื่องต่างๆ ผ่านการใช้โทรศัพท์มือถือ นี่คือประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ที่เราจะดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องของสมาชิกที่จะสามารถใช้เทคโนโลยีในการกำหนดทิศทางของพรรค ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ในโครงสร้างยุคใหม่นั้น เราต้องการที่จะเป็นพรรคการเมืองที่มีความโปร่งใส การทำงานจะมีกลไกตรวจสอบภายใน และเราจะยกระดับมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์นั้น จะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดมั่นในผลประโยชน์ของส่วนรวม
รูปแบบทั้งหมดที่มีการใช้เทคโนโลยี สมาชิกเป็นผู้เลือกหัวหน้าพรรค จะทำให้การบริหารจัดการพรรคนั้นมีประสิทธิภาพ มีความรวดเร็ว มีความเด็ดขาดมากขึ้น เพราะหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค จะได้รับฉันทานุมัติจากสมาชิกทั่วประเทศ อย่างแท้จริง และในโครงสร้างของพรรคนั้น เราจะสร้างบุคลากรอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยจะมีการตั้ง หรือใช้บริการของสถาบันอบรม สัมมนาของบุคลากรทั้งในและนอกพรรค ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย และเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะอย่างต่อเนื่อง
คุณอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ย้ำว่า...เราต้องเป็นพรรคที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน กระบวนการทั้งหลาย ประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ความเป็นประชาธิปไตย ปลายทางคือตอบสนองประชาชนได้ หัวใจของการตอบสนองประชาชนตรงนี้คือเรื่องของการกำหนดนโยบาย ซึ่งในอดีตนั้นประชาธิปัตย์ก็มีการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่อย่างที่บอกก็คือว่า
เมื่อมีเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราจะสามารถให้ประชาชนมีส่วนร่วม ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของนโยบายของเราได้อย่างกว้างขวาง ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
และนโยบายที่ดี จะมีการอิงกับหลักวิชาการ งานวิจัย เชื่อมโยงกับปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ ด้วย และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือว่า นโยบายที่พรรค จะคิดค้นขึ้นมานั้น ทำแล้วต้องทำได้จริง เพราะฉะนั้นกระบวนการในการไปทดลอง นำร่องนโยบายในพื้นที่จะเป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่เราจะเอามาใช้ ความจริงในระหว่างนี้ สมาชิกของเรา กรรมการนโยบายของเราก็ไปดำเนินการหลายเรื่องแล้วนะครับ อย่างเช่น หลายท่านอาจจะเคยได้ยินโครงการ English for All โครงการชลประทานน้ำหยด และอื่นๆ อีกมาก เพราะฉะนั้นนี่จะเป็นกระบวนการนโยบายของพรรค ที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชน
แต่ว่า ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จะบริหารจัดการภายในจะเป็นอย่างไรนั้น สุดท้ายประชาธิปัตย์ยุคใหม่ก็ต้องมีคำตอบว่า แล้วจะนำพาสังคมไทย ประเทศไทยไปในทิศทางไหน ความท้าทายที่ผมพูดในตอนต้นที่ทำให้จำเป็นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพรรค ครั้งนี้ มันก็เป็นความท้าทายที่ประเทศไทยทั้งประเทศจะต้องเผชิญ
ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จึงมีแนวความคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสร้างใหม่ สังคมไทย คำว่า สร้างใหม่ หลายคนอาจจะไม่คุ้น แต่ภาษาอังกฤษ คือคำว่า Reinvent สร้างใหม่ การสร้างใหม่นั้นหมายความว่า มันถึงเวลาที่จะต้องมาทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง แต่การสร้างใหม่ไม่ได้รื้อทิ้งทุกอย่าง สามารถที่จะนำสิ่งที่เป็นจุดแข็ง มีประโยชน์อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนแปลง วิธีการใช้ วิธีการเรียบเรียง เพื่อนำมาสู่สิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า
ประชาธิปัตย์จะสร้างสังคมไทยเป็นการสร้างใหม่อย่างไร เรามองว่าอย่างน้อยที่สุดมันต้องมีหลักการ หลักการนี้ก็เป็นหลักการที่เราเรียกร้องมาตลอดว่าควรจะเป็นหลักการของการปฏิรูป นั่นคือการลดอำนาจรัฐ และการเพิ่มอำนาจประชาชน
สรุปง่ายๆ เลยว่า การปฏิรูปที่พูดกัน และทำกันมา 3-4 ปี และอาจจะทำต่อไปอีก 1 ปีข้างหน้า ไม่ได้ตอบโจทย์นี้เลย แต่ประชาธิปัตย์จะมีความชัดเจนว่า การสร้างใหม่สังคมไทยนั้น จะอยู่บนหลักการเหล่านี้
หลักการที่ว่าของ “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่” คือการมุ่งมั่นที่จะ ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อนำมาสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ การศึกษายุคใหม่ ระบบราชการยุคใหม่ การเมืองยุคใหม่ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมยุคใหม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี