แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...
nn วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์นี้ กกต.จะเปิดรับสมัครสส.เขตเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ และพรรคการเมืองจะต้องแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติว่าจะส่งให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี...
nn พรรคการเมืองใดจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี มีตัวดังๆ กันอยู่ไม่กี่พรรค พรรคการเมืองใหญ่ๆก็ตั้งเป้าจะส่งหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯเช่น ประชาธิปัตย์เสนอ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ภูมิใจไทย ส่ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” แต่ที่ต้องจับตามองกันก็คือ พลังประชารัฐ จะเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรือไม่? เพราะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวด้วย...
nn “คชสีห์” ตอบแทนพลังประชารัฐได้เลยว่า เสนอชื่อ“พล.อ.ประยุทธ์” แน่นอน ช่วงนี้ที่ยังไม่ประกาศก็ทำเป็นเหนียมอายไปอย่างนั้นเอง...
nn ที่จริง เส้นทางในการกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบของ“พล.อ.ประยุทธ์” มีหลายช่องทาง แต่ที่สวยงามและดูจะเหมาะสมมากที่สุดก็คือมาจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอนั่นเอง...
nn กางรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบที่มาและที่ไป โดยรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 88 ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. สามารถแจ้งรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งเป็นนายกฯ พรรคละไม่เกินสามรายชื่อ ต่อ กกต. และต้องปิดการรับสมัครรับเลือกตั้งเพื่อประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ...
nn ทั้งนี้มาตรา 88 จะใช้คู่ไปกับมาตรา 159 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิก ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร”...
nn ดังที่ “คชสีห์” ว่าเอาไว้ว่า ช่องทางนี้ดูเหมือนจะเป็นช่องทางที่ชอบธรรมและสวยงามที่สุดที่จะทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง เพราะอย่างน้อยๆพรรคที่เสนอชื่อก็ต้องเปิดรายชื่อให้ประชาชนเห็นว่าเสนอใคร และเจ้าตัวก็ต้องยินยอมด้วย ฉะนั้น ถ้า “พล.อ.ประยุทธ์” ยินยอมให้พรรคไหนเสนอชื่อ ก็จะเป็นตัวแปรที่ทำให้ประชาชนลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้พรรคการเมืองที่สนับสนุน...
nn แต่ก็นั่นแหละ ช่องทางนี้ อาจจะทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ถูกค่อนขอดได้ว่าไม่ได้ลงเลือกตั้งด้วยตัวเอง!!...
nn เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวปรากฏอยู่ตามหน้าสื่อ ปรากฏข้อความแสดงให้เห็นถึงการเร่งรัดร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ.... หรือ “กม.ปลดล็อกกัญชา”...และน่าแปลกใจที่ข่าวดังกล่าว มีข้อความที่คล้ายๆ กันอย่างน่าแปลกใจทำนองว่า หากกฎหมายบังคับใช้ ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการทดลองวิจัย และค้าขายในเชิงพาณิชย์ จะตกเป็นของ “บริษัทต่างชาติ” มากกว่าคนไทย รวมทั้งยังอาจจะมีการ “นิรโทษกรรมล่วงหน้า” ให้กับผู้ครอบครองกัญชาเพื่อการศึกษาก่อนที่กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ให้ไม่ต้องรับโทษ ถ้าได้รับใบอนุญาตภายใน 90 วันหลังกฎหมายมีผล...
nn ที่สำคัญ ยังมีการพาดพิงไปถึง “สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย”และ “สมชาย แสวงการ” ว่าอาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์...
nn กรณีนี้ “สมชาย” ได้อธิบายชี้แจงข้อเท็จจริงเอาไว้อย่างมีน้ำหนักและน่าสนใจ ดังนี้...
nn “ที่กล่าวหาว่าร่างมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ. ยาเสพติด พ.ศ.2522 เพื่อให้นำกัญชามารักษาโรคนั้น จะเป็นนิรโทษกรรม ทำให้ผู้ศึกษาวิจัยที่เป็นบริษัทหรือบุคคลต่างชาติ ได้เปรียบผู้ศึกษาวิจัยที่เป็นคนไทยที่จะทำการศึกษาวิจัยได้เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับและอาจมีผลกระทบต่อการยื่นจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับงานวิจัยดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหายและไม่ได้รับประโยชน์จากการแก้ไขกฎหมายเท่าที่ควรนั้น ข้อเท็จจริง เป็นดังนี้...
nn 1.กรณีผู้ศึกษาที่มีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ร่างมาตรา 22 จะยกเว้นโทษให้กับบุคคลดังกล่าว แต่บุคคลดังกล่าวต้องยื่นขออนุญาตตามร่างมาตรา 22 (1)...
nn 2.การพิจารณาอนุญาตให้แก่บุคคลตามร่างมาตรา 22 (1) ต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขของร่างพระราชบัญญัตินี้ โดยต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามร่าง 26/5 วรรคสอง ซึ่งต้องเป็น “บุคคลที่มีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ในกรณีที่เป็นนิติบุคคลต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทย และกรรมการของนิติบุคคล หุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นอย่างน้อยสองในสามต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีสำนักงานในประเทศไทย” ดังนั้น ในกรณีที่ผู้ศึกษาวิจัยเป็นบุคคลต่างชาติซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับจึงไม่อาจขออนุญาตเพื่อศึกษาวิจัยได้ และหากผู้ศึกษาวิจัยเป็นนิติบุคคล ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการจดทะเบียนตามกฎหมายไทย และกรรมการของนิติบุคคล หุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นอย่างน้อยสองในสามต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีสำนักงานในประเทศไทย...”...nn
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี