โครงการพัฒนานโยบายรองรับสังคมสูงวัย ที่สืบเนื่องมาจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงพรรคการเมืองและพลเมืองไทย เตือนให้เห็นเงื่อนไขของประเทศไทยว่าจะเกิดสงครามใหม่ในไม่ช้า
ทุกนโยบายในการบริหารประเทศ จะต้องคำนึงถึงเงื่อนไขสังคมสูงวัยที่คนในสังคมไทยทุกคนจะต้องประสบอย่างแน่นอน ถึงกับประกาศอย่างหนักแน่นว่า “ถ้าพรรคการเมืองไหนไม่ตระหนัก ก็ไม่ต้องเลือก”
น่าสนใจที่พรรคการเมืองของเรา มุ่งแต่จะได้คะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ อายุ 18-24 ปี ที่จะมีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรก แต่หากไม่สนใจสงครามใหม่ของประเทศ คือ “สังคมสูงวัย” ที่คนทั้งหมดของประเทศโดยเฉพาะคนอายุ 40 ปีขึ้นไป จะต้องพบเจอก่อนเพื่อน
เลือกพรรคการเมืองอย่างไร?
ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย สัดส่วนผู้สูงอายุจะมากขึ้นเรื่อยๆ สัดส่วนคนวัยทำงานกำลังลดลงเรื่อยๆ เด็กเกิดใหม่มีสัดส่วนน้อยลง เพราะคนปัจจุบันมีลูกน้อย บางคนก็ไม่มีลูก ยิ่งกว่านั้น “คนที่พร้อมไม่ท้อง แต่คนท้องไม่พร้อม”
เด็กที่เกิดส่วนหนึ่งจึงมีปัญหาด้านคุณภาพ แล้วคนวัยทำงานใน 10-20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ใครจะจ่ายภาษีอากร ระบบสวัสดิการจะเป็นอย่างไร สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง อาคารสาธารณะต้องปรับให้เหมาะสมกับคนทุกวัยอย่างไร ระบบสุขภาพต้องปรับเปลี่ยนพัฒนาอย่างไร ชุมชนและสังคม บ้าน วัด โรงพยาบาล องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น
จะต้องจับมือกันสร้างระบบรองรับสังคมสูงวัยอย่างไร
ยิ่งกว่านั้นในต่างประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยที่ “รวยก่อนแก่” จะมีปัญหาน้อยกว่าประเทศของเราที่ “แก่ก่อนรวย”
คนวัย 18-23 ปี ที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกมี 5.9 ล้านคน หรือ 10.9% ขณะที่คนวัย 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 10.3 ล้านคน หรือ 20.1% นับเป็น 2 เท่า ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก
ผู้ที่จะประสบปัญหาสังคมสูงวัยในอนาคต คือ คนไทยอายุ 40-60 ปีในปัจจุบัน เพราะใน 10-20 ปี คนกลุ่มนี้ก็จะเป็นผู้สูงอายุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีจำนวนถึง 30 ล้านคน มากกว่าจำนวนคนที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกถึง 5 เท่าตัว
เลือกตั้งครั้งต่อไปจะเลือกพรรคใดจะต้องดูที่นโยบาย และความเข้าใจสภาพปัญหาของประเทศในอนาคต
นโยบายพรรคการเมืองกับสังคมสูงวัย
พรรคการเมืองต้องเตรียมพร้อมที่จะบริหารประเทศ เพื่อวางระบบรองรับสังคมสูงวัย สงครามใหม่ ข้าศึกใหม่ ที่จะเกิดใน 10 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน หลีกหนีไม่พ้น
ถ้าไม่มีนโยบายเพื่อสร้างระบบรองรับสังคมสูงวัย ประเทศจะตกต่ำ ผู้คนจะยากลำบากทั้งด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สุขภาพ และสังคม
พรรคการเมืองที่ดีต้องตอบโจทย์ต่างๆ เหล่านี้ได้
1. ด้านเศรษฐกิจ
1) จะปรับปรุงและพัฒนาระบบสวัสดิการโดยเฉพาะระบบบำนาญอย่างไร? เมื่อไร? ถึงจะเพียงพอ มั่นคง และยั่งยืน
2) จะพัฒนาระบบการออมของคนไทยอย่างไรให้เป็นจริง เพื่อให้คนสูงอายุเมื่อหยุดทำงานจะมีเงินเก็บออม เป็นบำนาญของตัวเอง
3) จะส่งเสริมการขยายอายุการทำงานของคนไทยอย่างไร โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม และส่งเสริมให้คนไทยหันมาขยายอายุการทำงานของตนเองอย่างไร?
4) อนาคตประเทศไทยจะขาดแคลนแรงงาน เพราะประเทศเพื่อนบ้านกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยตามหลังประเทศไทย เราจะมี
นโยบายเรื่องแรงงานอย่างไร?
5) จะส่งเสริมการจ้างงานที่ใกล้ชุมชนชนบทอย่างไร เพื่อให้คนทำงานยังสามารถดูแลพ่อ แม่ และลูกได้
2. ด้านสภาพแวดล้อม
1) จะมีนโยบายและมาตรการปรับปรุง ที่อยู่อาศัย บ้าน ถนนหนทาง การเดินทาง และอาคารสาธารณะอย่างไร เพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่จะมีผู้สูงอายุจำนวนมากเกิดขึ้น โดยให้สามารถเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งเด็ก คนพิการ และคนวัยทำงาน (อยู่ดี ทุกวัย) ได้อย่างไร?
2) จะกระจายอำนาจการบริหารจัดการให้ท้องถิ่นและชุมชน เพื่อพัฒนาปรับปรุงสภาพแวดล้อมร่วมกับชุมชนและเจ้าของบ้านอย่างไร? จะระดมช่างชุมชนเพื่อเป็นกลุ่มจิตอาสาร่วมกับสถาบันการศึกษาด้านช่างหรือไม่
อย่างไร?
3) จะส่งเสริมภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ให้เข้ามีส่วนร่วมเพื่อปรับสภาพแวดล้อมของบ้านและชุมชนอย่างไร?
3. ด้านสุขภาพ
1) จะมีนโยบาย มาตรการให้คนไทยแก่ช้าและเจ็บป่วยช้าลงอย่างไร? และเมื่อเจ็บป่วยในบั้นปลายชีวิตจะทำอย่างไรให้ไม่ต้องทรมาน ยื้อชีวิตอยู่อย่างไม่มีคุณภาพ
2) อนาคตคนสูงอายุจะมากขึ้น โรงพยาบาลย่อมขาดแคลนไม่เพียงพอ รัฐจำเป็นต้องส่งเสริมศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งก่อนไปโรงพยาบาล ก่อนกลับบ้าน
และก่อนตายอย่างไร?
3) อนาคตจะมีคนติดบ้าน ติดเตียงมากขึ้น ประเทศไทยควรมีระบบให้ชุมชนระดมจิตอาสา เพื่อสร้างศูนย์กิจกรรมบำบัดของผู้สูงอายุ และผู้พิการกระจายทุกตำบลอย่างไรหรือไม่? จะพัฒนาผู้มีจิตอาสาให้เป็นนักบริบาลออกเยี่ยมเยียนผู้ติดเตียงอย่างเป็นระบบได้อย่างไร?
4) จะใช้เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ในการดูแล รักษา ผู้สูงอายุอย่างไร?
4. ด้านชุมชนสังคม
1) จะสร้างแรงจูงใจและลดภาระให้หนุ่ม-สาว ที่พร้อมมีลูกเพิ่มขึ้นอย่างไร รัฐจะอุดหนุนอย่างเป็นระบบเพื่อลดภาระการเลี้ยงดูลูกอย่างไร ชุมชนและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นควรมีบทบาทอย่างไร? แค่ไหน?
2) จะให้ชุมชน บ้าน วัด โรงพยาบาล องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น รพ.สต. ชมรมผู้สูงอายุมีส่วนร่วมรวมตัว เพื่อสร้างระบบรองรับสังคมสูงวัยอย่างไร?
3) ในอนาคตโรงเรียนจะมีที่ว่างมากขึ้น ครูจะว่างงานมากขึ้น เพราะจำนวนเด็กเกิดใหม่น้อยลง ยิ่งกว่านั้นการศึกษาหาความรู้มิใช่อยู่แต่เพียงในโรงเรียนเท่านั้น
รัฐจะส่งเสริม พัฒนาโรงเรียน ให้เป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคน 3 วัยอย่างไร?
ผู้สูงอายุจะมีความสุขมากขึ้น เมื่อมีกิจกรรมร่วมกับลูกและหลาน ใคร? องค์กรไหน? ควรเป็นผู้ดำเนินการ
4) จะต้องกระจายอำนาจให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบต. เทศบาล อบจ. อย่างแท้จริงหรือไม่? เพราะแต่ละท้องถิ่นย่อมมีปัญหาและความต้องการต่างกัน
รัฐบาลส่วนกลาง จะต้องเปลี่ยนแนวคิด และวิธีปฏิบัติให้ท้องถิ่นสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นของตนเองได้ในทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องอะไรที่ทำไม่ได้จึงระบุ เปลี่ยนจากเดิมที่รัฐบาลส่วนกลางคอยกำหนดหน้าที่ กิจกรรม ให้ท้องถิ่นดำเนินการ
หรือไม่?
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี