ถ้าจะวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในบ้านเราในขณะนี้แล้ว จะพบว่าความวิกฤติหลายอย่างยังคงมีอยู่ แม้จะมีปืนเข้ามายึดอำนาจและบริหารบ้านเมืองมาเกือบจะ 5 ปีก็ตาม ความวิกฤติต่างๆดังกล่าวก็ยังไม่หมดไป มิหนำซ้ำยังมีเพิ่มขึ้นในบางด้านอีกด้วย
เห็นได้จากความเจ็บปวด และความไม่มีความสุขอย่างจริงจังของผู้คนในบ้านเมือง โดยเฉพาะในระดับล่างที่หาเช้ากินค่ำที่ยังย่ำแย่อยู่กับการดำรงชีวิตในแต่ละวัน
ปัญหาของแผ่นดินในขณะนี้มีมากมายหลายอย่าง ที่เกิดจากความไม่เอาไหน หรือความไม่เข้าใจในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งปัญหาใหม่ๆที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมเข้ามาจากกลุ่มคนมีอำนาจ ที่อำนาจนั้นอย่างสะเปะสะปะ หรือใช้อำนาจนั้นหาประโยชน์ตนและพรรคพวกในบางสิ่งบางอย่าง แม้กระทั่งเรื่องของประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่ไม่เข้าท่าเข้าทางอย่างที่เห็นกันขณะนี้ ซึ่งทำให้ความวิกฤติต่างๆดังกล่าวยังคงดำรงอยู่ต่อเนื่องในขณะนี้
ถ้าจะแต่งเป็นคำกลอน ก็คงจะเป็นคำกลอนดังนี้
l ปัญหาชาติ กลาดเกลื่อน ขณะนี้
เพราะคนแก้ ไม่ดี แต่ผยอง
อวดฤทธิ์เดช อวดศักดา ลิ้นลำพอง
ใครจะโกรธ ใครจะร้อง ช่างหัวมัน
l มันไม่สน ผู้คน ที่ก่นด่า
เพราะคิดว่า มีอำนาจ เรื่องของฉัน
ใครจะโกรธ ใครจะร้อง ช่างหัวมัน
เรื่องของกู ก็แล้วกัน อย่าตอแย
l เอาแต่หลอก เอาแต่ลวง พวงยาหอม
ให้ชาวบ้าน ตมตอม ด้วยคำแหล
ทำอย่างนี้ เกือบห้าปี ไม่เปลี่ยนแปร
จนชาวบ้าน ชีวิตแย่ ป้อแป้ลง
l แต่ละวัน พวกคุณท่าน ไม่เคยอด
คุณท่านซด ทุกอย่าง ไม่มีหลง
ชาวบ้านต้อง อดอยาก ยากจนลง
ต้องนั่งปลง ว่าจะมี อะไรกิน
l แต่ละวัน ที่ผ่าน สุดแสนเศร้า
มีแต่โศก มีแต่เศร้า เฝ้าถวิล
ข้าวของแพง ขึ้นราคา เป็นอาจินต์
ทั้งซื้อกิน และหนี้สิน จนหมดตัว
นี่เป็นกลอนแต่งเองในท่ามกลางบรรยากาศของบ้านเมืองขณะนี้ ที่เดินไปทางไหนก็จะได้พบและได้ยินเรื่องเหล่านี้
แม้นักการเมืองทั้งหลายที่กำลังจะลงเลือกตั้งเข้ามาทำงานทางการเมืองต่อไปก็ตาม ขอให้ได้อ่านกลอนแต่งเองในเรื่องนี้ด้วย ว่าภารกิจใหญ่หลวงที่รอการทำงานของตนให้ชาวบ้านนั้น จะต้องทำงานให้ถูกทิศถูกทางในเรื่องใด ความวิกฤติต่างๆของชาวบ้านดังกล่าวจะลดน้อยลง
โดยเฉพาะขอให้รู้จัก “คติพื้นบ้าน” ของชาวบ้านดังนี้ด้วย
“ของหายต้องหา ของเสียต้องซ่อม
อย่าใช้จ่ายเกินตัว อย่ามีคนชั่วร่วมวง”
นี่คือ “คติพื้นบ้าน” ที่จำง่ายๆว่า “2 ต้อง 2 อย่า”
คือมีสิ่งที่ต้องทำ 2 อย่าง และอย่าทำ 2 อย่างควบคู่กันไป
บ้านเมืองยังวิกฤติอยู่ในขณะนี้ก็เพราะไม่ได้ทำงานในหน้าที่รับผิดชอบทางการเมืองที่จะอาสาเข้ามา 2 อย่าง ดังกล่าว
ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่จะต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือตกแต่งสิ่งชำรุดเสียหาย หรือสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้อง ออกไปให้ได้ แล้วสร้างสิ่งใหม่ที่ดีมาแทน แต่ต้องมองภาพรวมทั้งหมดให้ได้ก่อน
เรียกได้ว่าสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ก็ได้ในการทำงาน
โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีส่วนร่วม
ไม่ใช่ทำงานอย่างที่แล้วๆมาด้วยการยึดติดตัวบุคคลหรือผู้มีอำนาจเป็นศูนย์กลาง แต่ต้องเป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องมีส่วนร่วม ไม่ใช่คิดแทน ทำแทน อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างที่ผ่านๆมา
พูดง่ายๆก็คือ การเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
สร้างกระบวนทัศน์ใหม่อย่างนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี