วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568

วิจัยและพัฒนา (Research & Development)..เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างนวัตกรรม (Innovation) ใหม่ๆ ซึ่งสำหรับประเทศแล้วจำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมาก การวิจัยและพัฒนาจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาล โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญ ดังความพยายามก่อตั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และเป็นผลสำเร็จเบื้องต้นเมื่อ 5 มี.ค. 2562 ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างกฎหมายกระทรวงดังกล่าวแล้ว รอเพียงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้นก็จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2562 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นความสำคัญของการวิจัยและนวัตกรรม ผ่านแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 23 แผนแม่บท สำหรับแผนแม่บทประเด็นที่ 23 ประเด็น การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ได้กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยมีอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของประเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นประเทศชั้นนำของโลก สัดส่วนการลงทุนวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชนต่อภาครัฐเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะเห็นได้ว่าแผนแม่บทประเด็น การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อการพัฒนาต่อยอดและการสร้างสรรค์นวัตกรรมในด้านต่างๆ เพื่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศครั้งใหญ่ บูรณาการให้ตรงกับ ความต้องการและเป็นไปในในทิศทางเดียวกัน โดยการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมขึ้น
“กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นการรวม 4 หน่วยงานเข้าด้วยกัน” ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อปฏิรูป 3 เรื่องสำคัญ 1.การปฏิรูปการบริหารราชการ 2.การปฏิรูปกฎระเบียบต่างๆ และ 3.การปฏิรูประบบงบประมาณ โดยเน้น
การทำงานกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
ขณะที่ ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนและขยายบทบาทหน้าที่ใหม่ดังกล่าว วช. ที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (จากเดิมคือสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) ได้รับมอบหมายเป็น 1.หน่วยให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ 2.การจัดทำฐานข้อมูลและดัชนีวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ 3.การริเริ่ม ขับเคลื่อนและประสานการดำเนินงานโครงการวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญของประเทศ
4.การจัดทำมาตรฐานและจริยธรรมการวิจัย 5.การส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ 6.การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านวิจัยและนวัตกรรม และ 7.การให้รางวัล ประกาศเกียรติคุณหรือยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานด้านวิจัยและนวัตกรรม รวม 7 ภารกิจสำคัญในระดับประเทศ โดย วช. มีการหารือร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ทำให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันทีและต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ
นอกจากนี้ วช. ได้เตรียมความพร้อมและยกระดับการทำงานตามภารกิจใหม่โดยแนวทาง “วช. 5G” ประกอบด้วย 1.Speed ทำงานได้รวดเร็วขึ้น 2.Start เริ่มทำงานได้ทันที ตอบสนองฉับพลัน 3.Scope ขยายขอบข่ายการทำงานในระดับชาติ และนานาชาติ 4.Connectivity เชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ 5.Low Energy ทำงานคุ้มค่า ใช้ต้นทุนต่ำ ได้ผลผลิตสูง
6.Smooth ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น และทำงานโดยไม่มีข้อจำกัด และ 7.New Features คิดริเริ่มงานใหม่ และได้เปิดตัวเว็บไซต์ www.nrct.go.th และ www.facebook.com/nrctofficial เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาคมวิจัยได้ใช้เป็นช่องทางสื่อสาร แสดงความคิดเห็นและความพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมต่อไป
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของการเดินหน้าจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. 2562 นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (บวทน.) ครั้งที่ 1/2562
โดยหัวข้อสำคัญคือ “การเตรียมเปลี่ยนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เป็นสำนักงานนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)” ซึ่งจะเป็นฝ่ายเลขานุการสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นคณะกรรมการระดับชาติ หรือ Super Board ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำกับดูแลนโยบายยุทธศาสตร์และกำหนดกรอบงบประมาณ รวมถึงการส่งเสริมการสร้างและพัฒนาบุคลากร และการติดตามประเมินผล
ในการประชุมครั้งนี้ นายพิเชฐ ย้ำถึงสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ “การเตรียมความพร้อมในทุกมิติ” ทั้งระดับประเทศและหน่วยงาน ซึ่งต้องมองอย่างเป็นระบบว่า 1.การรวมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ากับการอุดมศึกษาแล้ว เกิดมูลค่าเพิ่มอะไร 2.จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างไร 3.การขยายผลระบบวิจัยตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทางจะไปต่ออย่างไร เอกชนอยู่ตรงไหน และ 4.ต้องดูแลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านสังคมและมนุษยศาสตร์โดยให้ความสำคัญทัดเทียมกับด้านวิทยาศาสตร์
ทั้งนี้ คาดว่าการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ครั้งแรกจะเริ่มขึ้นราวเดือน มิ.ย. 2562 ซึ่งหาก
ไม่มีปัจจัยทางการเมือง ก็คงจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาสานงานต่อ..เวลานั้นคงได้เห็นกันว่ากระทรวงใหม่นี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรและมีบทบาทสำคัญตามความคาดหวังในการก่อตั้งมากน้อยเพียงใด!!!

เปิดโผ 99 ปาร์ตี้ลิสต์ส้ม 'เท้ง-ไหม-ต้น'นำทัพ คว้าเบอร์46 ลุยหาเสียงทันที
ดูได้ที่นี่ เช็กรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ ภูมิใจไทย
'ตั๊น จิตภัสร์'ลั่น! ไทยก้าวใหม่ไม่แตะ ม.112 เด็ดขาด ชูธงปกป้องสถาบันฯ เหนือสิ่งอื่นใด
ดูได้ที่นี่ เช็กรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทย
ไม่ใช่ถอย แต่คือยุทธศาสตร์! บิ๊กเล็กย้ำหยุดยิงทดสอบความจริงใจ ละเมิดเมื่อไหร่พร้อมตอบโต้ทันที

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี