วันที่ 11 พ.ค.นี้ เราคงได้เห็นโฉมหน้าสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกสรรแต่งตั้งจาก คสช. จำนวน 250 คน
ถ้าจะพิจารณาความเหมาะสมของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะต้องพิจารณาที่มาของ สว. ควบคู่เปรียบเทียบกับอำนาจหน้าที่
1. ในหลักการของระบอบประชาธิปไตย ที่เน้นการมีส่วนร่วมและอำนาจของปวงชน สว.ที่มีที่มาจากประชาชน เช่น การเลือกตั้งจากประชาชน ก็น่าจะมีอำนาจหน้าที่มาก แต่ถ้า สว.ที่มีที่มาจากการแต่งตั้งสรรหาจากกลุ่มบุคคลหรือบุคคลก็ควรจะมีอำนาจหน้าที่น้อยกว่า
2. ประเทศไทยมี สว.มาแล้วหลายประเภท ตั้งแต่มีการแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจ คือ รัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งก็มีอำนาจเพียงกลั่นกรองกฎหมาย และอภิปรายท้วงติง แต่อำนาจสุดท้ายแท้จริงอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร
มาจนถึง สว.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน (รัฐธรรมนูญ 2540) มีอำนาจเพิ่มเติมจากกลั่นกรองกฎหมาย อภิปรายท้วงติงแล้ว ยังมีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมีอำนาจเลือกสรรองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง เป็นต้น
3. สว.ที่ประเทศของเราจะมีในอีกไม่กี่วัน มีที่มาอยู่ 3 ประเภท
3.1 เป็นโดยตำแหน่ง 6 คน เป็นบุคคลในแวดวงทหาร ตำรวจ และกองทัพทั้งสิ้น ได้แก่ ผบ.เหล่าทัพทั้งสามเหล่าทัพ ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปลัดกระทรวงกลาโหม
3.2 โดยการสรรหาแต่งตั้งจาก คสช.194 คน
3.3 จากการให้ผู้ประสงค์จะเป็น สว. สมัคร และเลือกกันเองให้ได้จำนวน 200 คน แล้ว คสช.เลือกเหลือ 50 คน
โดยสรุป คือ มาจากดุลยพินิจและการแต่งตั้งของ คสช.
4. สว.ที่จะมีขึ้น 250 คน มีอำนาจและภารกิจพิเศษเพิ่มเติม จากการกลั่นกรองกฎหมาย อภิปรายท้วงติงแนะนำ คือ มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจร่วมพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ
5. สว. 250 คนในครั้งนี้ จะมีอายุการทำงานในอำนาจดังกล่าว 5 ปี เท่ากับว่า วุฒิสภาใน 5 ปีแรก มีบทบาทมากเป็นพิเศษ สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้อย่างน้อย 2 สมัย
ซึ่งก็คือเป็นผู้กำหนดสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล
6. จึงมิพักต้องสงสัยว่า คสช.และรัฐบาลปัจจุบัน จะคัดเลือกแต่งตั้งคนที่จะสนับสนุนคนที่รัฐบาลและคสช.สนับสนุนให้เป็นนายกฯต่อ ซึ่งก็คือสนับสนุน พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกฯ ปัจจุบันและหัวหน้า คสช. และผู้ร่วมสำคัญในการคัดสรรแต่งตั้งคนเป็น สว.มาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ
7. มิพักต้องสงสัยว่า บุคคลที่จะได้เป็น สว.ในครั้งนี้ ก็จะเป็นข้าราชการและอดีตข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการทหารจากกองทัพทั้งสาม ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน จะมีบุคคลในแวดวงธุรกิจ นักวิชาการ สื่อมวลชนบ้าง ก็ต้องเป็นผู้ที่รู้ใจ หรือ “ใจสั่งมา”
8. จึงเป็นเรื่องไม่ง่าย ที่มีผู้ตั้งความหวัง และเรียกร้องให้ สว. 250 คนในครั้งนี้ ฟังความต้องการของประชาชน ผ่านคะแนนการเลือกตั้ง และผ่านการเสนอแนะ บอกกล่าวของสังคม จะเป็นจริง เสมือนการตั้งความหวังให้พยัคฆ์ออกลูกเป็นปลาโลมา
9. ชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องอยู่กับระบอบประชาธิปไตยซ่อนรูปอย่างนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
คนชอบบทบาททหารในการเมืองไทย เพราะคิดว่าทหารดีกว่า บริสุทธิ์กว่านักการเมือง กองทัพและราชการดีกว่าพรรคการเมือง และก็ตั้งความหวังและจินตนาการว่า เราจะได้ “เผด็จการโดยธรรม” แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่า ระบบตรวจสอบจากวุฒิสภาก็คงจะด้อยลงอย่างมาก
คนที่ไม่ชอบ ก็คงจำต้องยอม เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
สถาปนิกการเมืองฝีมือ “ดี” ได้ออกแบบไว้อย่างนี้
10. ประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังยึดอำนาจรัฐประหาร แล้วมีพรรคการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ แม้มีรัฐธรรมนูญที่เอื้อกับผู้มีอำนาจสุดๆ ก็อยู่ได้ไม่นาน เว้นแต่จะมี “ผู้นำโดยธรรม” เข้ามาครองประเทศ แต่พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจก็ไม่เคยมีพรรคใดคงอยู่ได้ยาวจนถึงปัจจุบัน
11. ความพยายามของพรรคการเมืองกลุ่มหนึ่ง ที่จะ “ปิดสวิตช์” วุฒิสภา โดยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลให้ได้จำนวน สส.มากล้นเกินครึ่งมากๆ ของสภาผู้แทนราษฎร (คือมากกว่า 375 คนซึ่งเท่ากับมากเกินครึ่งของสองสภารวมกัน)คงจะเกิดได้ยาก เพราะตัวของกลุ่มพรรคการเมืองดังกล่าวก็มีปัญหาความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ ความตรงไปตรงมาที่จะไม่สืบทอดอำนาจระบอบทักษิณ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี