หนังสือวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง “Animal Farm” เขียนโดย “จอร์จ ออร์เวลล์” มีการพิมพ์เผยแพร่มานานแล้ว และถูกแปลเป็นหลายภาษา รวมถึงภาคภาษาไทยที่มีการแปลกันหลายเวอร์ชั่น

จู่ๆ “ท่านกะปิตัน” ที่ไม่เคยออกมาแนะนำหนังสือยอดเด็ดเรื่องไหนมาก่อน ก็ได้ออกมาชวนคนไทยให้อ่านเรื่อง “Animal Farm” เล่นเอาหนอนหนังสือถึงกับอ้าปากค้างและนักวิชาการอ้าปากหวอ

แถมยังเท่ากับ “เขี่ยบอลใส่เท้าตี๋หมื่นล้าน” และ “ตั้งบอลที่จุดโทษ” ให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม “ยิงลูกเข้าตาข่าย”

ทั้งนี้เพราะหนังสือเล่มดังกล่าวมุ่งหมายโจมตี “3 ขาใหญ่เผด็จการคอมมิวนิสต์รัสเซีย” ที่ได้ “โค่นอำนาจพระเจ้าซาร์” ฐานกดขี่ประชาชน ครั้นได้อำนาจมาแล้ว 3 ขาใหญ่ก็กดขี่ประชาชนต่อไปเหมือนพระเจ้าซาร์ที่ถูกพวกเขาโค่นซึ่งมี “แนวคิด” คล้ายกับ “วรรณกรรมรางวัลโนเบล” เรื่อง “ดร.ชิวาโก” เขียนโดย “บอริส ปาสเตอร์แน็ก”

เรื่อง “Animal Farm” จอร์จ ออร์เวลล์ ใช้ “หมู 3 ตัว” เป็นตัวเอกในการเดินเรื่อง โดย “3 หมู” ได้ยึดอำนาจจาก “คนเลี้ยง” ซึ่งเป็น “ไอ้ขี้เมาใจดำ”

หลังจาก “หมู 3 ตัว” ยึดอำนาจจาก “คน” ก็มีการแย่งชิงอำนาจกันจนเหลือแต่ “หมูนโปเลียน” ที่มี “อำนาจ” สูงสุด

ในระยะแรก “หมูนโปเลียน” เป็นหมูมีอุดมการณ์ ถึงขั้น “ออกกฎ” ระบุว่า “สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน”

ครั้นอยู่ใน “อำนาจ” ยาวนาน “หมูนโปเลียนก็ถูกอำนาจครอบงำจนเสียหมู” กลายเป็น “หมูเมาอำนาจ เดินสองขาอย่างคน เริ่มใส่เสื้อผ้า นอนเตียง กินเหล้าและเริ่มใช้อำนาจฆ่าสัตว์ตัวอื่นๆ”

ที่ “เจ็บจี๊ด” ที่สุด หมูนโปเลียนได้เปลี่ยนกฎจาก “สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน” เป็น “สัตว์บางตัวเท่าเทียมมากกว่าสัตว์ตัวอื่น”

แท้จริง “จอร์จ ออร์เวลล์” ต้องการสื่อความหมายว่า “อำนาจ ไม่ว่าอยู่กับใคร แม้ผู้นั้นจะเป็นคนดีมีอุดมการณ์ขนาดไหน นานไปก็จะถูกอำนาจครอบงำจนเสียคน”

“ไม่ใช่เฉพาะเผด็จการเท่านั้น ที่จะถูกอำนาจครอบงำจนกลายเป็นทรราช แม้แต่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งถ้าได้อำนาจอยู่ในมือ ไม่ช้าก็จะใช้อำนาจไปในทางที่ผิด”

เกือบทุกรายที่ได้อำนาจ “จบท้าย” ก็จะกลายเป็น “ฮิตเลอร์ผู้บ้าอำนาจ”

บอกไม่ได้จริงๆ เหตุใด “ท่านกะปิตัน” จึงเชียร์ให้คนไทยอ่านหนังสือเล่มนี้?

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม