การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น เป้าหมายที่แท้จริงภายใต้การปกครองประเทศคือ ความสันติสุขของประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งต้องมีนิติรัฐและให้หลักนิติธรรม ยึดมั่นในผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นที่ตั้ง ประชาชนจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาการทางประชาธิปไตย ให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป
แต่การเมืองในบ้านเราขณะนี้ไม่ได้เดินไปบนเส้นทางอย่างที่ว่านี้เท่าไรนัก มีการใช้เงินในการซื้ออำนาจ ใช้ปืนยึดอำนาจ และใช้อำนาจที่ได้มาแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและพรรคพวก ผู้แทนที่ประชาชนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ มิได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต แต่กลับใช้อำนาจฉ้อฉลเพื่อประโยชน์ตนเอง ตะลุมบอนฟาดฟันกันในการแย่งตำแหน่งหน้าที่ แย่งกระทรวงกันอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างที่เห็นไม่กี่วันมานี้
เหมือนแย่งอาหารแย่งชามข้าวกันกิน
ประชาชนถูกครอบงำความคิดอย่างผิดๆ ที่สืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งร่างกันขึ้นมาในลักษณะที่มีเงื่อนไขในการสืบต่ออำนาจ แม้จะมีการทำประชามติก็ตาม แต่ถ้าดูจำนวนประชามติให้ดีแล้ว ผู้มีสิทธิลงประชามติทั่วประเทศมีถึง 50 ล้านคน แต่มาลงเพียง 16 ล้านคน เท่ากับ 32% กว่าๆ ความหมายว่าเป็นประชามติถูกต้องหรือไม่
โดยเฉพาะคุณภาพของนักการเมืองในบ้านเราขณะนี้ ก็ยังเป็นคุณภาพที่ไม่น่าเชื่อมั่นว่าจะดีเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีนักการเมืองที่มีคุณภาพดีๆอยู่บ้างก็ตาม นักการเมืองที่มีคุณภาพดีๆเหล่านี้ก็พลอยเสียหายไปด้วย เพราะเข้ามาอยู่ในแวดวงการเมืองด้วยกัน
นักการเมืองที่ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ ต้องถือว่าเป็นนักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพที่ดี ต้องวิ่งหาโน่นหานี่อยู่ตลอดเวลา หิวคนอยากได้คนมาเข้าคอก นักการเมืองที่วันนี้อยู่คอกนี้ วันพรุ่งนี้วิ่งไปอยู่คอกอื่น เพราะคอกอื่นมีอาหารการกินดีกว่า
ทางพระเรียกมนุษย์จำพวกนี้ว่า มนุสสเปโต ที่เปรียบเทียบมนุษย์จำพวกนี้เหมือนเปรต ที่ร้องโหยหวนหาแต่อาหารไม่เป็นเวล่ำเวลา และเมื่อมนุษย์ดังกล่าวนี้เป็นนักการเมือง เข้ามาวุ่นอยู่ในวงการทางการเมือง ก็เรียกได้ว่า เป็นนักการเมืองสเปโต
นักการเมืองสเปโตที่ว่านี้สมัยนี้มีมากกว่าสมัยก่อน เห็นวิ่งหาอาหารกันวันยังค่ำ ที่ไหนมีอาหารให้กินดีกว่าก็วิ่งไปที่นั่น เป็นนักการเมืองที่หิวอยู่ตลอดเวลา
ถ้ามาเป็นรัฐบาล ก็เป็นรัฐบาลสเปโต
เราเคยมีรัฐบาลสเปโตกันมาแล้ว ที่หัวหน้าสเปโตของรัฐบาลที่ว่านี้ร่ำรวยมากมายเท่าไรไม่พอ ใช้อำนาจทุจริตคดโกงกันทุกรูปแบบ จนต้องหนีคุกหลบหนีไปตะลอนๆอยู่ในต่างประเทศขณะนี้
ขณะนี้เรากำลังจะมีรัฐบาลสเปโตกันอีกหรือ เพราะเห็นนักการเมืองพันธุ์สเปโตหลายคน ทั้งคุ้นหน้าและไม่คุ้นหน้า กำลังพาเหรดกันเข้ามาเป็นรัฐบาล หรือเป็นข้าราชการการเมืองในตำแหน่งต่างๆ กันมากหน้าหลายตา
หลายคนมีมลทินในเรื่องความทุจริตคดโกง ระหว่างที่มีตำแหน่งหน้าที่ในทางราชการ หรือระหว่างเป็นพ่อค้าเป็นนักธุรกิจ เมื่อมีอำนาจทางการเมือง ก็เปลี่ยนอำนาจรัฐที่ได้มาให้เป็นกำไรให้ตัวเอง โดยการกำหนดนโยบาย หรือโครงการต่างๆขึ้น รวมทั้งการใช้อำนาจรัฐเข้าไปแปรทรัพย์สินต่างๆของประเทศ ให้เข้ามาเป็นของตนและพรรคพวกในจังหวะเวลาที่อำนวยให้สร้างความร่ำรวยให้เกิดขึ้นกับตน อย่างที่เห็นกันอยู่หลายๆคนขณะนี้
องค์กรตรวจสอบบางแห่งถูกแทรกแซง ด้วยการส่งคนของตนเข้าไปกำกับดูแล ทั้งในท้องถิ่นหรือระดับชาติ การป้องกันปราบปรามความทุจริตคอร์รัปชั่น ดูจะเป็นแค่ตัวหนังสือ
ความดีประการหนึ่งของตน คือการมีจริยธรรม
หากนักการเมืองและข้าราชการของบ้านเมืองมีจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ โดยละอายต่อการกระทำชั่ว ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ตน ย่อมส่งผลดีแก่ประเทศและประชาชน ส่วนนักการเมืองและข้าราชการประจำที่ไม่มีจริยธรรม มีความประพฤติไม่ดีหรือประพฤติชั่ว ก่อความเสียหายแก่ส่วนรวมหรือต่อหน่วยงานของตน สมควรต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมายโดยไม่เลือกที่รักที่ชัง ไม่ใช่เห็นแก่เรื่องในความเป็นพี่เป็นน้อง เรื่องของรุ่น หรือเรื่องของผลประโยชน์อื่นใดที่จะได้รับตอบแทน
นอกจากเรื่องของจริยธรรมดังกล่าวแล้ว เรื่องของการทุจริตคดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวงของบรรดานักการเมืองหรือผู้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ รวมทั้งข้าราชการประจำต่างๆ ก็ต้องไม่ใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อกระทำทุจริต
ในอดีตมักกระทำกันในลักษณะของการเรียกรับสินบนหรือการเรียกเปอร์เซ็นต์จากการจัดซื้อจัดจ้าง หรือมีการกระทำในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการทุจริตเชิงนโยบาย คือมีการกำหนดนโยบายและเขียนโครงการขึ้นมารองรับอย่างแยบยล ภายใต้เงื่อนไขต่างๆที่กำหนดไว้
แม้กระทั่งเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดเรื่องบางอย่างให้มีเงื่อนไขอันจะนำไปสู่ประโยชน์ของคนบางกลุ่มบางพวก เป็นต้น
กลายเป็นคนไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ
จะกลายเป็นนักการเมืองพันธุ์สเปโต หรือรัฐบาลพันธุ์สเปโต ไปได้ง่ายๆ และจะถูกไล่ล่า ถูกกำจัดออกไปในที่สุด
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี