เมื่อเร็วๆ นี้หนังสือพิมพ์ลงข่าว สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงเตือนผู้นำฝ่ายบริหารที่มาเข้าเฝ้าขอพรก่อนเข้ารับหน้าที่ทำงาน โดยสมเด็จพระสังฆราชประทานพรในครั้งนั้นว่าให้เป็นผู้มีสติในการทำงาน
นับเป็นพรที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะสติเป็นเครื่องระลึก และเป็นเครื่องกั้นความไม่ดีทั้งหลายไม่ให้เกิดขึ้น เป็นสติที่เป็นเครื่องอุปการะแก่ปัญญาโดยตรง ไม่ว่าจะทำอะไรว่าควรทำ หรือไม่ควรทำ
คนขาดสติเป็นคนไม่รู้จักผิด ไม่รู้จักถูก ไม่รู้จักดี ไม่รู้จักชั่ว ทำอะไรตามใจชอบ เพราะจิตใจไม่เคยดูแลรักษาด้วยความมีสติ เหมือนคนที่ขาดพ่อแม่ในการดูแล ขาดการอบรมบ่มนิสัยในการทำความคิดเห็นให้ถูกต้อง คนอย่างนี้เมื่อถูกอารมณ์ที่ชอบใจ ก็จะดีใจ แต่เมื่อถูกอารมณ์ที่ไม่ชอบใจแล้ว จิตใจก็จะขุ่นมัว ไม่ชอบใจ ไม่สบาย เหมือนน้ำในแก้ว ถ้าถูกสีเขียวก็จะเขียวขึ้น ถ้าถูกสีแดงก็จะแดงขึ้นเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
คนไม่มีสติจะเป็นคนไม่รู้จักผู้น้อยผู้ใหญ่ ถูกกิเลสคือ โลภะ โทสะ และโมหะ เข้าครอบงำได้ง่าย จะเป็นคนที่ขาดความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา กวัดแกว่งไปตามใจชอบ ถ้าเป็นคนอย่างนี้และเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ยิ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองด้วยแล้ว ย่อมเป็นคนที่ไม่สามารถนำความเจริญมาสู่ส่วนรวมของประเทศได้เลย
จะกลายเป็นคนที่ถูกด่าถูกแช่งไปทั่ว
ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ปกครองต้องมีสติกำกับจิตใจตนอยู่เสมอว่า ตนมีหน้าที่ซื้อความทุกข์ของผู้คนในสังคม หรืออยู่ในหน่วยงานที่คนรับผิดชอบ ต้องปลงใจตนเองให้ได้อย่างคนมีสติว่า จะซื้อความทุกข์ของคนอื่นมาสู่ตน และให้ความสุขของตนแก่ผู้คนในสังคมนั้นๆ ถ้าเป็นคนไม่มีสติกำกับจิตใจของตนไว้อย่างนี้ กลับคิดอ่านเดินหน้าไปตามใจชอบแล้ว ความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองก็ยากจะเกิด แต่จะมีแต่ทรุดลง
จะปั้นแต่งคำพูดที่สวยหรูอย่างไรออกมาให้ผู้คนคล้อยตาม ก็ยากที่จะได้รับการเชื่อถือ ความเสื่อมจะเกิดตามมาแก่ตนว่าเป็นคนดีแต่พูด
เรื่องของความโกรธก็เช่นเดียวกันที่ต้องคอยมีสติกำกับอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ผิดหูหน่อยก็โกรธ หรือใครถามอะไรที่แทงใจ ไม่ถูกใจ ก็เอะอะชี้ไม้ชี้มือว่ากล่าว ผู้นำที่ดีต้องมีสติกำกับตลอดเวลา
จำคำพูดที่เป็นสำนวนอย่างนี้ เป็นสติคอยกำกับให้ดีว่า “โกรธเขา เราร้อน”
แม้พระพุทธองค์ก็เคยตรัสถึงโทษความโกรธ 7 ประการ
1. คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะอาบน้ำไล้ทาผิว ตัดผม โกนหนวด นุ่งผ้าขาวสะอาดก็ตาม แต่ถูกความโกรธครอบงำแล้ว ย่อมเป็นผู้ผิวพรรณทราม
2. คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะนอนบนที่นอนอย่างดี มีหมอนหนุนหัวหนุนเท้าก็ตาม แต่ถูกความโกรธครอบงำแล้ว ย่อมนอนเป็นทุกข์
3. คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครองงำย่ำยีแล้ว แม้จะถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือแม้จะถือเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็สำคัญว่าเราถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ นี้ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายตลอดกาลนาน
4. คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้จะมีโภคทรัพย์ที่หามาโดยชอบธรรม ด้วยความขยันหมั่นเพียร อาบเหงื่อต่างน้ำ ก็มักถูกริบโภคทรัพย์เพราะจะมีเหตุ หรือเกิดเหตุต่างๆที่เกิดตามมาจากการกระทำของตน
5. คนผู้โกรธ ถูกความโกรธเข้าครอบงำ แม้จะได้ยศมาเพราะความไม่ประมาท ก็เสื่อมจากยศนั้นได้
6. คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครอบงำย่ำยีแล้ว แม้เขาจะมีมิตรสหาย แต่มิตรสหายเหล่านั้นก็เว้นเขาเสียห่างไกล
7. คนผู้โกรธ ถูกความโกรธครองงำย่ำยีแล้ว ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงทุคติ
นี่คือธรรม 7 ประการที่จะมาถึงผู้มีความโกรธ
เพราะฉะนั้น เวลาเอะอะ โว้กว้าก โมโหโทโสกับใครก็ตามที่เขาถามเรื่องบางสิ่งบางอย่างที่เขาสงสัย หรือผู้คนในบ้านเมืองสงสัย โดยเฉพาะในเรื่องที่เกิดขึ้นกับตน ความโกรธคนที่มาถามก็หาได้ทำให้เขาพินาศไปไม่ แต่ตรงกันข้ามจะทำให้ความโกรธของเรานั่นแหละที่จะทำลายตัวเราเองให้เสื่อมเสีย เป็นที่ชิงชังหรือขบขันนำไปล้อเลียนให้สนุกสนาน
เพราะ “โกรธเขา เราร้อน” นั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นความโกรธประเภทไหนที่แสดงออกมาด้วยคำพูดหรือกิริยาท่าทางในรูปแบบต่างๆ เช่น โกรธจัด กัดติด หงุดหงิด จิตขุ่นมัว ตัวสั่น ศรศิลป์ไม่กินกัน มันน่าโมโหจัง กินรังแตน คับแค้นแน่นอก อยากชกบึ้งตึง ขึ้งเครียดเกลียดหนัก ค้อนควักเคืองขุ่น ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดเดือดดาลรำคาญใจ ไฟสุมขอน รุ่มร้อนใจ เป็นฟืนเป็นไฟเจ็บใจนักเชียว โกรธจนหน้าเขียว หน้าบูดหน้าเบี้ยวเป็นต้น
ถ้าเป็นคนที่มีสติคอยกำกับจะไม่เป็นคนอย่างนี้
เพราะ “คนผู้มีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ” นั่นเอง ตามที่สมเด็จพระสังฆราชทรงได้ประทานพร
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี