เรื่องการรู้กาลเทศะ และเรื่องความเหมาะความควรในการแสดงออกและความประพฤติของบุคคลเป็นสิ่งที่ต้องถูกปลูกฝังถูกอบรมสั่งสอนมาจากบุพการี แต่ถ้าหากครอบครัวใดที่บุพการีบกพร่องในเรื่องการสั่งการสอนสิ่งเหล่านี้ให้ลูกหลาน รับรองได้ว่าลูกหลานในครอบครัวนั้นจะไม่มีวันรู้กาลเทศะ และไม่มีวันรู้ความเหมาะความควร แล้วจะปล่อยตัวให้กลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจ กลายเป็นขยะไร้ค่าของสังคม
ในขณะนี้มีเรื่องหนึ่งที่สาธารณชนพากันตั้งคำถามถึงความเหมาะความควรอย่างมาก คือกรณีกลุ่มรักร่วมเพศ จำนวนสองคนแสดงอาการที่ไม่ควรกระทำในสถานที่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐสภาของประเทศไทย คือทั้งสองได้จูบปากกันอย่างเปิดเผย แต่ที่น่าบัดสีและน่าทุเรศยิ่งกว่าคือ ณ ที่ซึ่งกลุ่มรักร่วมเพศทั้งสองได้แสดงอาการดังกล่าว กลับมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกลุ่มหนึ่งจากพรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ยืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งจากภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนคือ สส. กลุ่มดังกล่าวมีท่าทางสนับสนุนให้ทั้งสองคนแสดงอาการที่ว่านั้น
ประเด็นสำคัญที่ต้องถกกันในที่นี้คือ การจูบกันของคนทั้งสองเป็นสิ่งที่ควรกระทำในรัฐสภาหรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญยิ่งกว่าอยู่ที่ สส. สมควรเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการแสดงอาการดังกล่าวในรัฐสภาหรือไม่
ขอย้ำว่าการกอด การจูบกันของคนเป็นเรื่องที่สังคมไทยไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจ และไม่ได้หวงห้าม ไม่ว่าคนที่แสดงอาการดังกล่าวจะเป็นคนเพศใด แต่สิ่งที่ผู้กระทำจะต้องสำเหนียกให้จงหนักคือสถานที่ที่แสดงอาการดังกล่าวนั้นเหมาะสมหรือไม่
เรื่องการประพฤติปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมของปัจเจกบุคคลในสถานที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการสั่งสอนอบรมมาจากครอบครัวเป็นอันดับแรก ถ้าหากครอบครัวขาดตกบกพร่องหรือไม่ให้ความสำคัญในเรื่องสำคัญเช่นนี้เสียแล้ว ก็ไม่มีวันที่สมาชิกของครอบครัวจะสามารถแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่เหมาะสมในสังคมได้เป็นอันขาด
กรณีการจูบกันของกลุ่มรักร่วมเพศในรัฐสภาโดยมี สส. กลุ่มหนึ่งให้การสนับสนุนเป็นเรื่องที่สังคมต้องตั้งคำถามไปยัง สส. กลุ่มที่ว่านั้นด้วย คำถามสำคัญคือ ทำไม สส. ที่พากลุ่มรักร่วมเพศเข้าไปแถลงข่าวจึงไม่รู้ว่าอะไรเหมาะอะไรควรหรือว่า สส. กลุ่มที่ว่านั้นเป็นผู้มีวิจารณญาณบกพร่อง หรือหากจะถามให้ตรงประเด็นก็คือที่บ้านของ สส. กลุ่มดังกล่าวไม่สั่งไม่สอนบ้างเลยหรือว่าอะไรเหมาะ อะไรควร หรือว่าที่บ้านของ สส. เหล่านั้นไม่มีพ่อแม่ ปู่ย่าตายายให้คำอบรมสั่งสอนว่าอะไรเหมาะอะไรควรบ้างเลยหรือ
ยิ่งเมื่อสาธารณชนได้ฟังคำแก้ตัวแบบไร้ความรับผิดชอบจาก สส. กลุ่มที่พากลุ่มรักร่วมเพศเข้าไปในรัฐสภา ก็ยิ่งทำให้สาธารณชนเสื่อมศรัทธาต่อ สส. กลุ่มดังกล่าว และเสื่อมศรัทธาต่อพรรคการเมืองที่ สส. กลุ่มดังกล่าวสังกัดอยู่
หากจะว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว สาธารณชนไม่เห็นด้วยกับการที่กลุ่มรักร่วมเพศจูบกันกลางรัฐสภา แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ สาธารณชนต่างพากันก่นด่าและประณาม สส. ที่ไร้สำนึก และไร้ความรับผิดชอบต่อการกระทำ ยิ่งเมื่อสาธารณชนได้ยินคำแก้ตัวที่ไร้ตรรกะของ สส. กลุ่มนี้ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าคนทั้งสองจะจูบกันกลางรัฐสภา แต่เมื่อดูภาพที่ปรากฏแล้วกลับเป็นคนละเรื่องกับคำโกหกของ สส. ก็ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามตัวโตๆ ว่าที่บ้านของ สส. ดังกล่าวนั้นเคยอบรมสั่งสอนบ้างไหมว่าอะไรเหมาะ อะไรควร หรือว่าที่บ้านของ สส. เหล่านั้นไม่เคยอบรมสั่งสอนว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี