ผมขอถือโอกาสอวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ปี 2020 นี้ ขอให้มีความสุข มีสุขภาพที่ดี ทุกๆ ท่าน
การเขียนของผมคงจะท้าทายมากขึ้น เพราะเขียนมาเป็นเวลานานแล้ว ปัจจุบัน มีนักเขียนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพมาช่วยเติมเต็มอีกมากมาย ดีใจที่บทความยังมีคุณค่าต่อผู้อ่านอยู่เสมอ ดูได้จากการตอบรับจากผู้อ่านหลายๆ กลุ่ม
ขอขอบคุณผู้อ่านหลายท่านให้กำลังใจผมเสมอ ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าได้ทำประโยชน์ต่อสังคมในการนำประสบการณ์ที่สะสมมาแบ่งปันกัน
ในแต่ละปีผ่านไปรวดเร็วมาก ยิ่งอายุมาก รู้สึกยิ่งผ่านไปเร็วยิ่งขึ้นแต่ตราบใดที่ยังติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องให้วิเคราะห์และมีเวทีให้สื่อสารก็ควรจะแบ่งปันกัน เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์แตกต่างกันไป
การเลือกหัวข้อของผมแต่ละครั้งยากขึ้น ผมจะพูดถึงกิจกรรมของตัวเองน้อยลงเพราะผู้อ่านอาจจะทราบมาแล้ว แต่เรื่องการพัฒนาคนสำคัญมาก จะเน้นเรื่องใหญ่ๆของสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ผมนำเรื่องที่คิดอยู่มาแบ่งปันให้ผู้อ่านได้นำไปคิด ได้ไปปรึกษาวิเคราะห์กับเพื่อนฝูง เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมของการเรียนรู้
สัปดาห์นี้เนื่องจากจะตีพิมพ์ก่อนปีใหม่ จึงเลือก 4 เรื่องที่มีความสำคัญต่อโลกของเราและอาจหมายถึงความสำคัญต่อคนไทยด้วย
เรื่องแรกจะเกิดขึ้น แน่ๆ คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เวลาผ่านไปรวดเร็ว 3 ปี ปี 2016 มีการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย เดือนพฤศจิกายน ปี 2020 จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 สถาบันเสริมศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ และ Chira Academy จัดการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) “โครงการวิจัย เพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการบริหารคลังสินค้า และโลจิสติกส์ทางการค้าของไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพรองรับการค้าและการลงทุนในยุค e-commerce” ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายภาคส่วน ได้แก่ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ และคลังสินค้าสมัยใหม่ ผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้บริการด้านโลจิสติกส์ และคลังสินค้าสมัยใหม่ รวมถึงผู้แทนภาควิชาการ ด้านเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าสมัยใหม่และด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์และคลังสินค้า ณ ห้องประชุมประภาศน์ อวยชัย อาคารอเนกประสงค์ 1 ชั้น 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
ใน 3 ปี ที่ผ่านมาความเป็นผู้นำของทรัมป์ที่ไม่เหมือนใคร วิธีการทำงานที่ไม่เคยมีมาก่อน บุคลิกหรือการโกหกซึ่งๆ หน้าในเรื่องต่างๆ
ถ้าใครติดตามจะเห็นว่าเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี หยาบคาย ไม่มีมารยาท แต่ทรัมป์ก็ไม่แคร์
แต่กลุ่มการเมืองในสหรัฐ ยังสนับสนุนเขาอยู่ เป็นที่มาของคำว่า ฐานเสียงการเมือง คือไม่ต้องมีมาก แต่มีฐานเสียงการเมืองที่มั่นคงก็พอเพียง ไม่เปลี่ยนไปตามกระแส บุคคลเหล่านี้ประกอบไปด้วย
1. ผิวขาว การศึกษาไม่สูง
2. ผู้เคยมีงานทำที่ดี แต่ตอนหลังๆ มีเทคโนโลยีทำให้ตกงาน
3. ไม่ชอบนโยบาย เปิดโอกาสให้ชาติอื่นอพยพเข้ามาในสหรัฐ ทั้งถูกหรือผิดกฎหมาย
4. ฐานเสียงการเมืองของทรัมป์ในรัฐที่สำคัญ คือ โอไฮโอ (Ohio),มิชิแกน (Michigan), ไมอามี่ Miami, เพนซิลเวเนีย (Pennsylvania)
5. เกลียดการค้าเสรีหรือระบบโลกาภิวัตน์ เพราะทำให้ฐานเสียงของเขาเสียเปรียบ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นการเมืองยุคทรัมป์จะเน้นที่ฐานเสียงอาจจะมีแค่ 40% ของประชากรทั้งประเทศ แต่เป็นฐานเสียงที่แน่น และรับข้อมูลข้างเดียวโดยไม่เป็นกลาง เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ในอนาคตทั้งในสหรัฐและในประเทศอื่นๆ ไม่ว่าทรัมป์จะทำผิดหรือถูก คะแนนนิยมก็ไม่ตก
ถ้าจะเปรียบเทียบกับเมืองไทยก็คล้ายกับฐานเสียงของประชาธิปัตย์ในอดีตที่ภาคใต้หรือ กทม. แต่ปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนไป หรือพรรคคุณทักษิณฐานเสียงที่ภาคอีสานหรือภาคเหนือ การเลือกตั้งครั้งนี้ก็เริ่มลดลงแต่ของทรัมป์ยังแน่นหนาอยู่
ที่อเมริกาฐานเสียงของทรัมป์ยังแน่นเพราะวิธีการพูด วิธีการใช้สื่อของทรัมป์ และวิธีการใช้โซเชียลมีเดีย Social Media ยังส่งไปสู่ฐานเสียงเหล่านี้
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2562 ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ องค์คณะมนตรีของเทพศิรินทร์นำคณะวิทยากรจาก Chira Academy และรุ่นพี่นักเรียนเก่าเทพศิรินทร์จัดกิจกรรมDebsirin Coaching and Mentoring Day ซึ่งมีผู้ปกครอง ครูและนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ
ส่วนใครจะมีแข่งกับทรัมป์ในนามพรรคเดโมแครต ซึ่งมีตัวเก็ง เช่น
1. โจ ไบเดน (JOE BIDEN)
2. เบอร์นี แซนเดอร์ส (BERNIE SANDERS)
3. เอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren)
4. พีท บุตอาเจจ (Pete Buttigieg)
ดังที่ผมได้เขียนถึงเขาไปแล้วว่า Buttigieg ยังติดอยู่ 1 ใน 4ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเพราะเขาเป็นนักการเมืองอายุน้อยแค่ 37 ปี คู่แข่งอื่นอายุเกิน 70 ทุกคน แต่มีอีกคนหนึ่งที่น่าจะพูดถึง คือ แอนดรูว์ หยาง (Andrew Yang) เป็นอเมริกันเชื้อสายจีนไต้หวัน อายุแค่ 44 ปี ยังติดอยู่อันดับต้นๆ เป็นคนรุ่นใหม่ มีอาชีพเป็นทนาย ทำงานทางด้าน NGO คือพัฒนาประกอบการให้กลุ่มคนที่ยังขาดโอกาส นับเป็นผู้สมัครระดับประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากเชื้อสายจีน
ผมติดตามอ่านประวัติของ แอนดรูว์ หยาง เห็นว่าน่าสนใจติดตามอีกคนหนึ่ง เพราะหน้าเขาเป็นคนเอเชียมาก และมีวิธีนำเสนอที่ถูกใจคนอเมริกันพอสมควร
การเลือกตั้ง 2020 ยังไม่มีการคาดเดาได้ว่าใครชนะ แต่ที่แน่ๆคือคงจะสูสีกันมาก เพราะพรรคเดโมแครตเองต้องสู้เพราะยุคทรัมป์ได้สร้างปัญหาไว้มากมาย
ที่สำคัญคือผลกระทบต่อโลก เพราะถ้าทรัมป์ชนะ ทำให้โลกปั่นป่วนต่อไปและเสี่ยงมาก
สำหรับผมได้เรียนรู้หลายๆ อย่างจากการที่ติดตามการเมืองว่า การเมืองเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรแน่นอนและต้องระมัดระวัง การสร้างกระแสทางการเมืองน่ากลัว เพราะถ้าประชาชนขาดความเข้าใจและวิเคราะห์ไม่เป็น ผลกระทบทางลบจะเกิดขึ้น เช่น สมัยฮิตเลอร์ในอดีต เคยได้รับความนิยมอย่างมาก แต่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้โลกเสียหายอย่างมากการศึกษาผู้นำจากการเมือง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
ปัจจัยที่ 2 ที่ต้องเฝ้าติดตามในปี 2020 คือข้อตกลงการค้า รอบ 2 ระหว่างอเมริกากับจีนในระยะที่ 1 จบแล้วในปีนี้ ซึ่งเน้นเฉพาะเรื่องการหยุดการเพิ่มภาษีนำเข้าและการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นของจีน ก็เป็นข้อตกลงที่สำคัญขั้นแรก
แอนดรูว์ หยาง (Andrew Yang)
ซึ่งข้อตกลงขั้นที่ 2 คงจะเกี่ยวกับปัจจัยทางเทคโนโลยี ซึ่งสหรัฐมองจีนว่าไม่ยุติธรรม
2.1 จีนชอบขโมยเทคโนโลยีของสหรัฐโดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์
2.2 รัฐบาลจีนมีบทบาทในการสนับสนุนธุรกิจจีนมากเกินไป จีนเก่งกว่าสหรัฐเรื่อง 5G สหรัฐจึงไม่ให้ธุรกิจของสหรัฐยุ่งกับ 5G ของจีนเกิดผลกระทบอย่างมากเพราะ 5G ของจีนในอดีตก็มีความสัมพันธ์กับธุรกิจอย่าง Google เพราะ Google เป็นส่วนหนึ่งของ Supply chain ห่วงโซ่อุปทาน ของ 5G (Huawei)
ปี 2020 ข้อตกลงการค้า ขั้นที่ 2 คงจะยากขึ้นเพราะจีนคงไม่ยอมง่ายๆ ถ้าหากตกลงกันได้ จะทำโลกมีการพัฒนาที่ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาสงครามการค้าทำให้การค้าเสรีในโลกปั่นป่วนไปหมด ซึ่งกระทบแม้กระทั่งประเทศไทย ทำให้มีอัตราการส่งออกที่ติดลบตลอดทั้งปี 2019
เรื่องที่ 3 คือเรื่อง BREXIT ซึ่งจากชัยชนะถล่มทลายของพรรคของคุณ Boris Johnson ทำให้ BREXIT ประสบความสำเร็จในขั้นแรก คือผ่านกฎหมาย อนุญาตให้ออกจาก EU ภายในวันที่ 31 มกราคม 2020 แต่ที่โลกและคนไทยควรพิจารณาต่อไปก็คือภายในธันวาคม 2020 สหราชอาณาจักรจะต้องพิจารณารายละเอียดว่าจะออกแบบไหน ตกลงเรื่องกฎระเบียบต่างๆกับ EU เช่น
1. การค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับ EU และสหรัฐจะตกลงกันอย่างไร ซึ่งต้องใช้เวลานาน
2. การเคลื่อนย้ายแรงงานของ EU ไปสหราชอาณาจักรและสหราชอาณาจักรมา EU จะมีข้อตกลงอย่างไร ซึ่งสำคัญมากๆ
3. เรื่องกฎระเบียบ ต่างๆ จะต้องทำใหม่ทั้งหมด ให้เสร็จภายใน 31 ธันวาคม 2020
คาดว่าการเจรจาต้องใช้เวลา อาจจะมีเวลาไม่พอ ถ้าสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์ต่อโลก เพราะสหราชอาณาจักรก็จะกลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีอิสรภาพในการทำธุรกิจการค้าการลงทุนมากขึ้นกับทุกๆ ชาติในโลก อาจจะหมายถึงกับสหรัฐและอาเซียนรวมทั้งไทยด้วย
สุดท้าย ปี 2020 ต้องดูเรื่องความคืบหน้าของข้อตกลงภาวะโลกร้อนเพราะล้มเหลวในปี 2019 ที่กรุงมาดริด จะมีการประชุมอีกรอบที่เมืองกลาสโกว์ ของสกอตแลนด์ ในปี 2020 หวังว่าประเทศต่างๆคงจะเห็นพ้องกันว่า ต้องช่วยกันดูแลเรื่องภาวะโลกร้อน ไม่ใช่ต่างคน ต่างทำ ปัญหาก็คือ บางประเทศ เช่น สหรัฐผู้นำยังไม่เชื่อว่าโลกมีภาวะโลกร้อน ทั้งๆ ที่นักวิทยาศาสตร์เกือบทั้งโลกยืนยันว่ามีภาวะโลกร้อนปัญหาคงไม่ใช่วิทยาศาสตร์ น่าจะเป็นปัญหาการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจมากกว่าปี 2020 จึงต้องเอาชนะให้ได้ ผมคิดว่า ภาวะโลกร้อนในปี 2020 จะเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายจะต้องเอาใจใส่มากขึ้น และคิดว่า คนรุ่นใหม่จะมีบทบาทมากขึ้น
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
พีท บุตอาเจจ (Pete Buttigieg)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี