หลังจากเป็นกระแสข่าวมาเป็นระยะเวลานานนับเดือนในที่สุด 7 พรรคฝ่ายค้าน ก็ลงมติเสนอรายชื่อรัฐมนตรีรวม 6 คน ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เป็นครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563 นายสมคิด เชื้อคง สส.พรรคเพื่อไทย ได้เปิดเผยผลการประชุมฝ่ายค้านสรุปรายชื่อ รัฐมนตรี 6 คน ที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้คือ
1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง 3.ดร.วิษณุเครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย 4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ 6.ร.อ.ธรรมนัส
พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือการที่สมาชิกฝ่ายค้าน เข้าชื่อการเสนอญัตติเพื่อสอบสวนรัฐบาลกระทำเมื่อเห็นว่าการทำงานของรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีไม่เป็นที่พอใจถือเป็นการควบคุมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยโดยขั้นตอนเมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติต่อประธานสภาแล้ว ประธานสภาจะมีเวลาตรวจสอบญัตติว่าถูกต้องหรือไม่ภายใน 7 วัน จากนั้นจะส่งไปยังรัฐบาล รัฐบาลจะต้องตอบกลับมาถึงประธานสภาว่า พร้อมเมื่อใด
เมื่อทราบวันที่รัฐบาลพร้อมแล้ว ประธานสภาจะหารือกับวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเพื่อกำหนดระยะเวลาในการอภิปรายการออกเสียงลงมติไม่ไว้วางใจห้ามมิให้กระทำในวันเดียวกันกับที่การอภิปรายสิ้นสุด ทั้งนี้เพื่อให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มีเวลาทบทวนมติไม่ไว้วางใจจะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หากสภาลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีผู้นั้นจะต้องพ้นจากตำแหน่งในทันทีตามมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรมีเสียงทั้งหมด498 เสียง ครึ่งหนึ่งคือ 249 เสียง ซึ่งรอเลือกตั้งซ่อมกำแพงเพชร แทน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และสมุทรปราการ แทนนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก
เมื่อเจาะลึกไปที่ 6 รัฐมนตรี แล้วจะพบว่า พรรคฝ่ายค้านเน้นเป้าใหญ่ไปที่พรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนสำคัญของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหลัก เพราะมีชื่อของ 8 รัฐมนตรี ประกอบด้วย 3ป. นั่นคือป.ประยุทธ์ ป.ป้อม-ประวิตร ป.ป๊อก-อนุพงษ์ ที่สนิทสนมกลมเกลียวกันมานานตั้งแต่ยังรับราชการทหารในกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์จังหวัดชลบุรี เมื่อ 30 กว่าปีก่อนโน้น
ในขณะที่ ส่วนใหญ่อยู่ในสายของพลเอกประยุทธ์และพลังประชารัฐ ได้แก่นายดอน ดร.วิษณุ และผู้กองธรรมนัส แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นน่าจะพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรีลุงตู่-พลเอกประยุทธ์มากกว่าใครเพื่อน
ทั้งนี้ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดชกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย เผยเหตุผลว่าเพราะตลอดระยะเวลาที่พลเอกประยุทธ์ได้บริหารราชการงานแผ่นดินมา 6 ปี ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแย่ลงทุกวัน ยังไม่มีนโยบายที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนสักประการหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเอาข้อมูลเก่าหลังคณะคสช.รัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลในระบอบทักษิณเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 มาผสมกับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์หลังเลือกตั้งวันที่ 26 มีนาคม 2562 มารวมกันซึ่งดูไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่นัก
นอกจากนี้ยังมีปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาโดยรัฐบาลลุงตู่แก้ไขไม่ได้เพราะรัฐบาลมีแต่แผนงานแต่ไม่มีโครงการที่สามารถใช้แก้ปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาฝุ่น PM2.5นั้นข้อเท็จจริงมาจากฝีมือของประชาชนทั้งสิ้นโดยเฉพาะการใช้รถยนต์ดีเซลที่มีปริมาณเป็นสิบๆ ล้านคันทั่วประเทศ
อีกส่วนหนึ่งก็มาจากประชาชนที่เป็นเกษตรกรนับล้านราย เผาไร่เผานาหลังหมดฤดูเก็บเกี่ยวและอีกส่วนหนึ่งก็มาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำไร่แล้วขายผลผลิตให้คนไทยจากนั้นก็ใช้วิธีเผาไร่
เหมือนเกษตรกรไทย นี่คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่เอาเข้าจริงสมัยที่พรรคฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลเองก็แก้ไม่ได้เหมือนกันนั่นเอง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี