เหตุเกิดที่โคราช เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ณ TERMINAL 21
ปกติผมได้เห็นการสังหารหมู่ในศูนย์การค้าบ้างในโรงเรียนบ้างจากโทรทัศน์ โดยเฉพาะในสหรัฐเป็นประจำเช่น เด็กนักเรียนยิงกันเอง นานๆ ทีจะเกิดในนิวซีแลนด์ และบางครั้งเกิดขึ้นในยุโรปจนเคยชิน สาเหตุการขัดแย้งกันเรื่องศาสนา โดยเฉพาะพวกหัวรุนแรง
สาเหตุส่วนใหญ่ของการฆ่าหมู่ในอเมริกามาจากการที่สหรัฐอนุญาตให้คนของเขามีสิทธิในการป้องกันตัวเอง รัฐธรรมนูญสหรัฐ มาตราที่ 2 กำหนดสิทธิเสรีภาพของชาวอเมริกันในการครอบครองปืน แต่ได้ใจความว่า“คนอเมริกันมีสิทธิที่จะมีอาวุธในครอบครอง” เพื่อป้องกันตัวได้
ต้องเข้าใจว่าในอดีต อเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่โตมาก สิทธิในการครอบครองที่ดินก็ไม่มีกฎหมายคุ้มครองเป็นที่มาของการมีระบบคาวบอย ซึ่งมีสิทธิในการครอบครองดินแดนโดยใช้ความรุนแรง และแน่นอนว่าจะรักษาดินแดนเหล่านั้นไว้ได้ ต้องมีปืนไว้ป้องกันตัวเองไม่ให้กลุ่มอื่นมาแบ่งไป
ผ่านมากว่า 200 ปีแล้ว กฎหมายรัฐธรรมนูญยังไม่ถูกเปลี่ยนเพราะธุรกิจที่ร่ำรวยคือบริษัทผลิตปืนมาจากกฎหมายกว่า 200 ปี ซึ่งกลายเป็นกลุ่มการเมืองใหญ่มีเงินจำนวนมาก สร้างกลุ่ม ล็อบบี้เรียกตัวเองว่ากลุ่ม NRA (National Rifle Assciations) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1871ของสหรัฐไม่ให้แก้กฎหมายการครอบครองปืนทำได้ดี และประสบความสำเร็จ เพราะกลุ่ม NRA เข้มแข็งมาก
กฎหมายอนุญาต ว่าใครจะซื้อปืนไม่ต้องตรวจสอบว่ามีสุขภาพจิตสมบูรณ์หรือไม่ ระดับประเทศก็ยังไม่สำเร็จแปลว่าคนอเมริกันโรคจิตก็มีสิทธิ์ครอบครองปืนได้ จำนวนคนอเมริกันที่มีปืนอยู่ในการครอบครองจึงมีจำนวนมาก ยิ่งในระยะหลังๆ สังคมเริ่มมีความเครียด การฆ่าหมู่จึงเกิดขึ้น ลามมาถึงโคราช ประเทศไทย อย่างคาดไม่ถึง ทำให้เกิดการเลียนแบบ คนไทยถึงแม้ว่าจะไม่มีกฎหมายอนุญาตให้มีการครอบครองปืนอย่างเสรี แต่ช่วงหลัง ก็มีกฎระเบียบให้มีปืนได้ง่ายขึ้น
ในกรณีโศกนาฏกรรมที่โคราช เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการที่ทหารจ่าสิบเอก ทวงเงินค่านายหน้าพันเอกอนันต์ฐโรจน์กระแสร์ ผู้ทวงเงินแค่ 5 หมื่นบาท เป็นทหารชั้นประทวนและเป็นพยานทหารชั้นผู้ใหญ่ทำกิจการด้านการสร้างบ้านพักให้ทหารชั้นผู้น้อย แต่ลุกลามไปอย่างมากมาย กลายเป็นปัญหาที่เป็นข่าวใหญ่ในโลกติดต่อกันกว่า24 ชั่วโมง
ในโลกคนส่วนมากมองไทยว่าเป็นเมืองพุทธไม่น่าจะมีการฆ่าหมู่ โดยไม่เลือกว่าเป็นเด็กหรือผู้หญิง ยิงโดยไม่แคร์ว่าเป็นใคร สรุปว่าตาย 30 คน บาดเจ็บอีกเกือบ 60 คน สร้างความรู้สึก ตกใจและไม่คาดคิดมาก่อนให้แก่คนไทย
ทฤษฎีของผมปีนี้เรื่องสิ่งที่คาดไม่ถึง (Unpredictable)ดูเหมือนว่าจะมาแรงในระดับประเทศไทย และในระดับโลกเพราะแค่ไม่ถึง 2 เดือนปีนี้ ก็มีเหตุการณ์คาดไม่ถึงหลายเรื่องจึงเป็นหัวใจของการเขียนดังต่อไปนี้
ประเด็นแรกคือ ในอดีตสิ่งที่คาดไม่ถึงอาจจะเคยเกิดบ้าง แต่ไม่ถึงกับกระจายไปทั่วโลกเพราะสังคมใน Social Media ไม่ครอบคลุมทุกๆ จุดในโลก และสื่อหลักๆ ยังมองว่าข่าวนี้ถึงจะสร้างปัญหาให้ประเทศไทยแต่บางรายเป็นการสร้างกระแสนิยม (Rating) ของสื่อโทรทัศน์ หรือ Social Media จึงทำไปโดยขาดความพอดี โดยเฉพาะเรื่องคุณธรรมจริยธรรมต่างๆ ใครจะแก้ความพอดีระหว่างเทคโนโลยีกับคุณธรรมได้ คนนั้นหรือกลุ่มนั้นจะได้รับการยกย่อง
ดังนั้นประเด็นหลักที่สำคัญที่สุดในสังคมโลกและสังคมไทยคือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกับความถูกต้องทางจริยธรรมและคุณธรรม ความพอดีอยู่ที่ไหน ใครจะเป็นคนแก้ ยังเป็นปัญหาโลกแตก เพราะทุกๆ คนเข้าหาสื่อได้สะดวกตลอดเวลา จ่าสิบเอกผู้ฆ่านี้ ระหว่างที่ดำเนินการฆ่าคนก็ออกข่าว Social ตลอดเวลาว่าเขาทำอะไรอยู่ มีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งความจริงแล้ว สื่อหลัก
ไม่น่าจะนำเสนอ
ยังมีอีก 2 ประเด็นที่จะต้องนำเสนอ
1. ปัจจุบันโรคที่ร้ายแรงมี 2 โรค คือ โรคที่เกี่ยวกับร่างกายเช่น มะเร็ง หรือหัวใจ แต่โรคที่มาแรง เรายังไม่ค่อยเข้าใจ ขาดบุคลากรทางการแพทย์ คือโรคทางจิตใจ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะจิตใจของคนทั้งโลกและในประเทศไทยถูกกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ สังคมการเมือง ครอบครัวอยู่ตลอดเวลา ศาสนาพุทธสอนให้เราปล่อยวางให้อภัย แต่บางครั้งอารมณ์ที่รุนแรง หรือความผิดหวัง ทำให้อารมณ์คนหลุดและควบคุมไม่ได้
ถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรผนึกกำลังสนใจดูเรื่องโรคทางด้านจิตใจมากขึ้นและหาทางแก้ไขตั้งแต่แรกๆ เพราะโรคทางจิตเกิดขึ้นในบางครั้งโดยเราไม่รู้ตัว
รัฐบาลน่าจะเอาใจใส่เรื่องจิตใจของคนไทยมากกว่านี้ ดูแลให้ดีตั้งแต่ครอบครัวพ่อแม่ก็ให้ความรักและความผูกพันกับลูกๆ และครอบครัว เพราะถ้าคนมีความสุขทางใจ ทุกอย่างก็คงจะแก้ได้เมื่อมีความสมดุลทางชีวิต เพราะในชีวิต ทรัพย์สินเงินทองข้างนอกอาจไม่สำคัญเท่า
ผมเศร้ามาก ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นที่โคราชมาก่อน ถ้าถามผมว่าเคยโกรธ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้มีไหม มี แต่ก็ไม่หลุดขนาดควบคุมไม่ได้ยังไม่เคย การฆ่าคนที่ไม่รู้จัก น่าจะเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งน่าจะมีไม่บ่อยต้องศึกษาสาเหตุ ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ ในเมืองไทย คนไทย จะไม่มีความสุข เพราะในอดีตสังคมไทยเป็นสังคมที่มีสันติสุข มีศาสนาที่ยึดเหนี่ยว แต่ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์ที่โคราชเกิดขึ้นซ้ำอีก ปัญหาต่างๆ จะรุนแรงมากขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ ทำให้คนตกงาน ธุรกิจมีปัญหา เลยให้ปล่อยวางทุกๆ ด้าน ทำจิตใจให้สบาย แสวงหาธรรมะ เป็นวิกฤติที่จะต้องควบคุมอารมณ์ได้ดี
ผมยังนึกเสมอว่า เคยเขียนทุนทางอารมณ์ไว้ Emotional Capital เมื่อเกือบ 15 ปีมาแล้ว เกิดขึ้นกับตัวเองตลอดเวลา เช่น เมื่ออยู่บนเวทีถ้ามีใครมาโต้ตอบเรา ถ้าเราควบคุมทางอารมณ์ไม่ได้โต้ตอบแบบสูญเสีย ทุกๆ อย่างก็จะล้มเหลวหมด เพราะอารมณ์เราขาดเหตุผล โชคดีที่มีผู้ใหญ่ช่วยเตือนให้รักษาอารมณ์ไว้ตอนหลังผมเน้นว่าคนทุกคนควรอยู่ได้ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี Respect and Dignity จ่าสิบเอกผู้นี้ไปทวงเงินพันเอกอนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ในฐานะพยานแต่ถ้าเราวัดคนแค่เงิน ความร่ำรวยหรือตำแหน่ง สังคมไทยก็จะมีปัญหาต่อไป ต้องให้เกียรติและศักดิ์ศรีคนเท่ากันไม่ว่าจะรวยหรือจน และควบคุมสถานะทางอารมณ์ไม่ให้หลุด
ขอแสดงความเสียใจต่อชาวโคราชด้วยความเคารพ
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี