“ธง” เป็นผืนผ้าที่มี “อำนาจสุดอัศจรรย์” โดยกำเนิดมาตั้งแต่อียิปต์ยุคโบราณ ประมาณก่อน ค.ศ.4,000 ปีโน้น

จากนั้น “ธง” ได้กลายเป็น “ตำนาน” ของชาติต่างๆ รวมถึงประเทศไทยกระจายการใช้ประโยชน์ สื่อความหมายและใช้เป็นสัญลักษณ์อย่างไม่หยุดยั้ง

ธง ถูกนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ อย่างไร้การควบคุม ทั้งการกีฬา การท่องเที่ยว การเดินทาง และใช้ในงานบริการของผู้คนหมู่มากทุกชนิด

ที่ระบุว่า “ธงมีอำนาจสุดอัศจรรย์” เพราะเป็นผืนผ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับมีจิตวิญญาณควบคุมมนุษย์ได้ เช่น เป็นการรวมกลุ่มคน รวมเผ่าพันธุ์ รวมชาติ รวมลัทธิศาสนา รวมนครรัฐแบ่งแยกชนชั้น กำหนดความเป็นมิตร และศัตรู กำหนดตำแหน่งขุนนาง แบ่งกำลังคน แยกแยะกองทัพ ประกาศสงคราม ประกาศชัยชนะ ประกาศยอมแพ้ และใช้เป็นรหัสลับต่างๆ

ธงยังใช้ในการสร้างสรรค์ สร้างสันติภาพ บ่งบอกการรุกรานการขอความช่วยเหลือ และระบุเขตหวงห้าม เป็นต้น

ธงใช้ในกิจกรรมเกือบทุกชนิดอย่างกว้างขวาง จนไม่มีมนุษย์คนใด “จินตนาการได้หมด” ว่าธงใช้อะไรได้บ้าง?

การศึกษาอำนาจของธงและอิทธิพลของธงจึงไม่ใช่เป็นเรื่องหมูแผ่น หมูหยอง และหมูกระป๋อง แต่เป็นศาสตร์อันซับซ้อนว่าด้วย “วิชา Vexillalogy” ที่ต้องเรียนรู้กันอย่างลึกซึ้ง

“ธง” มีอำนาจทั้งใน “รูปธรรม” และ “นามธรรม” อย่างสุดขลังเช่นนี้ “นักสู้ทุกสายอาชีพ” เวลาจะประกาศสู้จึงมักตะโกนคำว่า “ชักธงรบ”

แม้แต่ “โควิด-19” ที่ราวีกับผู้คน 76 ประเทศอย่างเข้มข้นในวันนี้ ก็ถูกชาวโลกระบุว่า “โควิด-19 ชักธงรบกับโฮโมซาเปี้ยน”

“การชักธงรบของโควิด-19 ในจีน” เริ่มถูกชาวจีน “ชักธงลงจากเสา” ในขณะที่ “เกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี” บนยอดเสายังมี “ธงรบโควิด-19 โบกไสว”

ประเทศไทย “ธงรบโควิด-19 ” เริ่มนิ่งเพราะไม่มี “ลมช่วยโบกพัด” แต่ “การเมืองนอกสภา กลับชักธงรบ” โดยเฉพาะจากนักศึกษารุ่นใหม่

จู่ๆ มีนิสิตหญิงรายหนึ่งจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯมาแปลกกว่าใครๆ “ชีได้ชักธงดำขึ้นยอดเสาที่จุฬาฯ” แม้ธงดำดังกล่าวจะ “ไม่มีรูปกะโหลกขาวกระดูกไขว้” ก็เล่นเอาชาวจุฬาฯ บางคนถึงกับ “ช็อก”

จากนั้นได้เกิดกระแสมีผู้คนออกมา บูลลี่ (Bully) ใส่ชีอย่างกระหน่ำ

ปกติ “ธงขาว” เป็นสัญลักษณ์ “ยอมแพ้” ถ้าเป็น “ธงดำกะโหลกไขว้” หมายถึง “โจรสลัด”

แต่ “ธงดำทั้งผืน” คงบอกไม่ได้ เป็นสัญลักษณ์สื่อความหมายอะไร?

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม