แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
■■ ในการดำเนินชีวิตของเราเราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้ มิให้เสื่อมลงไปและจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ… (พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513)...
■■ ภาวะความเป็นผู้นำที่แท้จริง สามารถดูได้ในยามที่ผู้นำกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ โดยดูว่าผู้นำแก้ปัญหาด้วยปัญญา หรือปล่อยให้ปัญหาเกิดไปเรื่อยๆ แล้วตัวเองลอยตัวหนีปัญหา ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนอย่างหนักในสังคมไทย คือหนึ่งในปัญหาใหญ่ประการหนึ่งของประเทศไทยในยามนี้ และปัญหานี้ก็ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยหมดศรัทธาในตัวของนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา...
■■ ในยามนี้มีคำถามว่า คนที่เคยรักและยังคงรักท่านนายกฯ ประยุทธ์ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ยังเหลืออยู่อีกกี่มากกี่น้อย แล้วคนเคยรักที่กลับแปรเปลี่ยนเป็นชิงชังท่านนายกฯ เล่า มีเพิ่มขึ้นกี่มากกี่น้อย คำถามนี้ไม่มีใครตอบได้กระจ่างชัดเท่าตัวของคนไทยทุกคน คนไทยจำนวนไม่น้อยเคยเอาใจช่วยท่านนายกฯเพราะเชื่อว่าท่านเป็นคนดีมีฝีมือ แต่ไปๆ มาๆ เมื่อสังคมไทยต้องเผชิญหน้าอย่างจริงจังกับปัญหาเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือ COVID-19 มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 จนถึงบัดนี้ ก็ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยลงความเห็นตรงกันว่าท่านนายกฯ ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยเฉพาะปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนอย่างหนัก มิหนำซ้ำยังไม่สามารถจัดการกับขบวนการทุจริตหน้ากากอนามัยได้อีกด้วย...
■■ หลายคนเหน็บแนมแกมประชดท่านนายกฯ ประยุทธ์ว่า สมัยก่อนนั้น ท่านนายกฯ ชอบแต่งเพลงมาก ภายในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ท่านนายกฯ สามารถแต่งเพลงได้หลายบท ขยันแต่งเสียจนคนไทยไม่สามารถจดจำได้หมดว่าแล้วก็มีคำถามตามมาว่า แล้วในยามนี้ท่านนายกฯ ไม่มีอารมณ์แต่งเพลงแก้ปัญหา COVID-19 บ้างดอกหรือ...
■■ ในยามที่คนไทยส่วนใหญ่ในประเทศไทยหมดปัญญาหาหน้ากากอนามัยมาใช้และในยามที่หมอและพยาบาล รวมถึงบุคลากรผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขของไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัยอย่างหนัก จนหลายโรงพยาบาลต้องขึ้นป้ายวิงวอนขอให้ผู้ที่ไปใช้บริการในโรงพยาบาล โปรดอย่าขโมยหน้ากากอนามัยของแพทย์และพยาบาลไปอีก แต่กลับพบหลักฐานชัดเจนว่า ประเทศไทยยังคงส่งหน้ากากอนามัยออกไปขายที่ต่างประเทศได้ครั้งละกว่า 1 ล้านชิ้นเรื่องแบบนี้หมายความว่าอย่างไรมิทราบ รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ ประยุทธ์จะชี้แจงแถลงไขเรื่องนี้ให้กระจ่างอย่างไร ประชาชนคนไทยต้องการได้ยินคำชี้แจงโดยด่วน...
■■ คนไทยจำนวนไม่น้อยได้เห็นชัดแล้วว่ามีเอกสารชื่อ หนังสืออนุญาตการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งหน้ากากอนามัย โดยผู้ส่งออกคือเอกชนรายหนึ่งที่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ส่งหน้ากากอนามัยจำนวน 1,035,200 ชิ้น ไปยังบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ชื่อ Medline Industries ตั้งอยู่ในเมือง Northfield, Illinois ส่วนผู้อนุญาตที่ปรากฏชื่อชัดเจนในเอกสารคือ วิชัย โภชนกิจ ตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน ลงนามวันที่ 11 มีนาคม 2563 กรมนี้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชื่อจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ซึ่งสวมหมวกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคร่วมรัฐบาลชุดที่มีนายกรัฐมนตรี ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา...
■■ เสี่ยถั่ว-สุเมธ ดำรงชัยธรรม เจ้าของนโยบายมนตรา แต่ทว่าคนการบินไทยจำนวนไม่น้อยให้ฉายาว่า “มลทิน” ต้องจำใจโบกมืออำลาการบินไทยไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เสี่ยถั่วทำสัญญารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย เมื่อ 15 สิงหาคม 2561 แล้วเข้ารับตำแหน่งจริงวัที่ 1 กันยายน 2561 สัญญาจ้างกำหนดให้มีกรอบเวลารับหน้าที่ไม่เกิน 4 ปี อัตราค่าจ้างเดือนละ 8 แสน 5 หมื่นบาท โดยจะได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราคงที่คือไม่เกินร้อยละ 10 ในวันที่ 1 มกราคมของทุกปีตามอายุสัญญา ทั้งนี้ยังไม่นับรวมค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้รับจากบริษัท หลายคนสงสัยว่าทำไมเสี่ยถั่วจึงลาออก ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่มีใครตอบได้ชัดเจน เพราะไม่มีใครเห็นเหตุผลที่ระบุในหนังสือลาออก แต่มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ การสิ้นสุดของสัญญาจ้างมีหลายเงื่อนไข แต่มีเงื่อนไขหนึ่งที่น่าติดตามมากคือ คณะกรรมการของผู้ว่าจ้างด้วยเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการที่อยู่ในตำแหน่ง (ไม่นับรวมผู้รับจ้าง กรณีที่ผู้รับจ้างเป็นกรรมการ) มีมติให้เลิกสัญญาจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้…ให้ถือว่ามติของคณะกรรมการของผู้ว่าจ้างถือเป็นที่สุด และผู้รับจ้างตกลงยอมรับในมติดังกล่าวทั้งนี้การเลิกสัญญาดังกล่าว ผู้ว่าจ้างไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และจ่ายค่าชดเชยใดๆ รอดูก็แล้วกันว่าความจริงเรื่องการลาออกของเสี่ยถั่วจะปรากฏต่อสาธารณชนในวันใด...
■■ แต่มีประเด็นที่น่าสนใจมากคือ คณะกรรมการของการบินไทยที่เหลืออยู่ในขณะนี้ 10 คน (อ้างตามข้อมูลของ
http://investor.thaiairways.com/th/management/board-of-directors) จะมีคนไหนบ้างที่
ลงมติให้เสี่ยถั่วต้องลาออก แต่ที่แน่ๆ คือเสี่ยถั่วในฐานะกรรมการคนหนึ่งของบริษัทไม่มีสิทธิ์ลงมติในเรื่องนี้ คนในการบินไทยยังตั้งคำถามอีกว่า การลาออกของเสี่ยถั่วในครั้งนี้ เสี่ยถั่วต้องเสียค่าปรับให้การบินไทยหรือไม่ หรือว่าอยากจะออกก็ออกไปไม่มีอะไรต้องชดใช้ ส่วนคนการบินไทยที่ไม่รักเสี่ยถั่วก็บอกว่า ขอบคุณที่ลาออก เพราะที่ผ่านมาการบินไทยก็สุดจะช้ำแล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่ายังมีคนการบินไทยบางกลุ่มก็ยังรักเสี่ยถั่ว เพราะในวันที่เสี่ยถั่วลาออกก็มีการมอบดอกกุหลาบแดงให้ด้วย ส่วนทายาทอสูรของเสี่ยถั่วในการบินไทยจะถูกเช็คบิลในวันไหนหรือเมื่อไรนั้น ขอให้จับตาดูต่อไป เพราะได้ข่าวมาว่า ไม่น่าจะรอดแน่ๆ...
■■ ขอเรียนแจ้งท่านผู้ให้การสนับสนุนแนวหน้าด้วยดีมาโดยตลอดโปรดทราบว่า งานวันเกิดแนวหน้าปีนี้ จัดในวันที่ 20 มีนาคม ที่สำนักงานแนวหน้า ถนนวิภาวดีรังสิต ขอกราบเรียนเชิญทุกท่านเหมือนเช่นเคย แต่ขอให้ท่านได้โปรดสวมหน้ากากอนามัยมาด้วย แล้วเมื่อเวลาถ่ายรูปด้วยกันก็จะถอดหน้ากากออก ส่วนแนวหน้าจะเตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ที่หน้างาน...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี