ในโอกาสครบรอบ ๑ ปี การทำงานของสมาชิกวุฒิสภา (๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓) องค์กรพัฒนาเอกชนโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ได้ติดตามตรวจสอบการทำงานของ สว.๒๕๐ คน ซึ่งเป็น สว. ชุดแรกตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐
พบว่า สว.พร้อมใจกันลงมติผ่านหมดทุกญัตติ ไม่เคยลงมติไม่ผ่านใดๆ แม้การเลือกนายกรัฐมนตรีก็มีความเป็นเอกภาพ ทั้งหมดลงมติเลือกพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา โดยไม่แตกแถวแม้แต่คนเดียว ยิ่งกว่านั้น สว.ที่เป็นโดยตำแหน่ง เช่น ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ผบ.ทหารสูงสุด ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผบ.ตำรวจ จำนวนมากต่างพร้อมใจกันขาดประชุมและไม่ได้ลงมติมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับ สว.ทั้งหมด
ปรากฏว่า ในการประชุมเพื่อลงมติ ๑๔๕ มติ พบว่ามีการขาดการลงมติ บางท่านขาดการลงมติถึง ๑๔๔ มติ บางท่านขาดการลงมติ ๑๔๓ มติ ซึ่งมีความหมายว่าบุคคลเหล่านี้มาประชุมและลงมติเพียง ๑ หรือ ๒ ครั้ง ในช่วงเวลา ๑ ปี เท่านั้น
จึงก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า สว.ที่มาจากการดำรงตำแหน่งชุดนี้ ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ทำงานไม่สมกับเงินเดือนค่าตอบแทนที่ประชาชนต้องจ่าย ขณะเดียวกันทำให้ประเทศขาดโอกาสที่จะได้คนดีคนเหมาะสมมาทำหน้าที่เพื่อประเทศ
ถ้าจะพิจารณาให้ลึกซึ้งถ่องแท้แล้ว จะเห็นใจชื่นชม สว.จากทหารระดับสูงเหล่านี้ เพราะท่านได้ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมาตามเจตนาการออกแบบให้มี สว.ชุดแรก ของรัฐธรรมนูญ’๖๐
เมื่อวุฒิสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตรวจสอบฝ่ายบริหาร แต่รัฐธรรมนูญ’๖๐ ไปกำหนดให้ผู้นำฝ่ายบริหาร (คสช.) เป็นผู้สรรหา เลือกสรร แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ผลการลงมติของวุฒิสภาย่อมเป็นที่รู้ คาดเดาได้อยู่แล้วว่าส่วนมากจะต้องลงมติเห็นชอบตามที่รัฐบาลเสนอ ผู้นำเหล่าทัพและนายทหารระดับสูงเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมเพื่อลงมติก็ได้ มติทั้งหลายก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่รัฐบาลคาดหวัง
ไปร่วมประชุมก็แต่เฉพาะที่จำเป็น เช่น พิธีการตอนเริ่มต้นของการประชุม มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร่วมประชุมลงมติมากนัก
วุฒิสภาทำหน้าที่เป็นฝ่ายตรวจสอบรัฐบาล แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าวิธีการได้มาและบุคคลที่ถูกเลือกสรรแบบนี้เป็นบุคคลที่คล้ายคลึงอยู่ในฝ่ายเดียวกัน การตรวจสอบก็เป็นแต่เพียงพิธีกรรม เสมือนนักมวยขึ้นชกโชว์หรือขึ้นชกอย่างไม่เต็มกำลัง ไม่สมศักดิ์ศรี ดังที่ชาวบ้านเรียกว่า “ล้มมวย”
สังคมควรจะต้องขอบคุณชายชาติทหารทั้งหลาย ที่แสดงออกให้เห็นว่า หากให้ทำหน้าที่ไม่สมศักดิ์ศรี หรือเป็นมวยที่ “ชกไม่สมศักดิ์ศรี” ก็ไม่ขึ้นชกเสียดีกว่า
ต่างกับ สว.บางคน ที่แสดงทีท่าแข็งขัน เอาจริงเอาจัง เพื่อให้สื่อและประชาชนเห็นภาพการทำงานเชิงรุกแต่ในเวลาที่ลงมติก็ยังขาดความกล้าหาญที่จะโหวตแตกต่าง โหวตตามเนื้อผ้า หรือโหวตตามดุลพินิจของตนเอง
จึงเห็นได้ว่า สว.ที่ไม่ไปประชุม ไม่ลงมติ ดูจะตรงไปตรงมามากกว่า ถ้าเป็นนักมวยก็ไม่ยอมขึ้นชกแบบไม่สมศักดิ์ศรีเพื่อตบตาประชาชน
น่าเห็นใจ สว.น้ำดีจำนวนหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะเป็น “วุฒิบริการ” แต่พลัดหลงไปอยู่ในวุฒิสภาครั้งนี้ อยากจะแสดงความคิดความเห็นตามเจตนาของตนเองก็ไม่กล้าแสดงออกทั้งหมด ลดทอนความเข้มข้นลงไป บางเรื่องก็เลือกที่จะไม่แสดงความเห็น ในเวลาลงมติก็จำใจต้องลงมติตามๆ กันไป
ถ้าจะให้ดี สว.ที่มีความสำนึกควรจะได้พิจารณาถอนตัวจากตำแหน่ง ยุติการทำหน้าที่ที่ไม่สมศักดิ์ศรี เพราะทำไปประชาชนก็ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่เชื่อถือได้แต่ละอายใจ การลงมติของท่านคงไม่สามารถเป็นมรรคเป็นผลอะไรได้มากนัก เพียงแต่เป็นไม้ค้ำยันสนับสนุนรัฐบาลให้คงอยู่ในอำนาจ
หรือหากจะคงอยู่เป็น สว.ต่อไป ก็ควรจะพิจารณาทำตนให้เป็น สว.อิสระ อภิปรายให้ความคิดความเห็นติติงและชมอย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งร่วมผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แม้ตำแหน่งวุฒิสภาที่ตนดำรงอยู่อาจกระทบกระเทือนก็ยินดี ประชาชนก็จะได้จารึกบทบาทของท่าน
๕ ปี ที่ประชาชนต้องแบกรับค่าใช้จ่าย
ขณะที่วุฒิบริการได้รับคำวิจารณ์ว่าดำเนินการไม่สมศักดิ์ศรี แต่เกิดต้นทุนกับประชาชนทุกเดือน
นอกจากประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเงินเดือน (เงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่ม) ตามตารางข้างต้น หากรวมกับผู้ช่วย สว. ผู้ชำนาญการ และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวของ สว. แล้วจะพบว่าประชาชนต้องจ่ายค่าตอบแทนถึงปีละ ๗๒๗,๖๘๐,๐๐๐ บาท หากอยู่ในตำแหน่งครบ ๕ ปี ประชาชนต้องจ่ายค่าตอบแทนให้บุคคลเหล่านี้ ๓,๖๓๘,๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทางของสว.โดยทางเครื่องบิน ทางรถไฟ ทางรถโดยสาร ที่สามารถไปได้ทั่วราชอาณาจักรโดยไม่จำกัดจำนวนและทิศทางอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายที่เป็นเบี้ยประชุมของกรรมาธิการ และค่าใช้จ่ายในการดูงานต่างประเทศ รวมถึงสวัสดิการบำเหน็จ บำนาญ เมื่อพ้นจากตำแหน่งอีกด้วย
ในการปฏิบัติงานยังปรากฏค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการรัฐสภาที่ทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของวุฒิบริการอีกหลายร้อยคน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ อีกมาก
ประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งหมดในช่วง ๕ ปี ที่มีวุฒิสภาปฏิบัติงานในลักษณะนี้ ประชาชนต้องจ่ายค่าใช้จ่ายถึง ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท
ประชาธิปไตยมีต้นทุน ต้องใช้ให้คุ้มค่า
ระบอบประชาธิปไตยมีค่าใช้จ่ายที่ประชาชนต้องแบกรับค่อนข้างสูง ดังนั้น หากจะมีรัฐสภาที่มีระบบ ๒ สภา ก็จะต้องออกแบบให้วุฒิสภามีที่มาและยึดโยงกับประชาชน หรือหากจะออกแบบให้วุฒิสภาเป็นเวทีเพื่อประนอมอำนาจของสถาบัน และภาคส่วนต่างๆในสังคม ก็จะต้องออกแบบให้วุฒิสภามีอำนาจหน้าที่น้อยกว่า
สว.ซึ่งมีที่มาและยึดโยงกับประชาชนมาก วุฒิสภาก็อาจมีอำนาจตรวจสอบ แต่งตั้งและถอดถอนองค์กรต่างๆ ได้มาก หาก สว.ซึ่งมีที่มายึดโยงกับประชาชนน้อย หรือเป็นสภาเพื่อประนอมอำนาจของสถาบันและภาคส่วนต่างๆ ก็ควรจะให้วุฒิสภามีอำนาจเพียงตรวจสอบกลั่นกรอง ท้วงติง และเมื่อมีความเห็นหรือมีมติขัดแย้งกับสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องยึดมติของสภาผู้แทนราษฎรเป็นสำคัญ
จึงเป็นที่น่ากังขาว่า วุฒิสภาปัจจุบัน มีจำนวน ๒๕๐ คน มีอายุการทำงานยาวถึง ๕ ปี มาจากการสรรหาของ คสช. ๑๙๔ คน มาโดยตำแหน่ง ๖ คน และมาจากการเลือกกันเองของผู้ประสงค์จะเป็นสว. ให้ได้ ๒๐๐ คน และในขั้นสุดท้าย คสช.ก็จะเป็นผู้เลือกเหลือเพียง ๕๐ คน แต่วุฒิสภาชุดนี้กลับมีอำนาจมากในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรี และยังมีอำนาจให้ความเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปประเทศให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
การออกแบบเพื่อให้วุฒิสภาชุดปัจจุบัน มีที่มายึดโยงกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ให้มีอำนาจมากดังที่กล่าวมาแล้ว จึงเป็นทั้งจุดแข็งเพื่อค้ำจุนการสืบทอดอำนาจ ขณะเดียวกันก็เป็นจุดอ่อน จุดเปราะบางที่ถูกโจมตีได้ง่าย เพราะมีรูปแบบอำนาจหน้าที่และที่มาไม่สมสมัยกับโลกปัจจุบัน
ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงมองว่า วุฒิสภาเป็นเสมือนไส้ติ่งทางการเมืองของสังคม ที่ร่างกายต้องใช้เลือดไปหล่อเลี้ยงโดยที่ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร แต่หากไส้ติ่งแตกก็จะเป็นพิษเป็นภัย
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี