ต้องยอมรับว่า ณ วันนี้ ประเทศไทยแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดีมาก
ถ้าไม่มีการระบาดรอบที่ 2 ถือว่า การแพทย์ของไทยได้รับการยกย่องอันดับหนึ่งของโลก
ปัญหาที่คนไทยทุกๆ คนต้องช่วยกันก็คือ ผลกระทบต่อความเป็นอยู่ คือ เศรษฐกิจของไทยทั้งก่อนและหลังโควิด-19 มีปัญหาอย่างมากทั้งๆ ที่ประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งในการแก้ปัญหาโควิด-19 แต่เศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีของคนไทยกลับแย่ที่สุดในประเทศอาเซียน ดูจากตารางของไอเอ็มเอฟที่คาดไว้ปีนี้
อัตราการเพิ่ม GDP ในอาเซียน ปี 2020
ที่มา: ไอเอ็มเอฟ
ตารางนี้ เห็นชัดว่า ถึงประเทศไทยจะแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจกลับแย่ที่สุดในอาเซียนตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า ปีนี้ เราติดลบ 8% แย่กว่าไอเอ็มเอฟอีก
มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวลง 23.6% เมื่อเปรียบเทียบจากระยะเวลาเดียวกันในปี 2562
ก่อนหน้าโควิด-19 การขยายตัวของจีดีพีของประเทศไทยก็ไม่สูงในช่วงกว่า 10 ปีแล้ว ประมาณ 3-4%
เมื่อยุคก่อนๆ สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงนายกฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถึงนายกฯ พลเอกชาติชายชุณหะวัณ ประเทศไทยเคยถูกมองว่า เป็นเสือตัวที่ 5 เพราะเศรษฐกิจขยายตัวสูงติดต่อกันประมาณ 8% เป็นอันดับหนึ่งของอาเซียนโดยตลอดกว่า 20 ปี
ช่วงหลังๆ เศรษฐกิจไทยกลับมีปัญหาด้านโครงสร้างที่ไม่เหมาะสม จีดีพีต่อปีต่ำสุดในอาเซียนมาหลายปี
จนกระทั่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เน้นเศรษฐกิจ 4.0, New S-curve, EEC ซึ่งก็เป็นการนำศักยภาพของเศรษฐกิจไทยโดยใช้นวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนามากกว่าใช้แรงงานมากเหมือนเดิมสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มการแข่งขันมากขึ้น
ผมเคยพูดนานแล้ว กว่า 30 ปี ว่า การส่งเสริมการลงทุนของไทยไม่ควรยกเว้นภาษีอย่างเดียว ควรกำหนดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย ซึ่งจีนในช่วง 20 ปี นำการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีข้อแม้ว่า จะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีนด้วย ทำให้จีนมีอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น
ในขณะที่คุณภาพและการศึกษาของทรัพยากรมนุษย์ของไทยไม่ดีขึ้นเพราะวิธีการสอนไม่ได้เน้นให้คิดแต่ให้ท่องจำจนประเทศไทยติดอันดับท้ายๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์และภาษาต่างประเทศจนเป็นที่มาของการเน้น STEM ด้วย
S = Science (วิทยาศาสตร์)
T = Technology (เทคโนโลยี)
E = Engineering (วิศวกรรมศาสตร์)
M = Mathematics (คณิตศาสตร์)
ยิ่งไปกว่านั้น ยุคคุณยิ่งลักษณ์ ปี 2554 ก็ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มจาก 160-180 เป็น 300 บาท เพิ่มคนจบปริญญาตรี 15,000 บาทซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงที่ผิดพลาด เพราะจะให้ดี ควรค่อยๆ เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำได้แต่ไม่ใช่ขึ้นครั้งเดียวเกือบ 100% ไม่มีประเทศไหนในโลกทำกัน ทำให้อุตสาหกรรมไทยย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นจำนวนมาก
ควรกำหนดค่าจ้างให้คนที่จบอาชีวะพอเพียงแทนที่จะเน้นคนจบปริญญาตรี จะได้เป็นแรงจูงใจให้คนไทยเรียนอาชีวะมากขึ้น เพราะคนไทยเรียนปริญญาตรีเพื่อเกียรติและค่านิยม ไม่ได้เรียนเพื่อไปทำงาน มีค่านิยมผิดๆ จบด้านสังคมศาสตร์กว่า 60% สาขาสำคัญคือ วิทยาศาสตร์หรือวิศวะน้อยมาก จบน้อย ประเทศไทยขาดแคลนแรงงานทางวิศวะและวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน คนจบปริญญาตรีตกงานมากแต่แรงงานอาชีวะขาดแคลนมาก
ดังนั้นปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยก่อนโควิด-19 มีปัญหามากอยู่แล้ว หลังโควิด-19 ยิ่งเป็นปัญหามากกว่าเดิม ต้องปรับโครงสร้าง
เกิดโควิด-19 จะน่าจะเป็นโอกาสถ้ารัฐบาล พรรคการเมือง และคนไทยที่รักประเทศช่วยกันแสดงความเห็น วิธีการแก้และนายกฯประยุทธ์ควรปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและปรับค่านิยมที่ผิดๆ ของคนไทยด้วย
โครงสร้างเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 จะปรับอย่างไรให้เกิดประโยชน์ระยะยาวต่อประเทศของเรา มีความมั่นคงและยั่งยืน ตัดคำว่ามั่งคั่งออกไป แต่เพิ่มคำว่า ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและลดช่องว่างระหว่างคนรวยและจนอย่างมีนัยสำคัญ
จุดอ่อนของโครงสร้างที่บิดเบี้ยวของระบบเศรษฐกิจคือ การพึ่งพาต่างชาติมากเกินไป อย่างน้อย 3 เรื่อง คือ
-รายได้จากการท่องเที่ยวซึ่งถือว่า โชคดีมากใน 10 ปี มีรายได้การท่องเที่ยวก่อนโควิด-19 เพิ่มขึ้นตลอดจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ปี 2019 มีรายได้ 2 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 20% ของจีดีพีและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเกือบ 40 ล้านคน กว่า 30% เป็นคนจีน
จากช่วงโควิด-19 รายได้ดังกล่าวหายไปเกือบหมดกว่าจะกลับมาคงอีก 2-3 ปี
-การพึ่งพาการส่งออก ตัวเลขส่งออกในช่วงคสช.เริ่มดีขึ้นบ้างแต่เจอสงครามการค้า ซึ่งเริ่มลดลง เมื่อยุคโควิด-19 ลดลงไปอีกอย่างน้อยกว่า 20%ซึ่งกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง
-การลงทุนจากต่างประเทศ ไทยเคยนำประเทศในอาเซียนยกเว้นสิงคโปร์และมาเลเซีย ปัจจุบันลดลงอย่างมาก ซึ่งหลังโควิด-19ควรจะทดแทนด้วยการลงทุนในประเทศมากขึ้น
-สุดท้าย การบริโภคในประเทศยังมีกำลังไม่มากพอ ควรหันมาพึ่งการกระตุ้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจ (Incentives) ให้มีการบริโภคในประเทศหลังยุคโควิด-19 ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่คำถามจะทำอย่างไรการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและ SMEs จึงจำเป็นในการสร้างการบริโภคในประเทศ
ประเด็นที่ขัดแย้งกันคือ ไทยแก้โควิด-19 ได้ดี แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจติดลบรุนแรงกว่าประเทศอื่นๆ เพราะเราพึ่งพาต่างประเทศมากเกินไป จึงควรมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจยุคหลังโควิด-19คำถามว่า จะทำอย่างไรและสำเร็จหรือไม่
ถึงแม้ว่า จีดีพีในช่วง 10 ปีต่ำสุดในอาเซียน ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยมีมากขึ้น คนรวยกระจุก จนกระจาย
ปัจจุบัน รัฐบาลรวมศูนย์มากเกินไป โดยเน้นรัฐราชการมากไปรัฐบาลประยุทธ์ควรให้ความสำคัญกับการกระจายผลประโยชน์ให้คนไทยในระดับชุมชน โดยทำจริง อย่างต่อเนื่อง ชนะเล็กๆ แต่ชนะบ่อยๆ ต้องทำให้สำเร็จ เป็นประเด็นที่ใหญ่และสำคัญมากในปัจจุบัน เพราะโครงการต่างๆ ขับเคลื่อนด้วยระบบราชการและการรวมศูนย์ไม่สามารถลงไปถึงเศรษฐกิจฐานราก ทำได้แต่ยังไม่สำเร็จ ขาดความจริงใจ และขาดความสำนึกว่า รากฐานสำคัญ
ผมจึงอยากเห็นการกระจายอำนาจและการเลือกตั้งท้องถิ่นเร็วที่สุด
อย่าคิดว่า ท้องถิ่นคือแหล่งการคอร์รัปชั่นเท่านั้นควรกระจายอำนาจไปจากส่วนกลางเร็ว ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้ท้องถิ่นมีบทบาททางเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น
การมองการกระจายความเจริญไปยังฐานรากด้วยและ SMEs จึงต้องทำจริงจังและต่อเนื่อง
การปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยช่วงนี้ จึงสำคัญมากเพราะเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลประยุทธ์เห็นปัญหาต่างๆ และถือโอกาสปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยไปด้วย
ผมมีความเห็นว่า
1. งบประมาณ 4 แสนล้านบาท และงบประมาณปี 2564 และปีต่อๆ ไป ควรจะลงไปที่ภาคเกษตรดังแนวคิดของศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ครอบคลุม 5 ประเด็นหลักคือ
1.1 ลงทุนเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร เกษตรกรสามารถปลูกพืชได้ตลอดทั้งปีและจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว
1.2 การพลิกฟื้นคุณภาพของดินให้มีความอุดมสมบูรณ์โดยลดการใช้ปุ๋ยเคมีให้กรมพัฒนาที่ดิน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีบทบาทเด่นชัดขึ้น ผมอยากเห็นบทบาทของการปรับปรุงที่ดินของไทยเกิดขึ้นอย่างจริงจัง หลังจากขาดการดูแลอย่างจริงจังมาเป็นเวลานาน อยากเห็นกรมพัฒนาที่ดินมีบทบาทเด่นชัดขึ้น สังคมไทยจะละเลยการพัฒนาคุณภาพของดินมาเป็นเวลานานและใช้สารเคมีทำให้คุณภาพดีมีปัญหา ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 9 ทรงสนพระทัยเรื่องคุณภาพดินอย่างมาก
1.3 การนำเทคโนโลยีใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ประสิทธิภาพและรายได้ในผลิตผลทางการเกษตร
1.4 นำระบบขายออนไลน์ ระบบดิจิทัลมาใช้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
1.5 การพัฒนาทักษะให้เกษตรกรทั้ง Upskill, Reskill ปรับทัศนคติวิธีการทำงานแบบใหม่ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาใน 4 ข้อข้างต้นกระทรวงเกษตรฯต้องพัฒนาทุนมนุษย์ของเกษตรกรอย่างจริงจัง
2.ควรกระตุ้น SMEs ซึ่งมีจำนวนมากมหาศาลถึง 3,070,177 ราย เป็นแนวคิดของคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โดยให้เครื่องยนต์ของ SMEs ทำงานอย่างแท้จริง การเน้น SMEs และการเกษตรจึงเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ SMEs จะช่วยการจ้างงานได้มากมายกว่า 10 ล้านคน ช่วยการบริโภคในประเทศ
3.กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างจริงจังทดแทนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขาดหายไปในช่วง 1-2 ปี
4.ถ้านักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมา เน้นการกระจายรายได้ไปยังท่องเที่ยวโดยชุมชน และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้ภูมิปัญญาคนไทยทั้งด้านการแพทย์และด้านวัฒนธรรมมากขึ้น
5.การเน้นการบริหารทางการแพทย์หลังโควิด-19 โดยเน้นแหล่งรายได้จากต่างประเทศมากขึ้น เพราะความสำเร็จในการแก้ปัญหาทำให้คนในโลกไว้ใจในความสำเร็จ ซึ่งน่าจะใช้โอกาสนี้สร้างระบบการแพทย์รองรับชาวต่างประเทศอย่างจริงจัง
6.นโยบาย EEC และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งสร้างนิคมอุตสาหกรรมชายแดน ควรจะทำอย่างต่อเนื่อง ทำจริง จะทำให้สำเร็จ แล้วดึงเอาอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงเข้ามา และเน้นการใช้ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก
ทั้ง 6 แนว ช่วยเรื่องความเหลื่อมล้ำอย่างมาก
การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไม่พอ ควรปรับคุณภาพของ คนไทยโดยสร้างค่านิยมของคนไทย อย่างจริงจังเป็นโอกาสที่ดีเพราะในวิกฤติโควิด-19 คนไทยในด้านการแพทย์ก็ปรับตัวมีวินัย ทำได้ดีแต่ในด้านเศรษฐกิจ ปลูกฝังให้คนไทยไม่ใช้จ่ายเกินตัว ใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เช่น เน้นพฤติกรรมการออม ให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างจริงจัง ผมได้เห็นบทบาทธนาคารออมสินในการพัฒนาการออมระดับชุมชนแล้ว น่าจะสนับสนุนอย่างจริงจัง
ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนเพราะคนไทยกู้เงินในอนาคตมาใช้กันมาก แต่บริหารหนี้ไม่เป็น และค่านิยมคนไทย ชอบงานสบาย ไม่ขยันและไม่เรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นปัญหาของคนไทยชอบอวดและเน้นวัตถุนิยม ยกย่องคนรวยโดยไม่ได้ดูว่าได้เงินมาอย่างไร
หลังโควิด-19 หนี้ครัวเรือนยังสูง รัฐอาจจะต้องช่วยประคองไม่ให้หนี้เสียเกินอัตราที่เหมาะสม จะปรับทัศนคติให้คนเหล่านั้นได้เรียนรู้จากความล้มเหลว หรือที่ผมเรียกว่า Learning from Adversity หรือ Pain is gain. (เรียนรู้จากความเจ็บปวด) รัฐบาลและคนไทยทุกคนต้องช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไร
เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่และสร้างค่านิยมที่ถูกต้องของสังคมครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี