วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เป็นเรื่องน่าสมเพชเวทนาอย่างมากที่สุด กับการที่คนระดับนายกรัฐมนตรีบอกกับผู้ที่ส่งเสียงร้องเรียน หรือให้ข่าวว่ามีนักการเมืองบางรายบางจำพวกที่สังกัดอยู่กับรัฐบาลมีพฤติกรรมไม่ขาวสะอาด หรือมีพฤติกรรมเข้าข่ายอาชญากรชนิดใดชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะจำพวกที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ฟอกเงิน หรือ scammers แต่นายกรัฐมนตรีกลับบอกว่าไปเอาหลักฐานมา แล้วเอาไปแจ้งความกับตำรวจ โดยบอกว่าให้ไปแจ้งกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
อันที่จริงต้องถามกลับว่า แล้วนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่มีปัญญาหาข้อมูลเรื่องนักการเมืองบางคน หรือข้าราชการบางจำพวกทุจริตหรือ อย่าลืมว่านายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุดทางการเมืองในการบริหารจัดการให้เกิดความสุขสงบ เป็นระเบียบเรียบร้อยให้ประเทศ แล้วเหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่จัดการกับคนที่ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่สุจริตหรือเป็นภ้ยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ
แน่นอนว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะอ้างว่าเป็นการใส่ความจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง จึงยังไม่ตรวจสอบกับคนที่ถูกร้องเรียนหรือถูกกล่าวหา แต่ก็ต้องบอกว่าในทางที่ถูกต้องนั้น นายกรัฐมนตรีควรจะต้องขอบคุณคนให้ข้อมูลเรื่องการทุจริต แล้วต้องขวนขวายหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าคนที่ถูกร้องเรียนนั้นมีพฤติกรรมชั่วช้าเลวทรามตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ ไม่ใช่อ้างแบบปัดสวะ และไร้สติปัญญาว่า ให้ผู้ร้องเรียนไปหาข้อมูลมา แล้วนำไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ
อันที่จริงการที่คนคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งกล้าเปิดหน้าชัดๆ แล้วร้องเรียนให้นายกรัฐมนตรีเห็นถึงความไม่ขาวสะอาด ไม่ชอบมาพากล ไม่ซื่อสัตย์สุจริตของคนในวงของรัฐบาล เรื่องนี้ต้องนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีต้องให้ความสำคัญ แน่นอนว่าอาจจะยังไม่ต้องเชื่อโดยทันทีทันใด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านายกรัฐมนตรีจะปัดสวะด้วยการอ้างว่าไปหาข้อมูลมา แล้วนำไปแจ้งความกับตำรวจ
ขอโทษนะคุณนายกรัฐมนตรีที่น่าสงสาร หากตำรวจทุกคนบนแผ่นดินไทยทำงานของตัวเองอย่างจริงจัง ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แล้วถ้าหากตำรวจทุกคนไม่ทำตัวเป็นขี้ข้าลิ่วล้อบริวารของนักการเมืองแล้ว ก็จะต้องรู้และต้องจับกุมตัวนักการเมืองจำพวกเลวทรามต่ำช้าได้ตั้งมากมาย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าตำรวจจำนวนหนึ่งซึ่งไม่น่าจะน้อยยอมตัวเป็นขี้ข้านักการเมืองเลวๆ ดังนั้น ตำรวจชนิดนี้จึงไม่กล้าจัดการนักการเมืองสีดำ สีเทา และนักการเมืองสกปรก
ถามต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีไม่รู้จริงๆ หรือว่านักการเมืองในซีกรัฐบาลคนไหนบ้างที่มีพฤติกรรมสกปรกโสโครก มีสันดานเป็นอาชญากร (ในเบื้องต้นเอาเฉพาะนักการเมืองซีกรัฐบาลก่อน ส่วนนักการเมืองในซีกฝ่ายค้านนั้น หากมีพฤติกรรมเลวทรามแล้วละก็ รับรองว่ารัฐบาลไม่ปล่อยไว้แน่นอน เพราะถือเป็นศัตรูการเมืองตัวสำคัญ) ขอย้ำว่าอันที่จริงแล้ว คนในสังคมไทยต่างเชื่อตรงกันว่านายกรัฐมนตรีต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ติดปัญหาตรงที่ ถ้าหากนายกรัฐมนตรีพบว่านักการเมืองแสนสกปรกคนไหนอยู่ข้างเดียวกับรัฐบาล อยู่ข้างเดียวกับนายกรัฐมนตรี ก็จะไม่ถูกเล่นงานโดยอำนาจการเมือง ครั้นเมื่ออำนาจการเมืองไม่เล่นงานนักการเมืองชั่วช้าแล้ว ก็ไม่ต้องหวังว่าอำนาจใดๆ จากตำรวจ และจากกฎหมายไทยจะสามารถเข้าไปแผ้วพาล ทำความระคายเคืองให้นักการเมืองเลวๆ เหล่านั้นได้
ถามจริงๆ ว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้บ้างเลยหรือว่าคนไทยจำนวนมากมายมหาศาลได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสจากแก๊ง call center ลวงโลก หรือที่เรียกกันว่าแก๊ง scammmers แล้วถามต่อไปว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้บ้างเลยหรือว่านักการเมืองไทยคนไทยเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ และพนันสารพัดชนิด แล้วไม่รู้หรือว่านักการเมืองและข้าราชการคนไหนบ้างเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินในประเทศไทย
อันที่จริงนายกรัฐมนตรีต้องรู้ แต่ปัญหาคือรู้แล้วจะจัดการปราบปราบคนเลวเหล่านั้นหรือไม่ หากนายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่รู้ ก็นับว่าตลกร้ายแล้ว เพราะในเมื่อคนอื่นๆ ในสังคมไทยยังรู้ว่านักการเมืองคนไหนเลวทราม ข้าราชการทั้งพลเรือน และตำรวจ ทหารคนไหนเลวทราม แต่ต่อให้คนอื่นๆ รู้ทั้งแผ่นดิน แต่นายกรัฐมนตรีอ้างว่าไม่รู้ นั่นก็หมายความว่าคนเลวเหล่านั้นไม่มีทางถูกกำจัดไปได้ เพราะมีอำนาจรัฐให้การคุ้มครอง
ทุกวันนี้ โลกทั้งโลกต่างรู้ดีว่ากัมพูชาเป็นแหล่งอาชญากรข้ามชาติ โดยเฉพาะ scammers รวมถึงกระบวนการฟอกเงิน แล้วประชาคมโลกก็กำลังร่วมกันกดดันกัมพูชาอย่างหนักให้ยุติพฤติกรรมสามานย์นั้นโดยเร็ว เรื่องนีั้ไม่มีทางที่นายกรัฐมนตรีไทยจะไม่รับรู้ เพราะทั้งสหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ต่างกำลังร่วมกันกดดันกัมพูชา เพราะเขาเหล่านั้นได้รับผลกระทบด้านลบอย่างรุนแรง ประชาชนของเขาเหล่านั้นได้รับผลเสียหายร้ายแรง พฤติกรรมสามานย์ของกัมพูชาส่งผลให้เศรษฐกิจของหลายประเทศได้รับผลลบอย่างหนัก ดังปรากฏชัดว่าสหรัฐฯ ระบุว่าได้รับความเสียหายจาก scammers ในกัมพูชาหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถามว่าขนาดคนอเมริกันยังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพิษของ scammers กัมพูชา แล้วคนไทยที่อยู่ติดกับกัมพูชาจะไม่ได้รับผลกระทบสาหัสกว่าหรือ เรื่องพื้นๆ แบบนี้ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องทราบดีอยู่แก่ใจ แต่คำถามคือ ทราบแล้วทำไมไม่แก้ปัญหาให้จริงจัง ทำไมจึงต้องเล่นเกมการเมืองด้วยการวิ่งรอบโต๊ะ แล้วเล่นบทจับประเด็นผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่กำลังบังเกิดในขณะนี้คือ การที่กัมพูชาเล่นเกมลอบวางกับระเบิดในเขตอธิปไตยของไทยที่ห้วยตามาเรีย
ต้องย้ำว่าเรื่องนี้ฝ่ายผิดที่ชัดเจนที่สุดคือกัมพูชา เพราะลอบเข้ามาวางระเบิดในเขตแดนไทย แล้วทหารไทยก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน เรื่องแบบนี้พิสูจน์ไม่ยากว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงร่วมที่ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามร่วมกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2568 โดยมีพยานคือ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้ต้องการใช้สถานการณ์นี้เป็นเครื่องสนับสนุนให้ตนได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ แล้วยังมีอันวาร์ ฮิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานหมุนเวียนของอาเซียน ร่วมเป็นพยานอีกด้วย ถามว่าเมื่อกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงสัญญาร่วม แล้วทำไมไทย โดยนายกรัฐมนตรีไม่แจ้งเรื่องความเหลวไหลของกัมพูชาให้สหรัฐฯ และนานาชาติที่ติดตามเรื่องนี้รับทราบ แต่แล้วจู่ๆ นายกรัฐมนตรีไทยกลับบอกว่าไทยเป็นฝ่ายประกาศระงับข้อตกลงร่วม ซึ่งดูเหมือนไทยเป็นฝ่ายไม่ทำตามสัญญา ทั้งๆ ที่ไทยต้องแจ้งให้นานาชาติรับทราบถึงพฤติกรรมสามานย์ของกัมพูชา แต่กลับไม่ทำ แล้วเท่านั้นยังไม่พอ ยังประกาศแบบคนไร้สติว่าไม่แยแสเรื่องการค้าขายกับสหรัฐฯ
พฤติกรรมที่นายกรัฐมนตรีแสดงออกหลังจากที่กัมพูชาเล่นบทเกเร คือพฤติกรรมที่ถูกสังคมจับได้ว่า เหตุที่นายกรัฐมนตรีต้องเล่นบทประหลาดด้วยการแสดงอาการพิสดาร ก็เพราะว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องการจัดการปัญหาแก๊งฟอกเงินที่ใช้ไทยเป็นฐานจากการกระทำของ scammers กัมพูชา
น่าอัศจรรย์ใจยิ่งที่นายกรัฐมนตรีเล่นผิดบท โดยประกาศราวกับว่าจะรบกับกัมพูชา และทำเสมือนว่าไทยจะล้างกัมพูชาให้ราบคาบ ทั้งๆ ที่เรื่องมันยังไม่จำเป็นต้องถึงขั้นประกาศรบ แต่ไทยสามารถป้องกันตัวเองได้ตามกฎข้อตกลงที่ไทยมีและกระทำไว้กับกัมพูชาโดยมีนานาชาติร่วมเป็นพยาน การที่ไทยจะตอบโต้พฤติกรรมสามานย์ของกัมพูชานั้น ไทยสามารถกระทำได้ แต่จำเป็นต้องแจ้งให้นานาชาติเห็นว่ากัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทยเป็นประจำและตลอดเวลา แต่ไทยก็ต้องตอบโต้กัมพูชาให้เหมาะสม และควรแก่เหตุ ซึ่งหากไทยตอบโต้กัมพูชาด้วยกำลังรบหนักที่หนักเกินเหตุ ก็จะกลับกลายเป็นว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชา
ขอถามจริงๆ เถอะ ไทยต้องการรบกับกัมพูชาจริงๆ หรือ เมื่อรบแล้วไทยชนะกัมพูชาก็จริง แต่ว่าจะชนะเมื่อไร ชนะวันไหน แล้วไทยต้องสูญเสียกำลังพลมากเท่าไร ชาวบ้านพลเรือนไทยจะได้รับความเสียหายมากมายแค่ไหน รัฐบาลตอบคำถามเหล่านี้ได้หรือไม่ แต่ที่สำคัญคือไทยคงชนะสงครามกับกัมพูชา แต่ทว่าไทยแพ้สงครามในสายตาประชาคมโลก เนื่องจากโลกจะมองว่าไทยรังแกกัมพูชา เพราะไทยมีกำลังรบเหนือกว่ากัมพูชา และเป็นประเทศใหญ่กว่ากัมพูชา แต่เมื่อไทยรู้ดีว่ากัมพูชาเป็นตัวอันธพาลของโลก เป็นแหล่งอาชญากรข้ามชาติ เป็นศูนย์กลาง scammers แล้วเมื่อโลกกำลังรุมประณาม และรุมเล่นงานกัมพูชา แต่ทว่า นายกรัฐมนตรีไทยกลับทำตัวเสมือนว่าปกป้องนักการเมืองไทยบางคนที่อยู่ในฝั่งรัฐบาลซึ่งมีพฤติกรรมร่วมในขบวนการฟอกเงิน
การที่นายกรัฐมนตรีไทยไม่กล้าจัดการกับนักการเมืองที่มีพฤติกรรมพัวพันกับขบวนการฟอกเงิน ก็หมายความว่านายกรัฐมนตรีอยู่ร่วมกันขบวนการฟอกเงิน ใช่หรือไม่ หรือหากจะตอบว่าไม่ใช่ แล้วเหตุใดจึงไม่กำจัดนักการเมืองฟอกเงิน

สภาพอากาศพรุ่งนี้! กรมอุตุฯเตือนอากาศเย็นกว่าเดิม กทม. อุณหภูมิต่ำสุดแตะ 21 องศา
สุดอาลัย! 'ดอม เหตระกูล'สูญเสีย'คุณแม่ปรียาพร'ผู้เป็นที่รัก โพสต์ข้อความสุดเศร้า
ดับเจ้าถื่น! 'บาส-เฟม'เข้าลุ้นแชมป์ขนไก่เจแปน
สทนช. ประชุมด่วน! วางแผนปรับลดการระบายน้ำ'เขื่อนภูมิพล' บรรเทาท่วมภาคกลาง
ออกบินแล้ว! 'ฮัดสัน'ลั่นพาช้างศึกสยบศรีลังกา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี