 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
							ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ กรณีทหารอียิปต์หนีการกักกันตัวจากโรงแรมในจังหวัดระยอง ลูกเจ้าหน้าที่การทูตซูดานกักกันตัวในคอนโดย่านถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ
ได้ปรากฏปฏิกิริยาของคนไทยเป็นห่วงใยในสถานการณ์ของโรคระบาดรุนแรงอย่างมาก ปรากฏในสื่อสังคม (Socail media) วิพากษ์วิจารณ์เล่นงานรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รุนแรงขนาดต่อว่า “ไม่ให้ประชาชนการ์ดตกแต่รัฐบาลกลับการ์ดตกเสียเอง” “ออกไปจากการบริหารราชการแผ่นดินได้แล้ว”
.jpg)
.jpg)
ทำไมสังคมไทยจึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้สูงมาก เกิดการตื่นตระหนก ด่าว่ารัฐบาล เล่นงาน ศบค.ย่อยยับ
พอจะวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้
๑) รัฐบาลโดย ศบค.และแพทย์ได้สร้างความตระหนกตกใจให้กับประชาชนคนไทยเป็นวงกว้าง ถึงอันตรายและความเลวร้ายของเชื้อไวรัส COVID-19 ปิดกิจการ ปิดงานปิดการ ปิดบ้านปิดเมือง ให้อดทนกักตัว “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”
ประชาชนคนไทยพร้อมใจปฏิบัติตามคำขู่ด้วยความตระหนก ยอมเสียเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ทางสังคม ด้วยต้นทุนที่เกิดขึ้นกับประชาชนมากมหาศาลดังกล่าว อัตราการติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ลดน้อยถอยลงตามลำดับ ศบค.ก็ยังชักจูงด้วยจิตวิทยาสังคมให้ช่วยกันลดตัวเลขผู้ติดเชื้อจากหลักสิบเป็นหลักหน่วย และอยากเห็นตัวเลขเป็นศูนย์ เมื่อตัวเลขเป็นศูนย์ก็อยากเห็นความต่อเนื่องให้ถึง ๒๘ วัน
รัฐบาลโดย ศบค.ได้มีมาตรการผ่อนคลายตามลำดับ จนกระทั่งกิจการประเภทคลับ บาร์ อาบอบนวด เปิดบริการได้ ผู้คนเริ่มมั่นใจว่าภายในราชอาณาจักรไทยปลอดเชื้อโควิด-19 แล้ว
กาลเวลาแห่งความยากลำบากยาวนานหลายเดือน ผ่านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพ.ร.ก.ถึงสองครั้ง จนถึงการติดเชื้อเป็นศูนย์ติดต่อกัน ๕๐ วัน รัฐบาลโดย ศบค.ได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์มีมาตรฐานการปฏิบัติใหม่สำหรับกลุ่มบุคคลบางประเภทที่จะเข้าประเทศไทยเป็นพิเศษที่ประชาชนเรียกว่ากลุ่ม “VIP” ก่อนหน้าที่คนระดับสูงผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐอเมริกาจะมาเยือน และตามมาด้วยทหารจากอียิปต์ที่เกิดเหตุ
ประชาชนจึงเกิดความกลัว เพราะรัฐบาลการ์ดตกเสียเอง
๒) ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ยาวนานคู่ขนานกับสถิติการติดเชื้อในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และที่อื่นๆ มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างทวีคูณคนไทยเกิดความรู้สึกทั้งกลัวคนต่างชาติ และเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จที่ไทยเป็นประเทศ
อันดับต้นๆ ของโลก
แต่แล้วความภาคภูมิใจก็อาจสลายหายไป อาจเกิดการระบาดในรอบสอง ดังที่เคยถูกขู่ให้ระมัดระวัง อารมณ์ผิดหวังอย่างรุนแรงกับกฎเกณฑ์ของรัฐบาลและ ศบค.จึงเกิดขึ้นได้
.jpg)
๓) ผู้สร้างปัญหาเป็น VIP จึงได้ยินคำว่าอภิสิทธิ์ชน ดังกระหึ่มทั่วทั้งสื่อสังคมและสื่อมวลชน
หากจะเปรียบเทียบกับชาวบ้านจากประเทศกัมพูชา สปป.ลาวและเมียนมา ที่ลักลอบเข้าตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งมีจำนวนมาก นับแต่ ๑ มิถุนายน จนถึงปัจจุบันถูกจับกุมไปแล้วมากว่าสามพันรายที่ลักลอบก่อนหน้านั้น และที่ยังจับกุมไม่ได้ก็ยังมีอีกจำนวนมาก การลักลอบเข้าประเทศเหล่านี้ต่างหลบหนีการกักกันตัว ๑๔ วันทั้งสิ้น
ประชาชนคนไทยต่างรู้ว่ามีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อโควิด-19 มาแพร่ระบาด แต่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับน้อยและเบาบางกว่ากรณีของบุคคลระดับสูง VIP ที่ได้รับอภิสิทธิ์ในกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป
การแสดงความไม่พอใจ จึงต้องพิจารณาให้ลึกซึ้งถึงความไม่พอใจในการเลือกปฏิบัติกับคนระดับสูงในเรื่องของผลกระทบต่อเลือดต่อเนื้อและต่อชีวิต เพราะคนอาจคิดไปได้ว่า จะระดับใดความตายก็เท่ากัน
๔) เทคโนโลยีสื่อสังคมโซเชียลมีเดีย ทำให้รัฐบาลและพวกเราได้รับรู้ถึงปฏิกิริยาเหล่านี้ น่าจะส่งผลดีให้ต้องระมัดระวังในการกำหนดกฎเกณฑ์ที่อาจมีช่องว่างช่องโหว่โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติ
๕) รัฐบาลและศบค.ได้ปรับตัว ปรับกฎเกณฑ์เพื่อสร้างความปลอดภัยอย่างเสมอภาค ที่ทุกคนต้องกักกันตัว ๑๔ วันในสถานที่รัฐจัดให้ และพยายามลดความกลัว ความคาดหมายของประชาชน ที่อยากจะไม่ให้มีการติดเชื้อเลย คือ การติดเชื้อเป็นศูนย์ตลอดไปซึ่งอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล
ออกมาปกป้องคุ้มครองจังหวัดระยองที่ได้รับผลกระทบจากความตื่นกลัว ออกมาขอโทษ และสัญญาว่าจะเปิดเผยความจริงในรายละเอียด ที่อาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในอนาคต
โควิดกับวิกฤติเศรษฐกิจ
วิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแน่นอน ก่อนจะย่อยยับ
รัฐบาลควรเร่งสร้างคณะผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ คล้ายทีมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อต่อสู้กับโควิด ซึ่งในความเป็นจริงทีมเศรษฐกิจจะมีความยากลำบากมากกว่าทีมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะในเรื่องเชื้อโรคและสุขภาพคนทั่วไปจะยอมรับและเชื่อฟังคำแนะนำจากแพทย์ สังเกตได้จากการเชื่อฟังขนาดแพทย์ให้ถอดเสื้อผ้าหรือใช้เข็มจิ้มบนก้นก็ยอมได้อย่างง่ายดาย ต่างกับเรื่องเศรษฐกิจที่คนทั่วไปมักจะคิดว่าตัวเองรู้เรื่อง และข้อแนะนำก็จะมีคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์อยู่เสมอจึงจะเกิดการต่อต้าน
โฆษกที่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจและจิตวิทยามวลชน จึงเป็นสิ่งสำคัญจะต้องมีความสามารถเสมือนนายแพทย์ทวีศิลป์ แต่ต้องตระหนักว่าเป็นงานที่ยากกว่าและต้องเสียสละ จะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากกว่า
หาก (ผู้นำรัฐบาล) มีความชาญฉลาดจะสังเกตเห็นได้ว่า สังคมไทยในปัจจุบันลดความแบ่งแยกแบ่งฝ่าย (ไม่ยึดความแตกต่างตั้งแต่โควิดระบาด)
คนไทยตระหนักถึงภัยต่อมนุษยชาติ คือ โควิดที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน เพราะโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในวัคซีนก็อาจมีไม่มากนัก ด้วยเหตุที่เชื้อโควิดได้กลายสายพันธุ์ไปเรื่อยๆ
วิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นทั้งกับประเทศไทยและกลับเศรษฐกิจของโลกอย่างแน่นอน นี่ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนไทยต้องรวมตัวต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
หากผู้นำรัฐบาลจะได้นำสถานการณ์นี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสร้างให้ทุกคนร่วมใจต่อสู้ฟาดฟัน นำทุกฝ่ายเข้ามีส่วนร่วมในการรับรู้ปัญหาและกำหนดวิธีการแก้ปัญหา น่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะอยู่รอดของสังคมไทย
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

 อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรม ตอบ 'เอ๊ะ อิศริยา'จี้ปม ไม่มีลูกใครจะดูแล จนเหว่อ!
										อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรม ตอบ 'เอ๊ะ อิศริยา'จี้ปม ไม่มีลูกใครจะดูแล จนเหว่อ!
									 กกต.ขอเวลา75วัน  เตรียมจัดลต.ควบประชามติ  ก่อนหย่อนบัตร29มีนาคม69
										กกต.ขอเวลา75วัน  เตรียมจัดลต.ควบประชามติ  ก่อนหย่อนบัตร29มีนาคม69
									 ‘มอสมัดจุก’ ปลื้ม เล่นซีรีส์เต็มตัวเรื่องแรกเจองานหิน แต่กระแสชมฉ่ำ
										‘มอสมัดจุก’ ปลื้ม เล่นซีรีส์เต็มตัวเรื่องแรกเจองานหิน แต่กระแสชมฉ่ำ
									 ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร  ‘ในหลวง-พระราชินี’เสด็จฯ  ถวายพระพันปีหลวง
										ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวาร  ‘ในหลวง-พระราชินี’เสด็จฯ  ถวายพระพันปีหลวง
									 ปลัดมหาดไทยสั่งผู้ว่าฯ  หนุนคนละครึ่งพลัส  ชวนผู้ค้าร่วมโครงการ  รบ.ปลื้มคนแห่ใช้สิทธิ์
										ปลัดมหาดไทยสั่งผู้ว่าฯ  หนุนคนละครึ่งพลัส  ชวนผู้ค้าร่วมโครงการ  รบ.ปลื้มคนแห่ใช้สิทธิ์
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี