โครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต มีอันจะต้องเลื่อนกำหนดเปิดให้บริการออกไปจากเดิม
ข่าวรายงานว่า จากปี 2564 เป็น 2566
สืบเนื่องจากนโยบายที่เปลี่ยนไปของกระทรวงคมนาคม!!!
1. เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ต่อกรณีที่มีข่าวเลื่อนการเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีแดง จากกำหนดเดิมต้นปี’64 เป็นปี’66 ว่า ขอยืนยันตามนั้น โดยอ้างเหตุว่า จะต้องเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการลงทุนแบบพีพีพี net cost ทั้งก่อสร้างส่วนที่เหลือ การบริหารและเดินรถรวมทั้งบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างไตรมาส 3 ปี’64 หรือเร็วสุดไตรมาส 2 ปี’64
“เบื้องต้นยังประเมินว่าจะเปิดบริการได้ในปี’66 แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด ส่วนเวลาที่ชัดเจนต้องดูว่าทั้งโครงการเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยัง โดยเฉพาะสถานีกลางบางซื่อหากยังก่อสร้างไม่เสร็จหรืออยู่ระหว่างก่อสร้าง รถก็ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เพราะเสี่ยงต่อความปลอดภัยที่อาจมีสิ่งของตกใส่ผู้โดยสารจนเกิดอันตรายได้ จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยที่สุด... วันนี้เราต้องอยู่บนความจริง หากบริหารโดยไม่อยู่บนความจริงแล้วสุดท้ายพบเสียหายจะทำอย่างไร การเปิดพีพีพีไม่ได้เอื้อเอกชนรายใดรายหนึ่ง เพราะเวลาเปิดประมูลต้องสู้กันไม่ได้มีรายเดียว เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ก็เปิดประมูลก่อสร้างพร้อมบริหารเช่นกัน” นายศักดิ์สยามกล่าว
เมื่อนักข่าวถามว่า นานเกินไปหรือไม่ โครงสร้างจะเสียหาย รถซื้อมาจอดรอแล้ว จะเสื่อมหรือไม่
รัฐมนตรีคมนาคมบอกว่า รถที่เข้ามามีวิธีดูแลรักษา และทดลองวิ่งแล้ว ไม่ได้มาจอดนิ่งๆ เหมือนยานยนต์ประเภทอื่นที่มีกระบวนการดูแลรักษาอยู่แล้ว ไม่ใช่จอดทิ้งจนปลูกสาระแหน่ได้
2. หลังจากนั้น ปรากฏว่า ประชาชนแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน
ส่วนใหญ่มองว่า งานก่อสร้างมั้งหมดเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว ขบวนรถก็ซื้อมาแล้ว แถมเริ่มทดสอบวิ่งบนรางให้เห็นไปแล้วด้วย แต่จะมาเลื่อนเพราะนโยบายเปลี่ยนไปให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน
สงสัยกันว่า งานนี้ ใครมีเจตนาเอื้อประโยชน์ใคร หรือไม่?
ประชาชนบางส่วนไม่ไว้วางใจ ถึงขนาดเสนอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม!!!
3. ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายศักดิ์สยามให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการเลื่อนเปิดรถไฟฟ้าสายสีแดง
คราวนี้ ยืนยันว่า จะเปิดบริการประชาชนได้ก่อนปี’66 แน่นอน!!!
รัฐมนตรีคมนาคม บอกว่า ขณะนี้งานโยธาเสร็จเกือบทั้งหมดแล้ว เดิมจะเปิดให้บริการได้ในปี’64 แต่เนื่องจากผู้รับจ้างขอยื่นขยายสัญญาการก่อสร้างออกไปอีกเป็น 1,122 วัน จึงทำงานล่าช้าออกไป สัปดาห์นี้จะมีการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง(ขร.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปว่าจะให้ขยายสัญญาหรือไม่ แต่
เบื้องต้นได้รับรายงานว่า จากการดูกรอบเวลาการขยายสัญญาแล้ว น่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ก่อนปี’66
“..ส่วนการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) จะทำให้โครงการรถไฟสีแดงไม่เป็นหนี้ และรูปแบบนี้ประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ค่าโดยสารก็ต้องต่ำที่สุด รัฐต้องไม่เสียเปรียบ แต่เอกชนก็ต้องเดินหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่อง PPPนั้น ต้องเสนอให้คณะกรรมการ PPP และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณาต่อไปยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีข้อเคลือบแคลงอะไรปกปิดแน่นอน ไม่ต้องกังวล และไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครเพราะใช้หลักธรรมาภิบาลในการทำงาน โปร่งใส มีส่วนร่วม และตรวจสอบได้ ไม่มีการมุมมิบทำ..
ผมอยากเนรมิตให้เปิดใช้ในวันนี้พรุ่งนี้ ดังนั้น หากประเมินว่าเปิดเดินรถได้ส่วนไหนก่อนจะเร่งเปิดเดินรถทันทีภายใต้พื้นฐานความปลอดภัยและความสะดวก ส่วนรถที่ซื้อมามีระบบและคู่มือบำรุงรักษาอยู่แล้ว ไม่ได้จอดทิ้งเฉยๆ พอไม่เปิดก็หาว่าจะชะลอ พอเปิดไม่คุ้มก็หาว่าเอาอะไรมาคิด จุดที่เหมาะสมคืออะไรจะประชุมสัปดาห์หน้า พร้อมเหตุผลอธิบายทำให้ดีที่สุด...
ยืนยันว่าเปิดบริการประชาชนได้ก่อนปี’66 แน่นอน” นายศักดิ์สยามกล่าว
4. เรื่องนี้ แทนที่จะเป็นข่าวดี สร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เต็มๆ กลับมีอะไรบางอย่างที่ดูแปลกๆ แปร่งๆ ยึกๆ ยักๆ ชักเข้าชักออก
แฟนเพจ “โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure” สรุปข้อมูลพื้นฐานจากการติดตามโครงการมาอย่าง่ตอเนื่อง ระบุว่า
“ข้อมูลจากทางการรถไฟ ความคืบหน้าของสัญญารถไฟสายสีแดงทั้ง 3 สัญญา คือ
- สัญญาที่ 1 งานโยธาสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง คืบหน้าประมาณ 99%
- สัญญาที่ 2 งานโยธาทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต เสร็จ 100%
- สัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหาตู้รถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน คืบหน้ากว่า 80% ซึ่งในส่วนสัญญาที่ 3 รวมถึงตัวรถไฟฟ้า ระบบราง ระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ
จุดที่ช้าหลักๆ คือ ตัวรถไฟ ซึ่งปัจจุบันรับแล้ว 13 ขบวน จากทั้งหมด25 ขบวน แบ่งเป็น ขบวน 6 ตู้ ซึ่งใช้กับสายเหนือ (บางซื่อ-รังสิต) 7 ขบวน, ขบวน 4 ตู้ ซึ่งใช้กับสายตะวันตก (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) 6 ตู้ แต่จากข้อมูลที่ผมมี จากการศึกษาของจุฬาฯ ในการเดินรถ ใช้เพียง 10 ขบวน ก็เพียงพอในการเดินรถแล้ว
ซึ่งในสัญญาที่ 3 นี้ ทางญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้รับจ้างในสัญญานี้ ได้ขอขยายเวลา เนื่องจากปัญหาต่างๆในระหว่างก่อสร้าง คือ ความพร้อมในการจ่ายไฟฟ้า, การส่งมอบพื้นที่, ปัญหาการนำเข้าอุปกรณ์อาณัติสัญญาณ ซึ่งต้องผ่าน คณะกรรมการ กสทช .อนุมัติก่อน รวม 512 วัน ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้รับจ้าง ในการขอเต็มที่ แต่จะอนุมัติมั้ยอีกเรื่อง ซึ่ง ร.ฟ.ท. อนุมัติประเด็นการขยายเวลาเนื่องจากการจ่ายไฟฟ้าให้ไม่ได้ไป แล้ว 87 วัน แต่ส่วนอื่นยังไม่อนุมัติ
ส่วนการทำ PPP ของรถไฟฟ้าสายสีแดง ทางผู้ว่าการการรถไฟเห็นว่าควรร่วมทุนกับเอกชน (PPP) เพราะผลการศึกษาระบุชัดเจนว่า การ PPP จะเกิดประโยชน์และเป็นผลดีต่อทั้งประชาชน, ร.ฟ.ท. และประเทศชาติโดยรวม อาทิ ร.ฟ.ท.ไม่ต้องแบกหนี้สิน 9 หมื่นล้าน และลดความเสี่ยงในการบริหารการเดินรถด้วย เป็นต้น
แต่!!!! เมื่อโครงการแล้วเสร็จพร้อมเดินรถ ก็ต้องเปิดเดินรถทันที โดยจะให้บริษัทลูกของ ร.ฟ.ท. (SRTET) เป็นผู้เดินรถไปก่อนคู่ขนานไปกับขั้นตอนการทำ PPP หาเอกชนมาเดินรถ
ซึ่งแบบนี้ก็ไม่ต่างจากแผน คนร. ซึ่งทำในช่วงที่ท่านอาคมทำไว้ ซึ่งให้ SRTET เดินรถก่อน แต่จะต่างกันที่เงื่อนไขการให้เอกชนมาเดินรถ ซึ่งแต่เดิมต้องไม่ผ่านตาม KPI ของ คนร. ก่อน แต่ตอนนี้เป็นการเดินรถรอการศึกษา และคัดเลือกเอกชนมา PPP
ถ้าเป็นไปตามนี้ โครงการสามารถเปิดให้บริการได้เมื่อเสร็จ (ปี’64) แน่นอน
แบบนี้ดูค่อยมีหวังหน่อยครับ
ทำไมมันต่างจากที่ รมต.คมนาคมให้สัมภาษณ์เมื่อวานจังหว่า”
5. ขณะนี้ มีการเปิดแคมเปญลงชื่อใน Change.org เรื่อง “เปิดเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อ ให้ได้ภายในปี 2564”
คุณ Pakasit Wongkeam ได้สร้างแคมเปญรณรงค์นี้ ร้องเรียน ศักดิ์สยาม ชิดชอบ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม) ระบุว่า “จากข่าวที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ เปิดเผยว่า รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ - ตลิ่งชัน) (บางซื่อ - รังสิต) และสถานีกลางบางซื่อ ได้เลื่อนเปิดใช้งานจากปี 2564 เป็น 2566 ทำให้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องการโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และใช้บริการสถานีกลางบางซื่อ รวมถึงประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง เนื่องด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง ที่รุมเร้าอยู่ ณ ขณะนี้
กระผมจึงขอร้องให้กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง และการรถไฟแห่งประเทศไทย ช่วยเร่งดำเนินการเกี่ยวกับสถานีกลางบางซื่อ และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ทั้งการก่อสร้าง การแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง การจัดหาเอกชนมาร่วมลงทุน (PPP) โดยมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เข้ามาบริหาร โดยจะบริหารชั่วคราวไปก่อน 3 ปี แล้วค่อยหา PPP ทีหลัง หรือจะบริหารถาวรเลยก็ได้ การปรับเปลี่ยนชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพ ฯลฯ เพื่อให้ทั้งสถานีกลางบางซื่อ และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สามารถเปิดทำการใช้งานได้ภายในปี 2564 ตามที่ได้สัญญาเอาไว้กับประชาชน”
สมควรที่รัฐมนตรีศักดิ์สยาม จะพิจารณารับฟัง และทำให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
ไม่ควรมีข้อกังขาว่า มีใครทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง (ราง) ในเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน และเป็นคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เช่นนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี