สงครามเหล้าพ่วงเบียร์ในอดีต เกิดขึ้นในบรรดาร้านโชห่วย ร้านค้าปลีกที่รับสุราขาว-สุราสีของนายทุนผูกขาดโรงเหล้าไปจำหน่าย ว่าจะต้องพ่วงเอาเบียร์ช้างไปขายด้วย จนเกิดเบียร์ “3 ขวดร้อย” ในยุคที่ร้านสะดวกซื้อ หรือโมเดิร์นเทรด ยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน
แต่ปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อ หรือโมเดิร์นเทรด รวมถึงดิสเคาท์สโตร์ใหญ่ๆ ทั้งหลาย ถือเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าที่สำคัญ เข้าถึงผู้บริโภคแพร่หลาย จึงนับเป็นช่องทางที่สินค้าทุกชนิดต้องการเข้าไปวางขายแข่งขันกัน
สงครามการแข่งขันในตลาดเบียร์ปัจจุบัน ก็เช่นกัน
1. เมื่อเบียร์ค่ายคาราบาวแดงประกาศทำสงครามเบียร์เจ้าเก่าที่ครองตลาด ทั้งเบียร์ค่ายสิงห์และค่ายเจ้าสัวช้าง
ผ่านไป 6 เดือน เสี่ยคาราบาวไม่สามารถเจาะฐานร้านค้าและกินส่วนแบ่งตลาดได้ตามที่ตั้งเป้าไว้
สาเหตุหลัก ก็เพราะไม่สามารถเข้าไปในช่องทางการจำหน่ายที่เจ้าเดิมยึดกุมอยู่
ทั้งตามผับ บาร์ และโดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ ได้แต่จำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อในเครือข่ายของตนเองเป็นหลัก คือ ในซีเจ มอร์ และร้านถูกดี มีมาตรฐาน
ร้านโมเดิร์นเทรดอื่นๆ เรียกว่า บอดสนิท
ถึงขนาดแอ๊ด คาราบาว ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตโอดโอย ถูกเจ้าสัวตีกัน
ไม่ยุบวงแล้ว หลังสงกรานต์จะกลับมาทำสงครามกับเจ้าสัว!!
“ผมจะหยุดแค่ เม.ย. เดือนเดียว เดี๋ยวกูจะกลับมาใหม่
กูจะมาสู้กับมึง
จริงๆ แล้วผมต้องการพักวง เพราะเราเหนื่อย เราแก่ แต่ผมต้องช่วยพี่เถียรไม่อย่างงั้นเราแย่แน่นะครับ เราลงทุนกับเหล้ากับเบียร์ไป 8,000 ล้าน ไม่ใช่เงินเล็กๆ นะครับ
ประเทศนี้มีแต่เจ้าสัวไม่กี่คนที่ผูกขาด อันนี้ไม่ใช่ดราม่านะครับ จริงๆ ตั้งใจเลิกจริงๆ
ไปรบกับแม่-เลย” - แอ๊ด คาราบาวกล่าว
2. ล่าสุด “เสถียร เสถียรธรรมะ” เจ้าพ่อคาราบาวกรุ๊ป ได้ผนึกสายการบิน “แอร์เอเชียเอ็กซ์” ส่งเบียร์ “คาราบาว-ตะวันแดง” เสิร์ฟผู้โดยสารระหว่างประเทศในทุกเที่ยวบิน
มุ่งสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ จากการลิ้มลองรสชาติเป็นหลัก หวังว่าชิมแล้วจะติดใจ จะได้หามากินครั้งต่อๆ ไป ตั้งเป้ากินส่วนแบ่งการตลาด 10% จากมูลค่าตลาดเบียร์ในประเทศไทย 2.6 แสนล้านบาท
3. ลองคิดดู ตลาดเบียร์ในประเทศมีมูลค่าราว 2.6 แสนล้านบาท
ลีโอ ของ บุญรอด บริวเวอรี่ สัดส่วน 44%
ช้าง ของ ไทยเบฟ สัดส่วน 31%
สิงห์ ของ บุญรอด บริวเวอรี่ สัดส่วน 11%
ที่เหลือเป็นเบียร์ยี่ห้ออื่นๆ รวมทั้งเบียร์ค่ายคาราบาว
ถ้าค่ายคาราบาวหวังจะได้ส่วนแบ่งตลาด 10% หรือยอดขายราวๆ 26,000 ล้านบาท จะหวังพึ่งการขายบนเครื่องบิน หรือแม้แต่ตัวแทนขายตามร้านค้าที่มีอยู่หลักหมื่นราย ย่อมไม่มีทางสำเร็จแน่นอน
จะสำเร็จได้ ต้องได้ขายผ่านร้านเหล้า ผับ บาร์ สถานบันเทิงทั่วประเทศ และร้านโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ ร้านดังๆ อย่างเครือข่าย 7-11 ด้วย
แน่นอน ค่ายเสี่ยคาราบาวก็จะต้องหาหนทางสู้ ในวิถีทางธุรกิจ
4. เรื่องนี้ หากมองในมุมการแข่งขันทางการค้าในภาพรวม จะมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
4.1 ลองคิดดู ตลาดเบียร์ในประเทศ 2.6 แสนล้านบาท ถ้า 10% ไม่ได้อยู่เฉพาะในมือเจ้าสัว หรือเสี่ยคาราบาวเท่านั้น แต่มีโอกาสแบ่งไปอยู่ในมือของผู้ผลิตรายเล็ก หรือแม้แต่ตลาดสุราที่มีมูลค่าแสนล้านเหมือนกัน ถูกแบ่งให้กับผู้ผลิตรายเล็ก เหล้าชาวบ้าน วิสาหกิจชุมชน หรือเอสเอ็มอี
หากคิดแค่ 10% ก็เป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท
เงิน 2 หมื่นล้านสำหรับเสี่ย หรือเจ้าสัว อาจไม่ใหญ่ที่สุด
แต่เม็ดเงินขนาดเดียวกันนี้ หากตกเป็นส่วนแบ่งของชาวบ้าน วิสาหกิจชุมชน หรือเอสเอ็มอี จะเป็นเงินทุนมหาศาล กระจายผลประโยชน์ลงไประดับท้องถิ่น ชุมชน ฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม
และมีการหมุนของเงินในระบบเศรษฐกิจ จะรวดเร็วกว่าเงินที่ไปกระจุกอยู่ในมือยักษ์ใหญ่
4.2 การส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม โดยเปิดช่องทางให้รายใหม่ รายเล็กรายน้อย
โดยเฉพาะสินค้าของชาวบ้าน วิสาหกิจชุมชน หรือเอสเอ็มอี ได้เข้าไปแข่งขันในช่องทางการจำหน่ายต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ และเป็นธรรมในโลกทุนนิยม
4.3 ยกตัวอย่าง กรณีช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรด
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา คงยังไม่ลืม อภิมหาดีลควบรวมธุรกิจของยักษ์ค้าปลีก
กรณีการรวมธุรกิจของกลุ่มซี.พี. (ร้าน 7-11 ) และบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส)
การควบรวมครั้งนั้น สำเร็จได้ เพราะคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) โดยมติเสียงข้างมาก ได้อนุญาตรวมธุรกิจ โดยรู้ทั้งรู้ว่าจะทำให้กลุ่มซีพีมีอำนาจเหนือตลาดและอำนาจต่อรองมากกว่าเดิม มีอำนาจทางเศรษฐกิจในกิจการค้าปลีกสมัยใหม่ขนาดเล็ก จึงกำหนดเงื่อนไขในการรวมธุรกิจพ่วงไปด้วย
หนึ่งในเงื่อนไขผูกมัดที่ 7-11 และโลตัส ต้องดำเนินการ ที่น่าสนใจ เช่น
(1) ให้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอก-ชัยดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เพิ่มสัดส่วนของยอดขายสินค้าที่มาจากผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรชุมชน สินค้าชุมชน สินค้าวิสาหกิจชุมชนหรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (OTOP) และกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ของร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และ เทสโก้สโตร์ส รวมกันทุกรูปแบบ ในอัตราเพิ่มขึ้น จากปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี
(2) ให้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้วยการกำหนด ระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) เป็นระยะเวลา 30 - 45 วัน นับจากวันที่ยื่นเอกสารเรียกเก็บเงิน เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยจำแนกเป็น
กลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรชุมชน สินค้าชุมชน สินค้าวิสาหกิจชุมชน หรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (OTOP) ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน และ
กลุ่มสินค้าอื่นๆ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน ทั้งนี้ กรณีข้อกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อเดิมที่มีผลใช้บังคับก่อนคณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้าออกคำสั่งนี้ มีระยะเวลาการให้สินเชื่อน้อยกว่าที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ากำหนด ให้ใช้ข้อกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อเดิม หรือกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
ฯลฯ
เงื่อนไขข้างต้น หากมีการดำเนินการอย่างเป็นจริง ย่อมเป็นประโยชน์ต่อบรรดาธุรกิจ SME สินค้าชุมชน ทั้งในแง่ที่ได้ช่องทางจำหน่ายสินค้า และสินเชื่อทางการค้ามากขึ้นกว่าเดิม
คำถามใหญ่ คือ จนถึงวันนี้ มีใครรับผิดชอบติดตามตรวจสอบการดำเนินการของยักษ์ค้าปลีกอย่าง 7/11 และโลตัส บังคับให้เป็นไปตามเงื่อนไข จะเป็นจริงแค่ไหน อย่างไร
ปัจจุบันนี้ มีสินค้ารายย่อย วิสาหกิจชุมชน ได้วางขายใน 7-11 และโลตัส มากขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน อย่างไร
อย่างในหมวดเครื่องดื่นแอลกอฮอล์ ทั้งสุราและเบียร์ ร้านโมเดิร์นเทรดอย่าง 7-11 ได้มีพื้นที่วางขายสำหรับสินค้าชุมชน วิสาหกิจชาวบ้าน หรือเอสเอ็มอีรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ อย่างไร
ตัวอย่างตลาดเบียร์ 2.6 แสนล้านบาท หรือตลาดสุราเกือบ 2 แสนล้านบาท ไม่ควรเป็นของใครไม่กี่คน แต่ควรมีโอกาสสำหรับมีส่วนแบ่งของรายเล็กที่เป็นเอสเอ็มอี หรือวิสาหกิจชุมชน
โอกาสนั้นจะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อ ช่องทางจัดจำหน่ายไม่ตีบตัน หรือไม่ถูกผูกขาด หรือกีดกัน โดยยักษ์ใหญ่เช่นกัน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี