แม้ ครม.จะมีมติเห็นชอบกรอบหลักการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet แต่ก็ชัดเจนว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย หากสงสัยให้สอบถามกฤษฎีกา
หมายความว่า กระทรวงการคลัง ก็จะต้องไปดำเนินการกับ ธ.ก.ส. ที่ว่าจะให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ นำเงิน 1.7 แสนล้านบาท มาแจกเกษตรกรผ่านโครงการนี้
จะสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าสงสัยก็ต้องถามกฤษฎีกาเอาเอง
ล่าสุด ปลัดคลังเผยชัด ระบุว่า เงินส่วนที่มาจาก ธ.ก.ส.จะเป็นปีงบประมาณ 2568 คือ ต้องรอเดือนต.ค.2567 จึงจะเริ่มปีงบประมาณ 2568 ยังมีเวลาอีกนานที่จะสอบถามกฤษฎีกาว่าสามารถใช้เงิน ธ.ก.ส.ทำโครงการแจกเงินนี้ได้หรือไม่
รูปการณ์เช่นนี้ หมายความว่า กว่าจะมีเงินจากทั้ง 3 ส่วน
คือ จากงบปี 2567 จากงบปี 2568 และจาก ธ.ก.ส.ในงบปี 2568
ก็จะต้องรอเข้าสู่ปีงบประมาณ 2568 นั่นคือ ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป โดยไม่สามารถดำเนินการก่อนนั้นได้เลย
ระหว่างนี้ จึงเป็นช่วงเวลาโปรยหว่านความหวังแก่ประชาชนไปเรื่อยๆ
1. ถามว่า ทำไมระหว่างนี้ ไม่เร่งถามกฤษฎีกาให้ชัดเจนเสียเลย ว่าจะเอาเงินจาก ธ.ก.ส.ไปแจกผ่านโครงการนี้ ได้หรือไม่? ถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของ ธ.ก.ส.หรือไม่?
เพราะเงินส่วนที่จะมาจาก ธ.ก.ส.นี้ ถือเป็นเงินก้อนใหญ่ ขาดเสียไม่ได้เลย
และถือเป็นก้อนที่สุ่มเสี่ยงที่สุดในเวลานี้
ถ้าได้คำตอบว่า ได้ โครงการย่อมจะเกิดความแน่นอนชัดเจน
หรือรัฐบาลกลัว หรือรู้ทั้งรู้ว่าไม่สามารถทำได้ เพียงแต่ยังไม่ขอคำตอบ
น่าคิดว่า อาจจะเป็นเพราะต้องการยื้อเวลาไปจนถึงใกล้ๆ เดือน ต.ค.โน่น หรือไม่?
การกระทำเช่นนี้ มีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน หรือไม่?
2. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ชี้ว่า “เศรษฐาซื้อเวลาเงินหมื่น สุดท้ายทำไม่ได้”
ตั้งข้อสังเกตน่าสนใจว่า
“แปลกใจไหมครับ ทำไมวันที่นายเศรษฐาแถลงเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จึงมีบทสรุปแค่ครม.เห็นชอบหลักการ ของโครงการนี้ แต่ยังไม่ใช่อนุมัติโครงการ แถมนายเศรษฐายังกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “ส่วนข้อห่วงใยใดๆ เช่นประเด็นอำนาจหน้าที่ของ ธ.ก.ส. ได้สั่งการหากมีประเด็นข้อสงสัยใดๆ ให้ส่งเรื่องไปสอบถามยังกฤษฎีกา”
ทำไมรัฐบาลจะทำโครงการใหญ่ขนาดนี้ ระดับนายกฯลงมาแถลงเอง เป็นครั้งที่สาม ยังไม่มีความชัดเจน ไม่ปรึกษากฤษฎีกาให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมาแถลง?
โดยเฉพาะประเด็นการใช้เงินของธ.ก.ส. ตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561
ผมคิดว่า นายเศรษฐาคงซื้อเวลา และสุดท้ายโครงการทำไม่ได้ หรืออาจต้องลดขนาด
เพราะผมได้คุยกับ อดีตคนธ.ก.ส.ที่มีส่วนร่วมแก้ไข มาตรา 9 ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ได้ข้อสรุปชัดเจนว่า ไม่สามารถเอาเงินธ.ก.ส. ไปแจกได้
ท่านผู้นี้จึงได้เขียนคำอธิบาย ว่าทำไมทำไม่ได้มาให้ผมช่วยเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจ
ขอบวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส. กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ธ.ก.ส. มาตรา 9 มี 4 ข้อ คือ มาตรา9(1)(2)(3)และ(4)
ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นนโยบายจากภาครัฐหลายโครงการที่สำคัญๆ คือ
โครงการรับจำนำข้าว ธ.ก.ส.ดำเนินการภายใต้ขอบวัตถุประสงค์มาตรา 9(1) ข้อ(ก)…..ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรสำหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม….
โครงการประกันรายได้ ธ.ก.ส. ดำเนินการภายใต้ขอบวัตถุประสงค์มาตรา 9(1)ข้อ(ง) ….ดำเนินกิจการตามโครงการที่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม..เพื่อเพิ่มรายได้…
โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผู้ปลูกข้าว(จ่ายไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกินคนละ 20 ไร่) ธ.ก.ส. ดำเนินการภายใต้ขอบวัตถุประสงค์มาตรา 9(1)ข้อ(ง)…ดำเนินกิจการตามโครงการที่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม…เพื่อเพิ่มรายได้…
สำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จ่ายคนละ 10,000 บาท รายที่เป็นเกษตรกรมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการตามพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังมาตรา 28 ….ซึ่งให้กระทำได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น…..
ตามมาตรา 9(1) ข้อ(ง)โครงการดิจิทัล วอลเล็ต จ่ายคนละ 10,000 บาทไม่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ข้อนี้ ดังนี้:-
(1) ไม่ได้เป็นโครงการที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม
เพราะโครงการมีวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจ เกษตรกรผู้รับเงิน 10,000 บาท นำไปใช้จ่ายดำรงชีวิตทั่วไป ไม่ได้นำไปประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างชัดเจน
(2) ไม่ได้เป็นโครงการที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรมเพื่อเพิ่มรายได้….
เพราะเกษตรกรผู้รับเงิน 10,000 บาท สามารถนำใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องการประกอบอาชีพ จึงไม่เป็นการส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบกิจการเพื่อเพิ่มรายได้
(3) ไม่ได้เป็นโครงการที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรมเพื่อเพิ่มรายได้หรือพัฒนาคุณภาพชีวิต…
เพราะการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามกฎกระทรวง ท้ายมาตรา 9 ขยายความมาตรา 9 (1)ข้อ(ง) นี้จะต้องเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวกับการศึกษา,การอบรม,การดูงาน,การรักษาพยาบาล,การปรับปรุงการจัดหาที่อยู่อาศัยเท่านั้น
สำหรับวัตถุประสงค์ ของ ธ.ก.ส. ตามมาตรา 9 (3) นั้น เนื่องจากมาตรานี้เป็นมาตราที่มีการเพิ่มเติม เพื่อขยายวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. ใน ปีพ.ศ. 2549 (ธ.ก.ส.จัดตั้งปี 2509) โดยสภาฯ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ขยายบทบาทจากการให้ความช่วยเหลือจากเดิม ได้เฉพาะเกษตรกรตามมาตรา 9 (1) ให้สามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินและการบริหารจัดการไปยังกลุ่มอื่นๆ ..ได้แก่..บุคคล กลุ่มบุคคล ผู้ประกอบการ กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชน..ทั้งนี้ เพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถให้ความช่วยเหลือเกษตรกร..ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่สินค้าเกษตร ตั้งแต่ การผลิต การแปรรูป การตลาด…
ดังนั้น การพิจารณา การดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จ่าย 10,000 บาท แก่เกษตรกร ว่าอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. หรือไม่นั้น จึงให้พิจารณาขอบวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส. ในมาตรา 9 (1) ที่เป็นวัตถุประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
ส่วนมาตรา 9 (3) เป็นวัตถุประสงค์สำหรับกลุ่มอื่น ..ได้แก่…บุคคล กลุ่มบุคคล ผู้ประกอบการ กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชน..(บุคคลหมายถึง คนที่ประกอบอาชีพที่ไม่ใช่เกษตรกรก็ได้) โดยมีการระบุ เจตนารมณ์การเพิ่มเติมมาตรานี้ ไว้ อย่างชัดเจน ในเอกสารประกอบการขอแก้ไข พ.ร.บ. ธ.ก.ส. ปี 2549 เอกสารการบันทึก การอภิปราย ในสภาฯ
รวมทั้ง ได้มีการออกกฎกระทรวง ปี 2550 มารองรับ อย่างชัดเจนเพื่อให้เป็นไปเจตนารมณ์ของสภาฯ ว่า ……การให้กู้ กับกลุ่มอื่น …ตามมาตรา 9 (3) นี้ต้องไม่เกิน ร้อยละ 20 ของยอดเงินกู้ที่จ่าย ทั้งหมด ในรอบปีบัญชี (ต้องเป็นเงินกู้ไม่ใช่แจกเงิน)
นอกจาก มาตรา 9 (3) มีการเขียนคำว่า…..สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาชนบท….ไว้ ซึ่งมีความหมายให้ ธ.ก.ส. ให้ความช่วยเหลือกลุ่มอื่นๆได้ นอกเหนือจากเกษตรกรที่ระบุในขอบวัตถุประสงค์ไว้แล้วในมาตรา 9 (1) ยังมีคำว่า….การส่งเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ…..จะถูกระบุรายละเอียดไว้ในกฎกระทรวงปี 2550 ข้อ 6 (2) ..ส่วนการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน…ก็ถูกระบุรายละเอียด ไว้ในกฎกระทรวงปี 2550 ข้อ6(3)..
ยกตัวอย่าง…โครงการที่ ธ.ก.ส. สนับสนุนตามกฎกระทรวงข้างต้น เช่น ชุมชน ก. ขอสินเชื่อ ธ.ก.ส. ไปดำเนินการจัดหาน้ำดื่มสะอาดให้กับคนในชุมชน…ซึ่งเป็นการจัดหาปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้กับชุมชน….
หรือชุมชน ข. ขอสินเชื่อ ธ.ก.ส. ไปจัดหา ปรับปรุงบ้านพักผู้สูงอายุ..ซึ่งเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน…
ทั้ง 2 กรณี เป็นไปตามกฎกระทรวงปี 2550 ข้อ6(3) ข้อ(ข)และ(ง)
สรุปอีกครั้งว่า การพิจารณา การดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ตจ่าย 10,000 บาท แก่เกษตรกร ว่าอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. หรือไม่นั้น
ให้พิจารณาขอบวัตถุประสงค์ ธ.ก.ส. ในมาตรา 9 (1) ที่เป็นวัตถุประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
ซึ่งโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จ่ายคนละ 10,000 บาท ไม่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ข้อนี้ รวมทั้งข้ออื่นๆ ในมาตรา 9 ตลอดจนไม่อยู่ในอำนาจให้กระทำได้ตามมาตรา 10 แต่อย่างใด”
3. ข้อมูลและความเห็นข้างต้นนั้น ตอกย้ำชัดเจนถึงความเสี่ยงว่าจะไม่สามารถใช้เงิน ธ.ก.ส. 1.7 แสนล้านบาท มาแจกผ่านโครงการเติมเงินหมื่นดิจิทัล วอลเล็ต ได้
น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของ ธ.ก.ส.อย่างชัดเจน
ถ้าหากรัฐบาลมั่นใจว่าทำได้ ก็ควรจะรีบถามไปที่กฤษฎีกา เพื่อความชัดเจนโดยเร็ว
แต่ถ้าปล่อยเนิ่นช้า ก็เท่ากับว่า มีเจตนาล่อหลอก ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับประชาชนที่หลงเชื่อเฝ้ารอคอยโครงการหาเสียงที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงตั้งแต่ต้นของพรรคเพื่อไทยนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่
จุดเสียวที่สุด คือ การพยายามจะงัดเซฟ ธ.ก.ส. เพื่อเอาเงิน 1.7 แสนล้านบาท นำมาแจกผ่านโครงการนี้ โดยสุ่มเสี่ยงต่อคุกตะรางนั่นเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี