ผมและเพื่อนสื่ออีกหลายๆ สำนัก ได้รับเชิญ จากมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ(มสส.) เพื่อประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องสงกรานต์ปลอดเหล้า ถนนปลอดภัยในสถานการณ์โควิด-19 ที่ The Hall Bangkok ซ.วิภาวดี 64 เมื่อเร็วๆ นี้ มีประเด็นน่าสนใจ จะมาสรุปให้ท่านผู้อ่านรับรู้กัน
นายอภิวัชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) กล่าวว่า มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ดำเนินโครงการสานพลังสื่อมวลชนไทย ลดปัจจัยเสี่ยงสร้างวิถีสุขภาวะ เพื่อทำงานร่วมกันกับสื่อมวลชนและองค์กรสื่อมวลชนทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุและสื่อออนไลน์อย่างใกล้ชิดเพื่อรณรงค์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะเพื่อขยายผลในวงกว้าง การจัดกิจกรรมประชุม FocusGroup เรื่องสงกรานต์ปลอดเหล้า ถนนปลอดภัยในสถานการณ์โควิด เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดเวทีให้สื่อมวลชนและภาคีสุขภาวะของสสส.ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์และความคิดเห็น พร้อมกับจะได้รับฟังข้อเสนอแนะของสื่อมวลชนเพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนสงกรานต์ปลอดเหล้า ถนนปลอดภัยในสถานการณ์โควิด เพื่อลดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตลงให้ได้มากที่สุด
ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ผู้ที่รวบรวมสถิติตัวเลขข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับอุบัติส่งต่อไปยังฝ่ายรณรงค์ในพื้นที่และขับเคลื่อนนโยบาย ให้ข้อมูลว่าสงกรานต์ในปี 2563 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่มีจำนวนอุบัติเหตุรุนแรง (ต้อง admit) ลดลง 61.2% ที่สำคัญยอดเสียชีวิตลดลงถึง 56.8% เพราะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลได้ออกมาตรการสำคัญหรือการใช้ยาแรง 3 ประการ คือ มีการล็อกดาวน์ (Lock Down) เคอร์ฟิว (Curfew) และห้ามขายเหล้า ในขณะที่สงกรานต์ 2564 ครั้งนี้ แม้ยังมีสถานการณ์โควิด-19 แต่ไม่มียาแรงแบบสงกรานต์ปี 2563 ประกอบกับ คาดว่าปีนี้ผู้คนจะกลับบ้านไปฉลองสงกรานต์หรือพบปะสังสรรค์ในหมู่เครือญาติกันมากขึ้น เนื่องจากหลายคนไม่ได้กลับมานาน ภาครัฐมีการเพิ่มวันหยุดอีก 1 วัน ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ ความเสี่ยงจึงเพิ่มมากขึ้นคือ หนึ่ง ความเสี่ยงช่วงเดินทาง ทั้งเรื่องขับเร็ว ง่วงหลับในโดยเฉพาะเรื่อง “ความเร็ว” สอง ความเสี่ยงช่วงฉลอง คาดว่าจะมีการฉลองและงานรื่นเริงเร็วขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 10-11-12 เมษายน ก่อนสงกรานต์ รวมทั้งไม่ได้มีมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเสี่ยงประการที่สามที่พบทั้งในช่วงเดินทางและช่วงฉลอง คือการขับขี่โดยไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย โดยเฉพาะผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มหลัก (84.3%) ที่เสียชีวิต และพบว่าในกลุ่มนี้3 ใน 4 หรือ 75.6% ไม่สวมหมวกกันน็อก เพราะมีข้อมูลชัดเจนว่ายิ่งดื่มแอลกอฮอล์ยิ่งไม่สวมหมวกกันน็อก
ผู้จัดการศวปถ. กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคนโยบายและหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและหน่วยงานหลัก ทั้งกระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข ต้องวางแผนโดยใช้กลไกในพื้นที่ เช่น ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอและท้องถิ่น ร่วมกับชุมชน-แกนนำอาสาสมัครต่างๆ เข้ามาจัดการความเสี่ยง โดยบูรณาการให้เกิดมาตรการทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ในส่วนมาตรการชุมชนก็ผสมผสานไปกับมาตรการป้องกันโควิด เช่น ด่านชุมชนมีการเข้มงวดผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ทั้งตรวจวัดไข้-การใส่หน้ากากอนามัยควบคู่ไปกับการสวมหมวกกันน็อกด้วย
“บทบาทสื่อมวลชนจึงมีความสำคัญในการช่วยกันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของการบาดเจ็บ และเสียชีวิตมาร่วมรับผิดชอบแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องถนน โครงสร้างทางวิศวกรรมหรือปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุเพราะไม่อย่างนั้นกลายเป็นว่าสังคมจะโทษว่าเป็นปัญหาของคนที่ขับขี่รถที่ไม่ระมัดวัง ประมาท จนทำให้ บาดเจ็บและเสียชีวิต” น.พ.ธนพงศ์กล่าว
ส่วน นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ที่มีบทบาทขับเคลื่อนในพื้นที่ภาคต่างๆ กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาเครือข่ายงดเหล้าโดยการสนับสนุนของ สสส. ได้ผลักดันเรื่องการโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า โดยมี50 ถนนตระกูลข้าวและพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้ากว่า 100 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม สงกรานต์ปีนี้จะมีการหยุดยาวถึง 9 วัน มีสัญญาณเตือนว่าประชาชนจะกลับไปตั้งวงสังสรรค์และดื่มหนักมากขึ้นและหากมีการดื่มแล้วขับจะส่งผลให้ตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มรถจักรยานยนต์
ด้วยเหตุนี้เครือข่ายงดเหล้าจึงส่งสัญญาณไปยังต้นน้ำนั่นคือเครือข่ายชุมชนต่างๆ ที่ทำงานอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ อาทิ สวนสาธารณะ สวนอาหารริมน้ำ สถานที่เล่นน้ำ หาดหรือแก่งต่างๆ เพื่อร่วมกันหามาตรการเชิงรุก ขอความร่วมมือร้านค้าและประชาชนไม่ให้มีการจำหน่ายและนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปดื่มในพื้นที่ มีการนำมิติทางวัฒนธรรมประเพณีวิถีชุมชน อาทิ บุญสรงน้ำพระ การก่อพระเจดีย์ทราย และกิจกรรมการละเล่นในชุมชน มาใช้เพื่อเป็นกุศโลบายสร้างกิจกรรมที่เน้นคุณค่าความหมายมาทดแทนแอลกอฮอล์
ในขณะที่ตัวแทนสื่อมวลชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยในการทำงานร่วมกันและส่วนใหญ่เห็นความสำคัญกับการนำเสนอข่าวในเชิงสืบสวนสอบสวนหากสาเหตุของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุว่าอาจจะมาจากความบกพร่องทางกายภาพของถนนไฟส่องสว่าง โครงสร้างทางวิศวกรรม หรือการเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานต่างๆ ก็ได้ พร้อมกับเสนอให้ผู้ได้รับความสูญเสียรวมตัวกันกับภาคีเครือข่ายต่างๆ เรียกร้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงปัญหาให้มากกว่านี้
ทิ้งท้ายวันนั้นน่าจะเห็นจุดเริ่มต้นว่าต่อไปนี้เราต้องตระหนักว่าการตายของคนไทยทุกชีวิตนั้นเป็นปัญหา มีความหมายและความสำคัญไม่แพ้กัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี