แปลกแต่จริง “ไทยแลนด์โอนลี่” ในวันที่ประเทศโกลาหลกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 นักธุรกิจกำลังจับตาสถานการณ์และนโยบายรัฐบาลหลังการลดทอนศักยภาพเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงได้ในระดับหนึ่ง “รัฐบาลทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” แถลงตั้งเป้าเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนักธุรกิจนักลงทุนต่างชาติที่จะเดินทางมาเจรจาการค้าเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย พลิกฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบให้กลับคืนมาเป็นปกติจนสามารถสร้างให้รัฐมีรายได้ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งวิชั่นรัฐบาลนี้มีการขานรับทั้ง สภาหอการค้าไทย และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มองว่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
กลับมีนักการเมือง “ชังชาติ-สัมภเวสีหนีคุก” ออกมาชักใบให้เรือเสียการทรงตัว เอาเท้าราน้ำ ยังไม่พอ ยังเปิดประเด็นสร้างวาทกรรมการเมืองเพื่อมุ่งหวัง “ขยี้” รัฐบาล เพื่อให้เกิดการต่อต้านและให้ดูเหมือนประเทศไทยไม่มีความสงบทางการเมือง
ไม่น่าลงทุนไม่น่าท่องเที่ยว
เหล่าจระเข้น้อยที่กลายพันธุ์เป็น “วรนุส” ตามดำริความของ “สัมภเวสีหนีคุก-ทักษิณ ชินวัตร”แทนที่จะนำเสนอแนวทางพลิกฟื้นเศรษฐกิจฉุดรั้งประชาชนคนรากหญ้าให้กลับมายืนได้อย่างมั่นคงหรืออย่างน้อยสงบปากสงบคำไม่เห่าหอนสร้างความรำคาญให้คนทำงานได้ใช้สมองขบคิดมาตรการต่างๆเพื่อประชาชน กลับดิ้นรนฟูมฟายเรียกร้องให้รัฐสภาเปิดประชุมพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เพียงแค่นักการเมืองฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ในซีกพรรคร่วมรัฐบาลก็ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตั้งอกตั้งใจอ้างความต้องการของประชาชนอ้างสัญญาประชาคมอย่างไม่กระดากปากแม้แต่น้อย ช่วงชิงฉวยโอกาสสร้างกติกาการเลือกตั้งใหม่ที่คาดว่ากลุ่มตนและพวกพ้องจะได้เปรียบเกิดอาการ “แลนด์สไลด์” จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลแทนรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผุดกลุ่ม “Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่” เน้น 4 ล. “ล้ม โละ เลิก ล้าง” ใน 4 ประเด็นคือ ล้มสว.เดินหน้าสภาเดียวโละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ล้างมรดกรัฐประหาร ในวงเสวนาของ “เหล่าจระเข้น้อย” ที่มีนักการเมืองคนรุ่นใหม่อย่าง “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช”เข้าร่วมด้วยได้บทสรุปว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันลิดรอนสิทธิประชาชนทำเศรษฐกิจประเทศตกต่ำ
ไม่ต่างจากเสียงสัมภเวสีหนีคุกที่หอนอย่างเร่าร้อนผ่านโซเชียลเนตเวิร์กมาจากต่างประเทศ โดยมี “วรนุสผู้ซื่อสัตย์” รองรับแผนอยู่ในประเทศ ซึ่งพยายามนำรัฐธรรมนูญนี้ไปเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ตายแล้ว โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนนั้นรับสิทธิประชาชนและภาวะผู้นำ แต่แท้ที่จริงแล้วรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก่อให้เกิดระบอบการเมืองใหม่ที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” ที่ซื้อผู้แทนราษฎร ที่ “ทักษิณ” เรียกแทนด้วยคำว่า “จระเข้น้อย”มาเข้าฟาร์มเป็นจำนวนมาก เมื่อฟาร์มเกิดปัญหาจระเข้น้อยเหล่านั้นก็กลายพันธุ์ไปเป็น “วรนุส” ในฟาร์มอื่น ทั้งยังมีความคิดเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เสมอ ทั้งยังสามารถจัดงบประมาณไปในพื้นที่ในแนวทางที่ทางกลุ่มต้องการได้ด้วย
“พรรคเพื่อไทย”เชื่อว่าการเลือกตั้งในระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว ทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยในสภา ซึ่งนำเอาบทเรียนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างที่ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่มีจำนวนสส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคอนาคตใหม่(ก้าวไกล)กลับได้รับประโยชน์จากประเด็นนี้อย่างมากมาย พรรคเพื่อไทยจึงคิดถึงการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ เพื่อหวังให้เกิดการแลนด์สไลด์มีจำนวนที่นั่งสส.เกินครึ่งของสภาเมื่อล้มอำนาจสว.ได้โอกาส “นักการเมืองผู้หิวโหย” จัดตั้งรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้สูง โอกาส “วรนุส” กลายพันธุ์เป็นจระเข้น้อยเปลี่ยนฟาร์มก็มีมากขึ้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี