“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา ทำโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ทำโลกทัศน์ ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” เริ่มต้นที่ประเด็นเดิมๆ เก่าๆ ที่ “ผู้บริหารผู้รับผิดชอบ” ไร้สำนึกไม่สำเหนียก ติติงชี้ปัญหาให้เห็นกลับสำรอกสำรากทวงบุญคุณว่า “เลี้ยงไม่เชื่อง”...
nn ปัญหามลพิษที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างที่กล่าวมาแต่ต้น “ไม้หน้าสาม” เคยหยิบยกประเด็นนี้มาตีแผ่ ก็หวังว่าจะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตื่นตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ใช่จ้องแต่ผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จนขาดการเอาใจใส่ยึดมั่นในผลประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศตลอดจนความปลอดภัยต่อสุขภาพและชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทย ที่ผ่านมาพยายามนำเสนอข้อมูลเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นจาก “ข้าราชการบางคน” ผู้มักมากใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางมิชอบแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ประกอบการอย่างไร้ธรรมาภิบาล ดังปรากฏเป็นข่าวเนืองๆ ถึง “การลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม” สร้างความเดือดร้อนให้กับชุมนุม ทำลายระบบนิเวศอย่างกว้างขวาง โดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบยังคงมีวัตรปฏิบัติทำงานแบบ... “เช้าชาม...เย็นชาม” ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเรียกรับผลประโยชน์จนเป็นวัฒนธรรมคุ้นชิน ไม่สอดรับกับสโลแกนของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ที่ระบุว่า “ขับเคลื่อนธุรกิจอุตสาหกรรม ให้ทันสมัย ก้าวไกล ยั่งยืน “กรอ.”เป็นหน่วยงานรัฐที่เก่าแก่ ย่อมต้องมีการบริหารจัดการที่ดี มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ตรวจสอบได้...
nn “ประกอบ วิวิธจินดา” อธิบดีกรมโรงงานฯ เหลือเวลาทำงานอีกไม่ถึง 100 วัน ก็จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 กันยายน 2564 น่าจะยึดถือวรรคทองนี้“นรชาติติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา”สมควรตั้งเป้าจะเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมไปสู่ Green Industrial (GI) ให้มากที่สุด เพื่อการสรรเสริญในอนาคตวันนี้ไปถึงไหนแล้ว??? น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ก็คือ การบริหารจัดการกากขยะอุตสาหกรรมจะเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงของ กรอ. ที่ประกาศจะใช้ IT ติดระบบ GPS ในการขนส่งกาก จะทำให้การหลุดรอดของขยะระหว่างขนส่งแทบจะเป็นศูนย์ได้จริงหรือไม่??? ก็คงต้องติดตามกันอย่างจดจ่อ “ประกอบ วิวิธจินดา” จำบางประโยคสร้างภาพได้ไหมที่ว่า ... โรงงานอุตสาหกรรมสร้างผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมจนถูกมองว่าเป็นจำเลยสังคมมาโดยตลอด การกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมก็ถูกมองว่าหละหลวม “วัวหายล้อมคอก” แม้ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมพยายามควบคุม ออกกฎบังคับโรงงานทั่วประเทศให้บริหารจัดการลดผลกระทบแล้ว แต่ก็ยังไม่พ้นคำกล่าวหา ยังคงมี “โรงงานบางแห่งที่นอกลู่นอกทาง” เอาตามตรง “ไม้หน้าสาม” เชียร์ไอเดียอธิบดีกรอ.ที่จะนำระบบ IT (GPS) มาบริหารจัดการ แต่เบื้องลึกเบื้องหลังความวัวความควายนั้นคงต้องไปกวาดขยะจัดการกับเจ้าหน้าที่ที่เรียกรับผลประโยชน์ หรือค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพติดตั้งระบบคุณธรรมในจิตสำนึกของข้าราชการได้ “วงจรอุบาทว์” เหล่านี้ก็คงจะพินาศสาบสูญ...
nn เมื่อนำข้อมูลมาติติงชี้แนะขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น “วงจรอุบาทว์” ในองค์กรกลับไม่สำเหนียก “ฉบับหน้า”มาว่ากันเรื่อง “สัจจะในหมู่โจร” กับบรรดา “บริษัทห้องแถวไร้คุณภาพ”ที่ยังทำมาหากินกับการลักลอบกากขยะพิษชนิดที่หัวบันไดสำนักงานฯไม่แห้ง ให้ทุกอณูในสังคมไทยได้ใช้ดุลยพินิจแทนผู้มีอำนาจที่รับผิดชอบกันดูบ้างว่าจะทำอย่างไรดี“กากขยะพิษ”นี้จึงจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับหลายชุมชนต่อไป แล้วจะรอดูว่า “ผู้บริหารแบบกบในกะลา”จะบริภาษนสพ.แนวหน้ากับคนใกล้ตัวว่าอย่างไรอีก...
nn อันไหนเป็นเรื่องน่าชื่นชม น่ายินดีเป็นสื่อก็ต้องเผยแพร่ “กรมทางหลวง” ทุ่มงบประมาณ 1,390 ล้านบาท ดำเนินโครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 212 เส้นทางระหว่าง “อำเภอบ้านแพง-อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม” ระยะทาง 30.48 กิโลเมตร ซึ่งการดำเนินการจะแล้วเสร็๋จในปี 2565 เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งและสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางหลวงเพื่อเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทางเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาศักยภาพการแข่งขันด้านการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ...
nn นี่ก็ทิฐิเหลือจะทน “ภูมิปัญญาบรรพบุรุษ”มีไว้ให้สานต่อเพื่ออนาคตลูกหลานกลับไม่มีเยื่อเหลือใย “หมอเณร-ชัยรัตน์ นนทชัย ปราชญ์ชาวบ้านแพทย์ทางเลือกสมุนไพรไทย” มีวิชามีตำราภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทย อยากสร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง แต่ “กรมแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก”ไม่ให้โอกาสไปฟ้องร้องสู้ศึกกันบนศาลปกครอง จนศาลมีคำสั่งให้ “หมอเณร”ชนะศึกแรกให้ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิใน 30 วัน แต่จนแล้วจนรอดถึงวันนี้ “กรมแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก” ก็ยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นคุณต่อแผ่นดินต่อสังคมไทยแม้แต่น้อย ล่าสุด“หมอเณร”ยังไม่หมดความพยายาม ได้นำความรู้ความสามารถที่ศึกษามารักษาผู้ป่วย “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)” โดยให้ทานยา “สมุนไพรสร้างธาตุไฟ” “หมอเณร”บอกว่าสมุนไพรนี้สามารถนำมาใช้รักษาร่วมกับยาปฏิชีวนะแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่ไม่มั่นใจกับ “วัคซีนโควิด-19” กรณีผลข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์ได้ โดยได้นำมาร้องเรียนต่อศาลปกครองสูงสุดอีกครั้งเพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองที่มีออกมาก่อนหน้านี้...
nnท้ายฉบับปรบมือให้กับ “แม่ทัพใหญ่หยวนต้า-บุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้ละมือกำจัดไวรัสร้ายจากสังคมไทยโดยดำเนินการทุ่มเงินกว่า 2.5 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนซิโนฟาร์ม” จำนวน 1,700 โดส จาก “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” มาฉีดให้แก่พนักงานและคนในครอบครัวพนักงานทั้งหมดโดยจะเริ่มต้นฉีดวัคซีนจากกทม.ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียงจนครบ
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี