แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...nn ถือว่า “อ่อนหัด” มากสำหรับการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.ต่างประเทศ....สรุปกันตรงนี้ ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ในวันที่ 15 มิถุนายน ที่กรุงพนมเปญ กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกมาแถลงการณ์ซะสวยหรูว่า “การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน”
...nn แต่เรื่องราวกลับโอละพ่อ พลิกจากหน้ามือเป็นฝ่าเท้า หลังเขมร ออกแถลงการณ์ระบุว่า ที่ประชุม JBC ได้มีการตกลงที่จะมีการพูดคุยกันใน4 วาระการประชุม ได้แก่ 1.ทบทวนและเห็นชอบรายงานการประชุมอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย - กัมพูชา (JTSC) ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ที่จังหวัดเสียมราฐ….2.ทบทวนและหารือเกี่ยวกับการปรับปรุงทีโออาร์ 2546 เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Map) 3.หารือและเห็นชอบให้มีการส่งทีมสำรวจร่วมไปทำการสำรวจและกำหนดเขตแดนในพื้นที่จริงระหว่างตำแหน่งที่แน่นอนของจุดผ่านแดนที่ตกลงกันไว้ และ 4.หารือเกี่ยวกับแนวทางการสำรวจพื้นที่ตอนที่ 6 ซึ่งเคยมีการระบุในการประชุม JBC ครั้งที่ 4 และการประชุม JBC สมัยพิเศษในปี 2552
...nn เขมร ยังเน้นย้ำกับฝ่ายไทยว่านับตั้งแต่นี้ไป พื้นที่พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาทั้ง 4 แห่งดังกล่าว จะไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อหรือเป้าหมายการหารือหรือแก้ปัญหาในกรอบการทำงานของ JBC อีกต่อไป....“รัฐบาลกัมพูชายังคงมีนโยบายที่จะต่อต้านการเกิดสงคราม และมุ่งหวังให้มีความร่วมมือที่ดี มิตรภาพ และสันติภาพตามแนวชายแดนกับไทย โดยอ้างอิงถึงเอกสารทางกฎหมายและข้อตกลงในแผนที่ที่มีการระบุใน MOU 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.122และสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ที่ใช้ในการทำงานเพื่อปักปันเขตแดน” นายฬำ เจีย กล่าว และว่า ทางฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะใช้แผนที่ที่ทางไทยจัดทำขึ้นเพียงฝ่ายเดียวและนำมาใช้ในการอ้างอิง ซึ่งเป็นต้นตอของความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
...nn สรุปสาระสำคัญของแถลงการณ์เขมรก็คือ เขมร “ลักไก่” ว่าไทยยอมรับที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้งๆ ที่ผ่านมา ฝ่ายไทย ยึดแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ใช้อ้างอิงในการกำหนดเขตแดนมาตลอด
...nn ความแตกต่างของแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 กับ 1:200,000 มีการพูดถึงกันเอาไว้อย่างมากมายขึ้นอยู่กับว่า จะหยิบเอามุมไหนขึ้นมาพูด แต่ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ แผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่ไทยใช้อ้างอิง หมายความว่า 1 เซนติเมตร บนแผนที่จะเท่ากับ 50,000 เซนติเมตร หรือ 500 เมตร ในความเป็นจริง การมีมาตราส่วนที่ละเอียดเช่นนี้ทำให้แผนที่แสดงรายละเอียดของภูมิประเทศได้อย่างชัดเจน เห็นถึงเนินเขา ลำธาร แม้กระทั่งเส้นทางเล็กๆ ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเหมาะสำหรับการกำหนดเขตแดนที่ต้องการความแม่นยำสูง
...nn ขณะเดียวกับที่ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่เขมรยึดใช้นั้น หมายความว่า 1 เซนติเมตรบนแผนที่เท่ากับ 200,000 เซนติเมตร หรือ 2 กิโลเมตรในความเป็นจริง ส่งผลให้แผนที่ชุดนี้มีรายละเอียดน้อยกว่าแผนที่ไทยถึง4 เท่า แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางกว่า
...nn สรุปสาระสำคัญกันแบบรวบรัดก็คือ ถ้าไทยดันบ้าจี้ตามเขมรโดยยึดแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เพื่อใช้ในการสำรวจเขตแดน เราเสียเปรียบแน่นอน!!
...nn กลับมาที่ท่าทีของ “บัวแก้ว” กระทรวงการต่างประเทศของไทยหลังปล่อยให้เขมรลักไก่ อ้างผลสรุปของการประชุม JBC ว่าไทยยอมรับแผนที่ 1:200,000 ช่วงดึกๆ ของคืนวันที่15 มิถุนายน “บัวแก้ว” เพิ่งจะตื่น ตาลีตาเหลือก ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของกระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand” โดยโพสต์ข้อความระบุว่า “ตามที่เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้างในขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ ขอชี้แจงและยืนยันว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission : JBC) ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อบ่ายวันนี้ (15 มิถุนายน 2568) มิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ International Court of Justice (ICJ) โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด”
...nn และต่อมา เวลา 22.30 จึงได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า “ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหา เฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุด (พื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) ไปสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีต่างๆ ในการนี้ ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหาดังนี้ 1.การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัว จากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 2.ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ โดยท่าทีของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ได้เน้นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาระหว่างกันแบบทวิภาคี และบทบาทที่สำคัญของ JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย 3.ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย โดยไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย 4.ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่นๆ ในการช่วยแก้ปัญหาด้วย ทั้งนี้ การประชุมไม่ได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ ICJ และมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในประเด็นเทคนิคในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตามแผนแม่บทฯ ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2568”
...nn กระทั่งเช้าวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา “อิ๊งค์” จึงนั่งไม่ติดเรียกประชุมด่วนเพื่อรับมือเขมร !!...nn
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี