แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระ และข้อเท็จจริง...nn “มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ” เป็นส่วนหนึ่งของ “โลกธรรม 8” หรือ “ธรรมะของโลก” ซึ่งวันนี้ “แพทองธาร
ชินวัตร” ลูกสาวของ “ทักษิณ” น่าจะสัมผัส รับรู้รสชาติได้เป็นอย่างดี เพราะจากที่เคยนั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานในการประชุมทุกๆ ครั้ง ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่วานนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล “แพทองธาร” ซึ่งเดินเข้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง แต่ต้องลดสถานะเหลือเพียงรมว.วัฒนธรรม กลายมาเป็นเพียงแค่ผู้เข้าร่วมประชุม ปล่อยให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกฯ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในที่ประชุมแทน

...nn ต่อจากวันนี้เป็นต้นไป 2 พ่อลูกทั้ง “ทักษิณ-แพทองธาร” ไม่มีวันชนะ จะมีก็แต่แพ้กับแพ้เท่านั้น ไอ้คำพูดที่ว่า ขอกลับไทยมาเลี้ยงหลานนั้นมันไม่มีอยู่จริงที่สำคัญคือ การทั้งผลักทั้งดันลูกสาวให้ลงมาเล่นการเมือง ทั้งๆ ที่เธอไม่มีคุณสมบัติอะไรสักอย่าง แม้จะมั่นใจว่า พ่อยังเป็นแบ๊กยืนอยู่ข้างหลัง แต่คนที่ออกมายืนอยู่ข้างหน้า เล่นอยู่บนเวทีโดยมีไฟสปอตไลท์ฉายส่องอยู่ตลอดเวลานั้น มันเข็นยังไงก็เข็นไม่ขึ้น เพราะความสามารถมีจำกัด หรืออาจจะไม่มีเลยก็เป็นได้

...nn สุดท้ายมันจึงพังกันหมด พ่อพัง น้องสาวพัง ลูกพัง!!

...nn และก็ไม่ใช่จะมีแต่วงศ์วานว่านเครือเท่านั้นที่พังเพราะแม้แต่คนใกล้ชิด ตลอดจนบริวารที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก็อาจจะพังด้วย ตัวอย่างเช่น “นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์” อดีตแกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ได้ยื่นหนังสือถึงผบ.ตร. คัดค้านการเลื่อนตำแหน่งของ 2 นายแพทย์ คือ “พล.ต.ท.นพ.โสภณ สิงหจารุ” ผู้ช่วยผบ.ตร. ให้ดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร. และ “พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์” นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ตร. โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากนายตำรวจทั้งสองนายอยู่ระหว่างถูกสอบสวนในคดีสำคัญและมีมติชัดเจนจากแพทยสภาว่ากระทำผิดจริยธรรมทางการแพทย์….ย้อนความทรงจำย้อนเหตุการณ์กันสักนิด เรื่องของเรื่องเกิดจากการส่งตัว “ทักษิณ”ผู้ต้องขังในคดีอาญา มารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ถึง 18 กุมภาพันธ์ 2567 โดยไม่มีการส่งตัวกลับเรือนจำตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งขณะนั้น“พล.ต.ท.นพ.โสภณ” ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ และ “พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์” เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ

...nn ต่อมา เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการแพทยสภามีมติชัดเจนว่าทั้งสองนายแพทย์ตำรวจ กระทำผิดตามข้อ 16 ของข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2565 กรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับอาการของนายทักษิณ ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ของ พล.ต.ท.นพ.โสภณ เป็นเวลา 3 เดือน และของ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งคำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป

...nn นอกจากนี้ ยังมีผู้ร้องเรียนทั้งสองนายไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในข้อหากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บุคคลอื่น และอยู่ระหว่างการสอบ

...nn ดูเหมือนกับจะใหญ่สมชื่อ “อ้วน” แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว จะยิ่งใหญ่หรืออ้วนท้วนสมชื่อจริงๆ หรือไม่นั้นก็ต้องมาคอยดูกันอีกที แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” นอกจากจะมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ยังมีตำแหน่งเป็น “รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี”

...nnก่อนหน้านี้ “ภูมิธรรม” จะขู่หรือจะหยอก ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ทำนองว่า อาจจะมีการโยกย้ายครั้งใหญ่หากทำผลงานไม่เข้าเป้า หรือด้วยเหตุผลประการใดๆก็สุดแล้วแต่เถอะ ถ้าคิดว่ามี “อำนาจ”ก็ทำไป แต่การไปเที่ยวประกาศปาวๆ ว่า “รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี” มีอำนาจเต็ม สามารถยุบสภาได้ หน้าก็เลยแหกยับเป็นริ้วๆ เพราะแม้แต่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล อย่าง “ปกรณ์นิลประพันธ์” เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ยังออกมาอธิบายตามหลักการรัฐธรรมนูญ ยืนยันชัดเจนว่า “รักษาการนายกฯ” ไม่มีอำนาจยุบสภา หรือตั้งรัฐมนตรี เพราะถือเป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีท่านั้น

...nn “ภูมิธรรม”ยอมรับแบบอ้อมๆ แอ้มๆ ว่า เลขาฯกฤษฎีกาให้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำในเรื่องนี้ แต่ก็เป็นความเห็นในเชิงวิชาการ ไม่มีการบันทึกอะไรไว้ในที่ประชุม

...nn “จะใช้อำนาจอะไรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองแต่ละช่วง ในเมื่อยังไม่ถึงสถานการณ์จะไปนั่งคิดทำไม วันนี้ไม่ใช่เวลานั่งคิดว่าเราจะอยู่หรือเราจะไป วันนี้ต้องมานั่งคิดว่าจะทำงานให้เต็มที่ได้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานทั้งหมด ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำให้เกิดความไม่แน่นอน ไปสร้างความไม่มั่นใจอะไรต่างๆ ปัญหาที่ยังไม่เกิดเรายังไม่ควรถาม ควรจะถามในปัญหาที่คิดว่าสำคัญว่าทำต่อไปอย่างไร และยังไม่รู้ว่าเรื่องจะออกบวกหรือลบอย่างไร ไม่ควรมาคิดเรื่องลบอย่างเดียว”...nn

คชสีห์