แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...nn ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เตรียมเดินหน้าสู่กระบวนการต่อไป หากพบพฤติกรรมมีมูล

...nn ทั้งนี้ การแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนในครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 51 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2561 โดยแต่งตั้ง “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข”ประธาน ป.ป.ช. และ “ประภาศ คงเอียด” กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินการไต่สวนอย่างเป็นทางการ

...nn ทั้งนี้ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องจาก “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา พร้อมคณะสมาชิกวุฒิสภาที่ร่วมลงชื่อกล่าวหา ป.ป.ช.จึงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงถอดเทปและแปลเนื้อหาจากคลิปเสียง เพื่อประกอบการพิจารณา และหากผลการไต่สวนพบว่า มีมูลความผิดร้ายแรง จะนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหา และส่งฟ้องต่อศาลฎีกา ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างพิจารณาคู่ขนานว่าจะสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “แพทองธาร” ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

...nn ย้อนกลับไปเมื่อวันที่1 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์รับคำร้องของ สว.ไว้วินิจฉัยกรณี “แพทองธาร ชินวัตร” ต้องพ้นตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ กรณีคลิป “ฮุนเซน” พร้อมมีมติ7 ต่อ 2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

...nn ทั้งนี้ ศาลยังได้สั่งให้ “แพทองธาร”ยื่นคำร้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน

...nn “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกฯ ออกมาให้ข่าวว่า “แพทองธาร” จะขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงออกไปอีก 15 วัน ขณะที่ “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยอมรับว่า หากนายกรัฐมนตรีขอขยายระยะเวลาการชี้แจง ก็สามารถขยายได้ ส่วนจะขอกี่ครั้งหรือระยะเวลาเท่าไหร่นั้น ขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมก่อน แต่อย่างน้อยสามารถขอขยายระยะเวลา 1 ครั้งได้อยู่แล้ว

...nn หากจะจับสังเกตกัน หลังจาก “แพทองธาร” ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็แทบจะไม่ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้เลย แค่ตอบคำถามสั้นๆ ว่า อยู่ในขั้นตอนการเตรียมเอกสาร และก็ปฏิเสธที่จะตอบว่า ได้แต่งตั้งใครเข้ามาเป็นหัวหน้าทีมในการสู้คดีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มีข่าวถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องว่า หัวหน้าทีมสู้คดีอาจจะเป็นคนชื่อ “วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกรัฐมนตรี

...nn “หมอมิ้งค์-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะใช้ “ความจริง”เป็นแนวทางในการสู้คดี โดยจะตอกย้ำให้เห็นว่า “แพทองธาร” มีเจตนาเพื่อจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และ “ฮุนเซน” ได้ใช้ประโยชน์จากวิธีการต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่น เอาคลิปสนทนาส่วนตัวเข้ามาเผยแพร่ หากฟังในเนื้อหา จะเห็นว่าเจตนาทั้งหมด เป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ด้วยวิธีการสื่อสารกับคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล

...nn ขอให้ขีดเส้นคำว่า “สื่อสารกับคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล” เพราะถ้าพิจารณาตามนี้ ทีมต่อสู้ของ“แพทองธาร”กำลังจะงัดประเด็นที่ว่า “ฮุนเซน” ไม่ได้เป็นตัวแทนของรัฐบาลกัมพูชาขึ้นมาต่อสู้ ขณะที่ “นพ.พรหมินทร์” ก็แอ่นอกว่า พร้อมที่จะขึ้นเป็นพยานในคดีนี้ เพราะร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย โดยตอกย้ำด้วยคำพูดที่ว่า

...nn “ข้อเท็จจริงทั้งหมดก็จะเห็นเจตนาว่านายกฯ คำนึงถึงการคุยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม แม้แต่การรับสายส่วนตัว และคุยนอกเวลางาน ซึ่งในการต่อสายครั้งนั้นนายกฯ ไม่ได้รับปากอะไรเลย เพียงแต่บอกว่าจะไปหารือ และจะกลับมาคุยในตอนเช้า แต่ปรากฏว่าเขาเอาคลิปมาเผยแพร่”

...nn ประเทศไทยมีสารพัดโพล เชื่อได้บ้าง เชื่อไม่ได้บ้าง เพราะไม่มีหน่วยงานเป็นกลางมาคอยควบคุมการทำโพล ทำให้ได้เห็นบางสำนักโพล กลายเป็น“โพลรับจ้าง” ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของขั้วอำนาจใดขั้วอำนาจหนึ่ง

...nn แต่ที่ทำเอา “เสือป่าครางฮือ” คือ “นิด้าโพล” ซึ่งสำรวจความนิยมของประชาชนที่มีต่อ “แพทองธาร ชินวัตร” ปรากฏว่า ผลการสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยไม่ต้องการให้ “แพทองธาร”อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป โดยต้องการให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 42.37% และให้ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ 39.92% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่สูงมาก

...nn และที่น่าสนใจก็คือ บุคคลที่ประชาชนพร้อมสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปตามรายชื่อผู้มีสิทธ์ิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเผชิญกับปัญหาทางการเมือง ระบุว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้รับคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 32.82

...nn พิจารณาจากผลโพลนี้ ถ้านั่งตัวตรงๆ ทำใจให้เป็นกลาง ความเห็นส่วนหนึ่งแม้จะไม่ใช่ความเห็นของประชาชนทั้งหมด มันก็สะท้อนออกมา “แพทองธาร” กำลังดันทุรังที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปวันๆ!!...nn

คชสีห์