แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...nnสุดสัปดาห์นี้ “คชสีห์” ขอชวนคุยเรื่องผลการประชุม “คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee หรือ GBC ระหว่าง “ไทย-เขมร” ซึ่งทั้งสองฝ่าย ได้เห็นพ้องตามแนวทางข้อหยุดยิง 13 ข้อ....โดยสาระแนวทางหลักๆ ก็เป็นไปตามที่รับรู้กันคือ ทั้ง 2 ฝ่าย ต้องหยุดยิงด้วยอาวุธทุกชนิด ทั้งการโจมตีบุคคลพลเรือน เป้าหมายทางพลเรือนและเป้าหมายทางทหารของแต่ละฝ่ายในทุกกรณีและทุกพื้นที่ รวมทั้งห้ามเพิ่มและห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการปล่อยตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวอยู่ทันที...แต่ที่น่าสนใจก็คือ การประชุมครั้งนี้ ทาง “เขมร” ยังไม่ได้ตอบรับเรื่องเก็บทุ่นระเบิดกับเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขณะที่ มีข้อตกลงกันว่า การประชุม GBC ครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นอีก 1 เดือนหลังจากนี้
...nn “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม ในฐานะประธานประชุม GBC ฝ่ายไทย ยอมรับว่า การเจรจาในครั้งนี้ ทางเขมรยังไม่ได้ตอบรับอยู่ 2 ข้อคือ 1.ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความตึงเครียด จนนำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน ในเรื่องนี้ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะและพื้นที่อื่นๆ ตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย 2.ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์หรือออนไลน์สแกม ซึ่งส่งผลต่อพี่น้องประชาชนคนไทยและประชาชนในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง...จับยามสามตา “คชสีห์” ยังคาดเดาไม่ถูกว่า หลังจากประชุม GBC ไปแล้ว แนวรบจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? กระสุนจะตกอีกหรือไม่? เพราะเราหาความจริงใจใดๆจากเขมรไม่ได้....ที่ตรงกับใจ “คชสีห์” มากสุดก็คือ “กองบัญชาการกองทัพไทย”ได้ออกมาเรียกร้อง “ฮุน มาเนต หยุดละเลยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” พร้อมกับตั้งคำถามว่า “ชีวิตคน” เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองของตระกูลฮุน? หลังจากที่ “ฮุน มาเนต” ได้ออกมาเรียกร้องให้ไทยปล่อยทหารกัมพูชา 18 นาย พร้อมๆ กับที่ยกย่องชาวเขมรที่รวมตัวแสดงพลัง “รักชาติ” และ “สันติภาพ”
...nn “กองทัพไทย” โต้กลับว่า “ขอเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตควรแสดงท่าทีห่วงใยอย่างจริงใจต่อการสูญเสียทหารที่พลีชีพเพื่อชาติแต่ทุกถ้อยคำที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แถลงนั้น ไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียวถึงทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตในสมรภูมิ ไม่มีแม้คำไว้อาลัย ไม่มีการขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ไม่มีแม้แต่การกล่าวถึงครอบครัวของผู้ตายที่รอเพียงข่าวจากผู้นำของตน
...nn ทั้งหมดนี้คือความรักชาติแบบใด ภายใต้การนิ่งเงียบต่อศพเพื่อนร่วมชาติ หรือนี่คือการเมืองแบบ “สองมาตรฐาน”ที่หยิบยืมชีวิตทหารมาใช้สร้างภาพ หวังคะแนนนิยม แต่กลับ “ละเลยความเป็นคน” ของผู้ตาย...ประเทศไทยไม่ได้เฉลิมฉลองการจับเชลยเราดูแลทหารกัมพูชาทั้ง 18 นายด้วยหลักมนุษยธรรมเพราะทุกชีวิต คือ ชีวิต ไม่ใช่เครื่องมือสร้างภาพในเวทีระหว่างประเทศ
...nn หากรัฐบาลกัมพูชาต้องการ “ยุติสงคราม” จงเริ่มต้นด้วย “ความจริงใจ” ยอมรับความจริง และยึดมั่นตามกติกา เพื่อสันติภาพในภูมิภาคที่กัมพูชาพร่ำบอกต่อสังคมโลกตลอดมา”
...nn ศึกไทย-เขมรนั้น พูดกันตรงๆ จะจบหรือไม่จบมันไม่ได้อยู่ที่ไทย แต่มันอยู่ที่พฤติกรรมของ 2 พ่อลูก “ตระกูลฮุน” เพราะที่ผ่านมา ไทยของเราเป็นฝ่ายที่ถูกรุกรานมาตลอด....เราเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่เขมรมันเดินเกมรุก หาเรื่องก่อกวนตลอด!!...หายหน้าหายตาไปนาน แล้วจู่ๆ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับให้ความเห็นถึงคดีคลิปเสียงของ “อิ๊งค์” กับ ฮุนเซน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่า เชื่อมั่นโดยบริสุทธิ์ใจว่าเจตนา เนื้อหาสาระ และวิธีการ ที่ “แพทองธาร” ใช้หารือทางโทรศัพท์กับ “ฮุนเซน” ในวันนั้น ไม่ได้เป็นเจตนาทำลายประเทศ หรือขายชาติขายแผ่นดิน หรือยกอธิปไตยของแผ่นดินไทยไปให้ใครเขา
...nn“ผมยิ่งเชื่อมั่นมากเข้าไปอีกว่า เจตนาของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะผู้นำทั้งหลาย ไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้น ถ้าเราฟังคำชี้แจงของทั้งกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศต่อคณะทูตนานาชาติ ทั้งวันที่ 1 และ 4 ส.ค.จะชัดเจนว่า คำชี้แจงของไทยเป็นเอกภาพ และส่อแสดงเจตนาของอีกฝ่ายว่า ประสงค์จะให้เกิดความขัดแย้งในแนวชายแดนตั้งแต่ต้นปี ที่มีการจัดมวลชนไปร้องเพลงชาติ สร้างเงื่อนไขต่างๆ รวมทั้งการวางทุ่นระเบิด และฉีกทุกสนธิสัญญา ข้อตกลง เพื่อนำพาสถานการณ์มาถึงจุดนี้ให้ได้”
...nn ถ้า “ณัฐวุฒิ” คิดเห็นเช่นนี้ก็เชิญตามสบาย แต่ “คชสีห์” ว่า จะให้สังคมเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ “แพทองธาร”นั้นเป็นเรื่องยาก!!
...nn ตบท้ายสุดสัปดาห์นี้ ขอปรบมือดังๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จับกุม “นายวิรัติ วัชรสิทธิเมธี” หรือ อดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร อดีตหวานใจของ “สีกากอล์ฟ” คาบ้านพักหลังจากมีพฤติกรรมอมเงินบริจาคของวิทยาลัยสงฆ์ จำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งมีผู้บริจาคผ่านบัญชีของนายวิรัติ สมัยยังเป็นพระ แต่กลับถูกอมเอาไว้
...nn ทั้งนี้นายวิรัติ ถูกแจ้งข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน แล้วเบียดบังทรัพย์เป็นของตนหรือผู้อื่นโดยการทุจริต, ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และปฏิบัติหรือละเว้นโดยทุจริต” ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
...nn วันเดียวกัน ตำรวจยังจับกุมตัว “แก๊งผ้าเหลือง-ก๊วนสีกากอล์ฟ” “อดีตพระมหาทิวากร” เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยการทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ...nn นี่ไง ที่เป็นการพิสูจน์คำพูดว่า เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า ก็เห็นผลทันตาเพราะแม้จะสึกไปแล้วก็ไม่รอด!!
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี