สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำการสรุปจากเวทีเสวนา (ออนไลน์) เรื่อง “ล็อกดาวน์ไม่ล็อกการเรียนรู้” โดยมีตัวอย่างจาก จ.บุรีรัมย์ อาทิ วิเชียร ไชยบัง ครูใหญ่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา กล่าวว่า การเรียนรู้ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ครูกับผู้ปกครองต้องทำงานร่วมกัน โดยครูต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครอง ดึงผู้ปกครองมาร่วมเรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจเป้าหมาย รู้จักลูก (ตามวัย) และรู้วิธีการเรียนรู้ร่วมกับลูก PLC (Professional Learning Community) หรือ ชุมชนการเรียนรู้
ที่ขยายวงจากการทำเฉพาะในกลุ่มครูไปสู่ผู้ปกครองจึงมีความสำคัญมากต่อการกำหนดทิศทางให้การเรียนรู้เดินหน้าต่อได้บนพื้นฐานความเข้าใจร่วมกัน
“ครูและโรงเรียนต้องทำงานต่อไปเพราะเราคงไม่สามารถทำงานสำเร็จได้ในวันเดียว ผู้ปกครองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ในวันเดียว สถานการณ์การเรียนแม้ว่าครูไม่ได้เต็มที่ทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่พวกเราทำอยู่นี้คือหนทางออกในอนาคต เพราะยุคสมัยนี้การผูกขาดยึดโยงการเรียนรู้ไม่ได้อยู่ที่สถาบันการศึกษาแล้ว เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดจากที่เคยคิดจากโรงเรียนเป็นฐานการเรียนรู้มาสู่ผู้เรียนเป็นฐานการเรียนรู้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ อยู่ที่ไหนก็ได้เรียน” ครูใหญ่ รร.ลำปลายมาศพัฒนา กล่าว
ขณะที่ สุกัญญา แสนลาด ครูโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา (ระดับปฐมวัย) กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนของเด็กอนุบาลต้องสอนพ่อแม่ก่อน ครูนัดผู้ปกครองมาประชุมร่วมกัน “ทำอย่างไรจะให้ผู้ปกครองกลับไปสร้างการเรียนรู้ให้ลูกที่บ้านได้” วิธีคิดนี้ทำให้การเรียนการสอนช่วงโควิด-19 ระดับอนุบาลของโรงเรียนลำปลายมาศฯ ไม่เรียนออนไลน์ 100% และครูไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเด็ก แต่มีผู้ปกครองเป็นโค้ชอยู่ที่บ้าน
ทั้งนี้ “การสร้าง Self (ความมั่นใจในตนเอง) ให้ผู้เรียน”เป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งของการจัดการเรียนรู้” พร้อมกับยกตัวอย่าง “ประโยคที่พ่อแม่ยิ่งพูดลูกยิ่งเสีย Self” เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปกครอง เช่น “ทำไมไม่เก่งเหมือนพี่ เหมือนน้องบ้าง, อีกแล้วนะสอนไม่รู้จักจำ,บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำ, ไปไกลๆ เลยนะ พ่อแม่กำลังยุ่งอยู่”เป็นต้น โดยครูจะชี้แนะแนวทางให้ผู้ปกครองวิเคราะห์คำพูดและท่าทีของครูว่า คำพูดไหนควรพูด-ไม่ควรพูด ท่าทีไหนควรทำ-ไม่ควรทำกับลูก เพื่อให้ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดสื่อสารในทางที่ผิด
เช่นเดียวกับ ศิริมา โพธิจักร์ ครูโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา (ระดับประถมศึกษา) กล่าวถึงวิธีการที่นำมาใช้สร้างการเรียนรู้ คือ “ความพยายามเข้าไปแก้ปัญหาให้ลูกศิษย์เป็นรายคน” และไม่ใช้ช่วงเวลาออนไลน์ในการบอกสอน แต่เปลี่ยนมาเป็นการฟังผู้เรียนนำเสนองาน อธิบายปัญหา และให้คำแนะนำจากกิจกรรมที่ผู้เรียนออกไปปฏิบัติ “กระบวนการให้คำแนะนำนักเรียนของโรงเรียนลำปลายมาศฯ ครูจะทำทันที” เช่น เมื่อมีโทรศัพท์หรือไลน์เข้ามาครูจะรีบตอบกลับ เพราะเชื่อว่า ณ ขณะนั้นผู้เรียนกำลังมีความอยากเรียนรู้ ครูจะไม่ทิ้งโอกาสนี้
รวมถึง พรรณี แซ่ซือ ครูโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา (ระดับมัธยมศึกษา) กล่าวว่า ครูต้องปรับวิธีคิดของตนเองให้เข้าใจโครงสร้างการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ ที่เน้นให้โจทย์ยากและซับซ้อนกับนักเรียนแต่ไม่เน้นปริมาณ หลังจากนั้นจึงวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ประเมินศักยภาพของผู้ปกครอง และความพร้อมด้านอุปกรณ์การเรียนรู้ของผู้เรียน “ครูยังต้องทำงานกับผู้ปกครองอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการทำให้ผู้ปกครองเข้าใจลูกที่อยู่ในวัยรุ่น” ครูใช้วิธีการให้พ่อแม่วิเคราะห์งานลูก และให้ลูกวิเคราะห์งานของพ่อแม่ เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน และตารางเวลาเรียนก็ยังเป็นการกำหนดร่วมกันอีกด้วย เช่น มีเรียนตอน 19.00 น. เป็นต้น
“เด็กวัยนี้ใช้เวลาหน้าจอเยอะมาก ครูต้องฉกชิงช่วงเวลาหน้าจอมาเป็นช่วงเวลาการเรียนรู้ให้ได้ ด้วยการให้นักเรียนได้ลงมือทำ สร้างการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด แต่ต้องเป็นการเรียนรู้ที่นักเรียนออกแบบเอง เช่น การให้นักเรียนศึกษาสรรพคุณของสมุนไพรใกล้ตัว และสกัดน้ำมันจากสมุนไพรหรือวัตถุดิบที่สนใจ เพราะเป้าหมายสำหรับนักเรียนมัธยม เราต้องการให้เขากำกับการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ชิ้นงานเป็นแค่ร่องรอยการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน เพื่อให้ครูประเมิน ติดตามผล และเห็นแนวโน้มว่าจะพัฒนาเพิ่มเติมในทิศทางไหน” พรรณี ระบุ
ด้าน จ.ศรีสะเกษ ปัญชลีย์ ฉัตรอริยวิชญ์ครูโรงเรียนบ้านปะทาย เล่าว่า ได้ออกแบบการเรียนการสอนด้วยการเลือกหยิบตัวชี้วัดที่สำคัญของแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ในแต่ละช่วงชั้นมาวางแผนการสอนก่อน และเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน เช่น หน่วยการเรียนรู้จำนวนที่มีค่ามากในวิชาคณิตศาสตร์ ครูตั้งคำถามก่อนวางแผนการสอนว่า ความสำคัญของเรื่องนี้อยู่ตรงไหนเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง จำนวนที่มีค่ามากที่ใกล้ตัวเด็กมากที่สุดเป็นอะไรได้บ้าง นำมาสู่การหยิบยกตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาจัดการเรียนการสอนเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนการประเมินเบื้องต้น ให้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง โดยครูกำหนดระดับให้เช่น เตาะแตะ ใกล้แล้ว ซึ่งในช่วงแรกนักเรียนประถมครูให้การบ้านไปมาก นักเรียนทำไม่ทัน บางครั้งผู้ปกครองทำให้ พอเกิดปัญหาครูก็ต้องมาปรับตารางการเรียนรู้ใหม่ เพื่อลดภาระงานของผู้เรียน ออกแบบวิธีการวัดและการประเมินผลใหม่ และสร้างการเรียนรู้กับผู้ปกครอง
สินีนาฎ ยาหอม ครูโรงเรียนบ้านกระถุน กล่าวว่า แนวคิดการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนมุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม โดยผู้เรียนได้เรียนรู้
จากการลงมือปฏิบัติ ผ่านวิถีชีวิตประจำวัน เช่น งานครัวงานบ้าน และงานสวน แต่ยังคงความท้าทายและความซับซ้อนของโจทย์การเรียนรู้ เช่นเดียวกับรร.ลำปลายมาศฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนต้นแบบ พร้อมกับยกตัวอย่างโจทย์ที่มอบหมายให้นักเรียนระดับประถมลงมือทำงานครัว โดยให้ถ่ายคลิปขณะทำกิจกรรมส่งในกลุ่มไลน์ และให้อธิบายกระบวนการทำงาน
โดยแจกแจงบทบาทให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมด้วย เช่น ถ่ายวีดีโอ ตั้งคำถามกระตุ้นการเรียนรู้กับลูกขณะทำกิจกรรม หลังทำกิจกรรมเสร็จแล้ว สำหรับนักเรียนชั้น ป.1 ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมบอก(อ่านหรือพาเขียน) ใบงานสรุปกิจกรรม ส่วนนักเรียนชั้น ป.2-3 สามารถออกแบบใบงานสรุปเองได้“ความท้าทายของครู อยู่ที่นักเรียนบางคนอาศัยอยู่กับปู่ย่า ตายาย เป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายการเรียนรู้ได้ยาก” เพราะผู้ปกครองไม่สามารถสนับสนุนการเรียนรู้ได้เต็มที่ หรือบางคนไม่สามารถเรียนรู้ร่วมกับเพื่อนได้
แต่ความโชคดีของการเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ทำให้ครูลงพื้นที่ไปหานักเรียนได้เลย แล้วแก้ปัญหาด้วยการนัดสอน และพูดคุยเพิ่มเติม หรือบ้านไหนที่เด็กเรียนรู้ได้ดี ผู้ปกครองพอช่วยได้ ครูจะพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ช่วยตั้งคำถาม หัวใจสำคัญของโรงเรียนบ้านกระถุน คือ ผู้ปกครองกับโรงเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากทำให้การทำงานร่วมกันง่าย โดยเฉพาะในวง PLC ที่คุยกันได้แบบเปิดใจ!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี