วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ประเด็นที่คอการเมืองไทยบางกลุ่มวิตกกังวลคือ เรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ คือบัตรเลือกตั้งสำหรับสส.เขต และแบบบัญชีรายชื่อ ที่เพิ่งผ่านการลงมติเลือกโดยสมาชิกรัฐสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ทว่าเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติเด็ดขาด หากไม่มีการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้
แต่ในข้อเท็จจริงที่เราทุกคนต้องไม่ลืมก็คือ ตั้งแต่ประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมาพรรคการเมืองภายใต้ความเป็นเจ้าของโดย ทักษิณ ชินวัตร ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งเสมอมา ไม่เว้นแม้กระทั่งเมื่อประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ก็ยังคงพบอีกว่าพรรคการเมืองภายใต้อาณัติของทักษิณก็ยังคงชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคที่ได้คะแนนสูงสุดอยู่เช่นเคย ซึ่งนั้นก็หมายความว่าประชาชนจำนวนมากยังคงตั้งใจเลือกพรรคการเมืองของทักษิณ ส่วนมูลเหตุในการตัดสินใจเลือกเป็นเพราะอะไรนั้น ต้องกลับไปพิจารณารายละเอียดกันอีกครั้ง
กลับไปที่ประเด็นบัตรเลือกตั้งสองใบ เรื่องนี้หลายคนวิตกว่าจะทำให้พรรคการเมืองใหญ่โดยเฉพาะเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายอีกครั้ง แล้วเกรงกลัวว่าระบอบทักษิณจะกลับมามีอำนาจเหนือรัฐบาลไทย แต่ขอให้มองเรื่องนี้ด้วยใจเป็นธรรมว่า หากผลการเลือกตั้งได้ออกมาแล้ว โดยไม่มีผู้ใดหรือองค์กรใดสามารถระบุชี้ขาดได้ว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง คนทุกคนก็ต้องยอมรับผลการเลือกตั้งนั้นโดยดุษณีแม้ในใจส่วนลึกจะต่อต้านก็ตาม แต่ก็คงทำได้เพียงต่อต้านภายในใจเท่านั้น เพราะเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเป็นเช่นใด ก็ต้องยอมรับผลนั้น ยกเว้นจะมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง
เมื่อพิจารณาปัญหาของการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 คอการเมืองหลายคนคงจำได้ดีว่ามีความโกลาหลปั่นป่วนมิใช่น้อย โดยเฉพาะประเด็นคะแนนสัดส่วนและคะแนนพึงมีสำหรับการคิดคำนวณสส. ที่แต่ละพรรคได้หลายคนต้องจำได้แม่นยำว่า บางพรรคได้สส. หนึ่งคนโดยนับคะแนนพึงมีจำนวน 7 หมื่นคะแนนแต่สำหรับพรรคเล็กๆ กลับคิดคำนวณคะแนนส่วนนี้เพียง 3-4 หมื่นคะแนน
คำถามคือทำไมคิดคำนวณคะแนนแตกต่างกันได้เช่นนี้ (เรื่องนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่สามารถตอบให้ชัดเจนได้เพราะแม้จะพยายามตอบสักเท่าไรก็ยังถูกตั้งคำถามโดยสาธารณชนว่า ทำไมพรรคบางพรรคคิดคะแนน 7 หมื่น แต่ทำไมบางพรรคคิดคะแนนเพียง 3-4 หมื่นต่อจำนวนสส. หนึ่งคน
เมื่อ กกต. ใช้การคิดคำนวณสุดแสนพิสดารเช่นนั้น ก็จึงทำให้พรรคการเมืองใหญ่หลายพรรคไม่ได้สส. แต่กลับกลายเป็นว่าพรรคการเมืองเล็กๆ กลับได้สส. จึงทำให้มีรัฐบาลผสมชนิดหลายสิบพรรคการเมือง ซึ่งหากจะอ้างหลักคะแนนทุกคะแนนที่ประชาชนเลือกต้องไม่ถูกโยนทิ้งน้ำ ก็พอจะรับฟังได้ แต่ทว่าเมื่อไปเจอการคิดคำนวณคะแนนที่ได้ต่อจำนวนสส. ตามแบบกกต. ก็ทำให้คนที่ตามประเด็นการเมืองมาอย่างใกล้ชิดเป็นเวลานานถึงกับส่ายหัว แล้วบอกตรงกันว่าคิดแบบไหนก็ไม่มีทางคิดได้เหมือน กกต. เพราะการคิดคะแนน 7 หมื่นต่อสส. หนึ่งคนกับคะแนน 3-4 หมื่นต่อสส.หนึ่งคนไม่มีทางเป็นที่ยอมรับได้ ต่อให้กกต.ยืนยันว่าขาวสะอาดสักเพียงใดก็ตาม และมีผู้ถามกกต. ว่าหากคิดว่า 7 หมื่นกับ 3-4 หมื่นไม่ต่างกัน ก็ขอให้กกต. ที่ได้เงินเดือนเดือนละจำนวนมิใช่น้อยใช้หลัก 7 หมื่นบาท เท่ากับ 3-4 หมื่นบาทบ้างก็แล้วกัน
ขอฝากข้อคิดทิ้งท้ายสำหรับวันนี้ว่าหากประชาชนเลือกพรรคใดด้วยความตั้งใจจริงโดยผ่านการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ก็ต้องยอมรับผลการเลือกตั้งนั้น เพราะเสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ ยกเว้นว่าจะจับได้ว่าเสียงสวรรค์เต็มไปด้วยการซื้อสิทธิ์ขายเสียงและเต็มไปด้วยการทุจริต

มท. ย้ายอุตลุต! ล็อตใหญ่ 203นายอำเภอ พรึ่บจัดทัพ ฝ่ายปกครอง รอรับมือ เลือกตั้ง69
แม่ทัพกุ้ง ลงใต้ ส่งกำลังใจให้ชาวหาดใหญ่ เยี่ยมเจ้าหน้าที่จิตอาสา เร่งฟื้นฟูเมือง
เกาหลีนำไปอีกก้าว พัฒนาแอปฯแจ้งเตือนเหยื่อถูกสะกดรอยตาม เช็กพิกัดคนร้ายแบบเรียลไทม์
กกท.ไม่ทนแล้ว จ่อดำเนินคดี ผู้ที่นำข้อมูลเท็จ บิดเบือน ปมดราม่าจัดซีเกมส์ 2025
ดร ธนกฤต ตั้งข้อสงสับพบสารพิษในร่าง ณัฐวุฒิ ปงลังกา ผู้สื่อข่าวช่องดัง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี