เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มคนที่เป็นอดีตข้าราชการ ซึ่งเป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ รวมถึงเงินบำเหน็จ หลังเกษียณอายุราชการแล้ว โดยเสียงวิจารณ์ออกมาในทำนองเดียวกันคือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายในสภาเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความเข้าใจว่าพิธาเสนอให้ตัดลดเงินบำเหน็จ บำนาญ แล้วมองว่าเงินบำเหน็จ บำนาญ เป็นสิ่งที่ทำให้สังคมไทยตกอยู่ในสภาพช้างป่วย เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักเข้า จนสุดท้ายพรรคก้าวไกลต้องหาทางลดกระแสต่อต้าน จึงต้องรีบออกมาชี้แจง (แต่บางคนบอกว่าแก้ตัว) โดยอ้างว่าไม่ได้หมายความว่าให้ตัดลดเงินบำเหน็จ บำนาญ แต่ให้ลดขนาดของรัฐราชการลง เพื่อให้ทุกอย่างคล่องตัวมากขึ้น
เมื่อพิธาพูดเปรียบเทียบถึงเรื่องช้างป่วย โดยอ้างว่าเงินงบประมาณแผ่นดินส่วนใหญ่ถูกใช้ไปเป็นงบประจำของข้าราชการ แต่สุดท้ายพรรคก้าวไกลก็ออกมาอ้าง (แก้ตัว) ว่า ไม่เคยมีแนวคิดลดเงินเดือนข้าราชการ และลดบำเหน็จ บำนาญของข้าราชการ แต่เพียงต้องการชี้ให้เห็นว่างบประมาณส่วนใหญ่ของประเทศถูกใช้ไปในด้านไหนมากที่สุด ซึ่งคำแก้ตัวของพรรคก้าวไกล ก็ไม่สามารถหักล้างสิ่งที่พิธาได้อภิปรายในสภาได้ เพราะมันไปจบที่งบประมาณส่วนใหญ่ถูกใช้ไปเพื่อเป็นงบประจำของข้าราชการ แม้ในบางช่วงบางตอนพิธาจะพยายามเน้นให้เห็นว่างบประมาณบางส่วนถูกดึงไปไว้ในงบกลาง ซึ่งเป็นงบฯที่รัฐบาลสามารถฉ้อฉลได้มากที่สุด
ข้าราชการจำนวนมาก รวมถึงอดีตข้าราชการจำนวนมิใช่น้อย ฝากถามพิธาว่าเวลาอภิปรายในสภานั้น เคยทำการบ้านหรือหาข้อมูลให้ดีก่อนหรือไม่ หรือแค่เพียงมีปากก็พูดไปเรื่อยๆ เพราะการพูดในสภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง จึงพูดไปโดยไม่ดูข้อเท็จจริงใดๆ ข้าราชการจำนวนมากฝากบอกว่าการที่ข้าราชการซึ่งเกษียณราชการแล้วได้รับบำเหน็จหรือบำนาญนั้น เป็นการได้รับสวัสดิการตอบแทนจากการทำงานให้กับภาคราชการเมื่อทำงานมาจนอายุครบวัยเกษียณ และมีคำถามว่าหากจะไม่ให้เงินบำเหน็จบำนาญกับข้าราชการที่เกษียณ รัฐบาลมีปัญญาจ้างข้าราชการด้วยเงินเดือนระดับเดียวกับเอกชนหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการฝากบอกอีกว่า อันที่จริงข้าราชการทำงานให้กับรัฐบาล และประเทศชาติมายาวนานมากกว่าจะได้รับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการจำนวนไม่น้อยทำงานตั้งแต่อายุ 20 ปีต้นๆ จนถึง 60 ปี ทำงานให้หน่วยราชการมายาวนานถึง 40 ปี จึงจะได้รับบำเหน็จหรือบำนาญ แล้วแต่จะตัดสินใจเลือก พร้อมกันนี้ก็ยังตั้งคำถามไปถึงพิธาว่า พิธาเป็นสส. พิธารู้ใช่ไหมว่าสส. ได้รับเงินเดือนเดือนละเท่าไร ได้รับเงินอื่นๆ และยังได้รับสวัสดิการอื่นๆ จากภาครัฐไปอีกมากมายมหาศาล
หลายคนจำได้ดีว่าในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตรยุคแรกนั้น ได้มีการอนุมัติให้ขึ้นค่าตอบแทนให้ข้าราชการการเมือง และสส. กับสว. โดยเฉพาะ สส. กับสว. ได้ปรับเงินเดือนขึ้นจาก 77,000 บาท เป็น 104,330 บาท แล้วยังอนุมัติให้ข้าราชการการเมืองได้รับเงินบำเหน็จบำนาญอีกด้วย
แต่ นอกจากนี้ยังเป็นที่รับรู้และจดจำได้ดีด้วยว่า สส. และสว. ยังต้องการสิทธิพิเศษด้วยการเลื่อนที่นั่งบนเครื่องบินจากชั้นประหยัดไปเป็นชั้นธุรกิจ ทั้งๆ ที่สส. และสว. เดินทางด้วยเครื่องบินฟรี เพราะสภาเป็นผู้ออกค่าเดินทางให้ โดยในยุคหนึ่งมีสว. (พนัส ทัศนียานนท์) อ้างว่า สส. และสว.ต้องนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ เพราะข้าราชการซี 9-10 ขึ้นไปได้นั่งชั้นธุรกิจ แต่คำถามที่ตามมาคือสส. และสว. นั่งเครื่องบินด้วยภารกิจของงานหรือนั่งเพราะเรื่องส่วนตัว ซึ่งเรื่องเหล่านี้สส. และสว. ต้องสำเหนียกไว้ให้จงหนัก
อันที่จริงหากเราจะพูดถึงความสำคัญและคุณค่าของสส. สว. กับข้าราชการแล้ว ก็คงต้องพิจารณารายละเอียดให้ลึกซึ้ง เพราะแต่ละฝ่ายมีทั้งส่วนดีและเสียทั้งสิ้น แต่หากสส. จะอ้างว่าต้องลดขนาดความเป็นรัฐราชการลง ก็ต้องปรับลดจำนวนสส. และสว. ลงเช่นกัน เพราะทุกวันนี้สส. ก็มีจำนวนเฟ้อไม่น้อยไปกว่าข้าราชการแล้วถ้าหากจะลดงบฯ ประจำของข้าราชการก็ต้องลดงบฯ ประจำของสส. และสว. ด้วยเช่นกันดังนั้นก่อนที่สส. จะเรียกร้องให้ลดงบประมาณใดๆ ลงก็ต้องส่องกระจกแล้วมองพฤติกรรมของสส. ด้วยอย่าดีแต่พูดพล่ามไปเรื่อย โดยไม่ดูพฤติกรรมของตนเอง อย่าคิดว่าสส. มีความสำคัญ และวิเศษมากกว่าข้าราชการ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี