แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าความประสงค์ของข้าพเจ้าที่จะให้ราษฎรมีสิทธิออกเสียงในนโยบายของประเทศโดยแท้จริงไม่เป็นผลสำเร็จ และเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าบัดนี้เป็นอันหมดหนทางที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือหรือให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนได้ต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอสละราชสมบัติออกจากตำแหน่งพระมหากษัตริย์ แต่บัดนี้เป็นต้นไป (ความตอนหนึ่งจากพระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศสละราชสมบัติวันที่ 2 มีนาคม 2477)...
nn เมื่อชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯประกาศว่าจะให้สาธารณชนชาวกรุงเทพฯเข้าไปมีส่วนร่วมตัดสินใจการใช้เงินงบประมาณของกรุงเทพฯ ก็ทำให้เกิดกระแสแตกตื่นในหมู่คนที่ติดตามข่าวนี้โดยพลัน บางฝ่ายเชื่อว่าชัชชาติจะทำได้จริงตามคำกล่าวอ้าง แต่
บางฝ่ายก็บอกว่านี่เป็นแค่เพียงการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น สำหรับคนที่เชื่อและศรัทธาในตัวชัชชาติก็บอกว่า นี่เพิ่งแค่เริ่มทำงานได้ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น ชัชชาติได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับกรุงเทพฯอย่างมากมาย ส่วนคนที่เห็นต่างจากคนกลุ่มแรกก็บอกว่า เท่าที่ติดตามดูนั้น ก็พบแค่เพียงว่าชัชชาติโหมโฆษณาตัวเองโดยผ่านสื่อฯ สารพัดชนิด แต่ยังไม่มีผลงานใดๆ บังเกิดเป็นรูปธรรม แต่ก็ไม่อยากจะตำหนิมากนัก เพราะเพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งเดือน แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ชัชชาติเน้นการทำงานให้จริงจังมากกว่าเน้นเพียงการสร้างภาพผ่านสื่อฯ...
nn เมื่อพิจารณาตัวเลขงบฯ กรุงเทพฯปี 2566 แล้วจะพบว่าประมาณ 27 เปอร์เซ็นต์ของงบฯ หรือประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท คืองบฯ บุคลากร ส่วนงบฯ กลาง ประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนงบฯ โครงการผูกพัน และงบฯ ดำเนินงาน มีเท่าๆ กันคือประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทต่องบฯ ส่วนงบฯ ลงทุนใหม่มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรือประมาณ 1.6 พันล้านบาท เมื่อดูการแบ่งกระจายงบฯ กรุงเทพฯแล้ว ก็บอกได้คำเดียวว่าไม่ต่างไปจากงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน เพราะงบฯ ที่มากที่สุดก็ยังตกไปอยู่ในส่วนของงบฯ ประจำสำหรับบุคลากร ก็จะรอดูว่าชัชชาติจะมีปัญญาจัดการงบฯ กรุงเทพฯให้ดีไปกว่าเดิมได้หรือไม่...
nn หลายคนจับตาเฝ้าสังเกตแล้วพบว่าทุกๆ ครั้งที่กลุ่มไม่เอาเจ้า (มีสารพัดกลุ่ม) ไม่เอามาตรา 112จัดงานหรือกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ชัชชาติมักจะไปร่วมงานด้วยเป็นประจำ แต่ไม่เคยปรากฏว่าชัชชาติไปร่วมงานกลุ่มสนับสนุนเจ้า เช่น กลุ่มของหมอวรงค์เดชกิจวิกรม นี่เป็นข้อสังเกตที่สาธารณชนเฝ้าสังเกตและพบเจอเสมอๆ ส่วนลึกๆ ชัชชาติจะเอาเจ้าหรือไม่เอาเจ้านั้น หลายคนมีคำตอบในใจแล้ว...
nn เรื่องชุดลูกเสือ ชุดเนตรนารี มีราคาแพงจนทำให้ผู้ปกครองนักเรียนบ่นกันระงม พร้อมกับถามว่าจำเป็นต้องแต่งชุดลูกเสือและเนตรนารีในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีหรือไม่ เพราะลำพังแค่ค่าชุดนักเรียนก็ต้องจ่ายเงินซื้อมากโขอยู่แล้ว เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสังคมขึ้นมา ก็มีปฏิกิริยาจากปลัดเก่ง-สุทธิพงษ์ จุลเจริญ แห่งกระทรวงมหาดไทย ออกหนังสือจากกระทรวงฯ สั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดจัดเตรียมชุดลูกเสือและเนตรนารีให้กับนักเรียนที่มาจากครอบครัวยากจนขัดสน คำสั่งที่ออกโดยปลัดเก่งน่าสนใจมาก แต่ประเด็นคือแล้วจะไม่เกิดคำถามจากผู้ปกครองนักเรียนตามมาหรือว่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครรวยใครจนจริง เพราะยุคนี้ผู้ปกครองทุกรายต่างก็ประสบปัญหาการเงินด้วยกันทุกคน หากจะแจกชุดลูกเสือ ชุดเนตรนารีแล้ว ก็น่าจะแจกให้นักเรียนทุกคน แต่คำถามตามมาคือมหาดไทยมีงบฯ เพียงพอสำหรับการนี้หรือ?...
nn ไปดูเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลกันบ้าง จะพบว่าสส.พรรคฝ่ายค้านยืนยันว่าญัตติที่ยื่นขออภิปรายไม่ใช่ญัตติเถื่อน เพราะมีฉบับเดียว และเป็นฉบับที่พรรคร่วมฝ่ายค้านลงชื่อร่วมกันทุกพรรคแล้ว ประธานสภา ชวน หลีกภัย บรรจุเป็นวาระเร่งด่วนเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ฝ่ายค้านบอกว่าต้องการวันอภิปราย 5 วัน คือ 18-22 กรกฎาคมนี้ แล้วลงมติวันที่ 23 กรกฎาคม ฝ่ายค้านคุยเหมือนทุกครั้งว่า การอภิปรายจะเน้นแต่เนื้อๆ ไม่มีน้ำท่วมทุ่ง แล้วก็อ้างด้วยว่ารัฐบาลมีหนาวแน่นอนกับผลการอภิปรายในครั้งนี้ โดยจะพุ่งเป้าไปที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหลัก และคุยด้วยว่าหลังการอภิปรายจบจะมีการยื่นเรื่องให้ป.ป.ช. นำไปพิจารณาเอาผิดต่อไป...
nn เมื่อสาธารณชนกลุ่มที่ไม่เชื่อลมปากของฝ่ายค้านได้ยินคำคุยเขื่องของฝ่ายค้านแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม บางคนวิพากษ์ว่าจะเชื่อได้อย่างไรว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่มีแต่น้ำเพราะที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีเนื้อมีหนังเป็นชิ้นเป็นอันใดๆ เลย ฝ่ายค้านหลายรายที่ลุกขึ้นอภิปรายไม่ได้เน้นสาระ แต่เน้นการตีฝีปาก เล่นโวหารที่หาประโยชน์มิได้ แต่ก็มีผู้วิพากษ์ต่อไปว่า ก็พอๆ กันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลนั่นแหละ เพราะเมื่อเจอคำตอบของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะจากบิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ทำให้สาธารณชนได้คำตอบตรงกันว่า ไร้สาระพอๆ กันทั้งคู่...
nn เรื่องการควบรวมกิจการระหว่างทรูกับดีแทคเป็นเรื่องที่ดูเสมือนว่ามีแต่ความลึกลับซับซ้อนและซ่อนเงื่อน เพราะฝ่ายเอกชนที่ต้องการให้ควบรวมกิจการก็ตั้งหน้าตั้งตาให้ตนเองประสบความสำเร็จโดยเร็ว ราวกับว่ากลัวเสียฤกษ์เสียยามที่ได้ว่าจ้างหมอดูให้กำหนดวันเวลาควบรวมกิจการไว้แล้ว ส่วนฝ่ายกสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) บางรายก็ทำเสมือนไม่พยายามปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ บางรายทำเสมือนยินดียกผลประโยชน์สาธารณะให้กับนายทุนโดยไม่นำพากับผลประโยชน์ของสาธารณชน อันที่จริงยังมีเรื่องที่ต้องค้นหาอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องการควบรวมกิจการครั้งนี้ แต่ขอสารภาพตรงๆ ว่าหาข้อมูลลึกๆ ได้ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ...
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องน่าขำของคนที่พล่ามเพ้อเรื่องความเท่าเทียมราวกับคนเสียสติ ในเมื่อคนเกิดมามีความต่างกันสารพัดเรื่อง แล้วทำไมจะเท่าเทียมกันได้ทุกเรื่อง ผู้ชายไม่มีมดลูก เพราะฉะนั้นไม่ต้องทุรนทุรายอยากต้ั้งท้อง ผู้หญิงไม่มีองคชาต เพราะฉะนั้นไม่ต้องทุรนทุรายอยากมีอสุจิเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ ส่วนสส. ที่พล่ามเรื่องความเท่าเทียมก็ไม่เคยยอมรับความเท่าเทียมจริงๆ ถ้ายอมรับจริงๆ ก็ไม่ต้องมีเอกสิทธิ์ หรืออภิสิทธิ์สำหรับสส. สิคุณ ถามจริงๆ สส. พรรคไหนก็ตามที่พล่ามเรื่องความเท่าเทียม ในชีวิตจริงของพวกคุณ คุณเท่าเทียมกับประชาชนตรงไหนมิทราบ...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี