วันอังคาร ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / นายซื่อตรงรักเมืองไทย
นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย
วันพฤหัสบดี ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
อนาคต 3 ป. ?

ดูทั้งหมด

  •  

หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้จะบอกว่ารัฐบาลรอดทั้งคณะ แต่ก็ได้สร้างรอยร้าวภายในรัฐบาลอย่างมากทั้งระหว่างพรรคร่วมและภายในพรรคการเมืองบางพรรคอย่างน้อยสองพรรค ซึ่งอาจส่งผลให้พรรคการเมืองบางพรรคที่ในตอนแรกอาจถูกวางตัวให้เป็นพรรคสำรองนั้น ถูกผลักดันให้กลายมาเป็นพรรคหลักแทนหรือไม่ ที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ก็ได้มีการแถลงการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองใหม่ที่มีโครงสร้างที่ชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ก็คงต้องกัดฟันจับมือกันเดินต่อไปก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้วาระหลักคือการกำหนดกติกาเลือกตั้ง ที่รอบนี้ไม่ได้ขึ้นกับความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน หากแต่ขึ้นกับเป้าหมายคะแนนของแต่ละพรรคที่มีทิศทางต่างกันหรือเหมือนกันในบางคู่ จึงจะได้เห็นอะไรแปลกๆ ในการโหวตกฎหมายลูกหลังจากนี้อย่างแน่นอน แต่ก่อนจะถึงวันนั้น อาจจะมีอะไรมาสะดุดนายกรัฐมนตรีก่อนหรือไม่?


สิงหาคมนี้ อาจมีอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่อาจทำให้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ต้องสะดุดอย่างไม่คาดคิด เพราะในตอนนี้เรี่องนายกฯ 8 ปี ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการและนักกฎหมาย ที่มีข้อเสนอและมุมมองแตกต่างกันอย่างมาก และแม้เหมือนจะมีทางออก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกระแสข่าวออกมาอย่างหนาหูว่าจะมีการใช้ประเด็นนี้ จังหวะนี้ในการเตรียมกดดันเพื่อให้พลเอกประยุทธ์ก้าวลงจากตำแหน่งด้วยการเคลื่อนไหวภายนอกสภาฯและการเคลื่อนไหวอีกบางอย่าง

จากการที่ คณะหลอมรวมประชาชน ซึ่งนำโดยนายจตุพรและนายนิติธร ได้จัดเวทีเสวนาขึ้นจนถูกเชื่อมโยงว่าเป็นการกดดันพลเอกประยุทธ์ ให้ก้าวออกจากตำแหน่งด้วยเรื่องของนายกฯ 8 ปีหรือไม่? พร้อมกันนี้ยังมีแนวโน้มว่าในช่วงเดือนสิงหาคมนี้จะมีการจัดงานปราศรัยขึ้น อาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างต่ำแต่อย่างไรก็ตามการเตรียมการชุมนุมเพื่อกดดันพลเอกประยุทธ์ดังกล่าว ก็น่าจะมีแววต้องพับโปรเจกท์ไปเสียก่อน

จากการที่ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศ ห้ามชุมนุมมั่วสุม หรือจัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป ก็ไม่แน่ว่าหากไม่มีประกาศดังกล่าวแล้ววันที่ 23 สิงหาคม พลเอกประยุทธ์ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ การชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองธรรมดาๆ ก็อาจยกระดับจากการจัดปราศรัยธรรมดา เป็นการลงถนนหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม หากพลเอกประยุทธ์สามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเรื่องนายกฯ 8 ปี ไปได้ ก็แทบจะการันตีแล้วว่า รัฐบาลของ ฝพลเอกประยุทธ์จะอยู่ครบเทอมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังการการันตีโอกาสในการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ด้วยหรือไม่? แต่ถึงแม้จะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้และการันตีการอยู่ครบเทอม แต่ก็ใช่ว่าระยะทางหลังจากนี้จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป โดยเฉพาะในชั่วโมงนี้ที่ไม่มีอะไรแน่นอน แม้กระทั่งเรื่องภายในมุ้ง ตลอดจนการครบรอบ 8 ปีของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ก็จะทำให้พลเอกประยุทธ์อยู่ได้อีกเพียงครึ่งวาระ หากได้ดำรงตำแหน่งสมัยหน้า

เป็นที่เข้าใจกันว่าในระยะเวลาตลอดช่วงสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ผ่านมา ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่ม 3 ป. เป็นหลัก และแม้พอเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ต้องทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังคงต้องพึ่งอำนาจ 3 ป. ในการบริหารจัดการ โดยมีพี่ใหญ่อย่างพลเอกประวิตร คุมพรรคพลังประชารัฐ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวแทนระหว่างกลุ่ม 3 ป. กับบรรดานักการเมืองในสังกัดพรรคต่างๆ ทั้งพรรคร่วม พรรคเล็ก และแม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้านในบางสถานการณ์ด้วยซ้ำ ส่วนด้านพี่รองอย่างพลเอกอนุพงษ์ ก็ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการประสานงานราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นทั้งหมดที่นับได้ว่าคุมข้าราชการส่วนภูมิภาคจนอยู่หมัดนิ่งสนิทให้พลเอกประยุทธ์ได้บริหารงานสบายๆ มา 8 ปีเต็ม ขณะที่พลเอกประยุทธ์ซึ่งรับบทเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เปรียบเสมือนนักแสดงที่อยู่บทเวทีท่ามกลางแสง สี เสียง ที่ต้องยอมรับแรงปะทะจากทั้งในและต่างประเทศจนหล่อหลอมให้วันนี้พลเอกประยุทธ์แปลงร่างจากทหารมาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว

ที่ผ่านมา ทั้ง 3 ป. ก็ได้ทำหน้าที่และความรับผิดชอบงานของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งจากการควบคุมกิจการภายในและการเมืองระหว่างประเทศอีกทั้งยังสามารถพยุงให้ประเทศไทยสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงภัยสงครามได้อย่างไร้ที่ติ รวมถึงการรอดพ้นจากการต่อต้านหรือม๊อบต่างๆ ที่หลายคนคาดว่าทหารน่าจะสู้มืออาชีพทางการเมืองไม่ได้และน่าจะจบเกมตั้งแต่ปีแรกแต่สุดท้ายก็สามารถเอากลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ได้จนมาถึงปีสุดท้าย แต่ภายใต้ภาพลักษณ์การบริหารงานที่กลมเกลียวใครเล่าจะรู้ว่าลึกๆ แล้วความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่ พี่รอง รวมถึงน้องเล็ก ในตอนนี้ยังรักและกลมเกลียวเปรียบเสมือนพี่น้องท้องเดียวกันอยู่หรือไม่?

หลังจากที่การศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้จบลง พร้อมกับบทสรุปที่ว่า พลเอกประยุทธ์พร้อมคณะได้รับคะแนนเสียงที่มากพอและมีโอกาสที่จะก้าวต่อไปบนเส้นทางนี้ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกหลายเรื่องราวภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังรอคิดบัญชีกันต่อ แต่ที่หนักกว่าคือภายในพรรคพลังประชารัฐเองที่แม้คะแนนจะรอดหมดทุกคน แต่คะแนนที่ต่างกันมากโดยเฉพาะคะแนนที่น้อยที่สุดคือ 1 ใน 3 ป. ด้วยแล้วยิ่งต้องจับตามอง จนไม่อาจละสายตาได้

ในตอนนี้นักวิชาการและนักวิจารณ์เริ่มตั้งข้อสงสัยถึงความกลมเกลียวของ 3 ป. เพราะทันทีที่ผลคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจออกมา ในรูปแบบที่หนึ่งในพี่น้อง 3 ป. อย่างพลเอกอนุพงษ์ ได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจสูงที่สุดในบรรดารัฐมนตรี 11 ท่าน ทั้งที่พลเอกอนุพงษ์ ก็ได้นั่งในเก้าอี้กระทรวงที่สำคัญอย่างมหาดไทยที่ดูแล้วน่าจะต้องมีความใกล้ชิดกับผู้แทนและภาคการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งก็น่าจะมาผลสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาสส.ในพรรคและในพรรคร่วมฯ แต่ผลคะแนนกลับไม่ได้สอดคล้องกับตำแหน่งและเก้าอี้กระทรวงที่ตนเองรับผิดชอบ ซ้ำร้าย เมื่อมองไปที่ผลคะแนนของพี่ใหญ่อย่างพลเอกประวิตร กลับมีผลออกมาที่แตกต่างกัน เพราะพี่ใหญ่อย่างพลเอกประวิตรกลับได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจต่ำที่สุด

เกิดอะไรขึ้น ! และของจริงลึกๆ คืออะไรกันแน่

และว่ากันตามตรง บรรดา สส. ก็น่าจะรู้กันดีว่าการกระตุกคะแนนโหวตพลเอกอนุพงษ์ ก็ไม่ต่างกับการลูบคม 3 ป. แต่ก็น่าแปลกที่ตั้งแต่จบศึกอภิปรายไปจนถึงตอนนี้ แม้จะมีกระแสข่าวว่าพลเอกอนุพงษ์ ได้เคลียร์ใจกับ สส. ภายในพรรคพลังประชารัฐแล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีกระแสข่าวออกมาถึงการลงดาบผู้แทนฯที่โหวตคว่ำพลเอกอนุพงษ์แต่อย่างใด? ก็คงต้องตามดูต่อไปในอนาคตว่า พลเอกประวิตรทั้งในฐานะหัวหน้าพรรคและในฐานะพี่ใหญ่ของ 3 ป. จะมีการจัดการใดๆ ในพรรคเพื่อเรียกศักดิ์ศรีพลเอกอนุพงษ์คืนมาหรือไม่? แต่เรื่องราวก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยให้เห็นที่มาของปัญหาที่อาจจะทำให้อะไร อะไรดูยากขึ้นไปอีก

สัปดาห์ที่ผ่านมา การกราบสะเทือนแผ่นดินของหนึ่งใน สส. จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ท่านหนึ่งที่โหวตล้มพลเอกอนุพงษ์ มีการถูกตั้งคำถามว่าการขอขมาดังกล่าวไม่ได้มีการส่งสัญญาณในการกล่าวขอโทษขอโพยพลเอกอนุพงษ์แต่อย่างใดแต่กลับเป็นการกราบขออภัยพลเอกประวิตรพร้อมกับข้อเรียกร้องบางอย่างที่ดูจะเพิ่มรอยร้าวขึ้นมาอีกแทน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นไปเพื่อหาทางลงของปัญหาในพรรคหรือหวังผลแห่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจริงๆ กันแน่? แต่ที่หลายคนอยากรู้มากกว่าคือพลเอกประวิตรรู้แต่ต้นถึงการเตรียมโหวตแบบนี้หรือไม่?

อย่างไรก็ตาม การกราบสะเทือนวงการที่ได้เกิดขึ้นนั้น เป็นการตอกย้ำถึงบารมีพลเอกประวิตรที่มากล้น และเป็นที่เคารพยิ่งของบรรดา สส. ไม่ว่าจะพรรคใด ฝ่ายใดก็ตาม จนมีกระแสข่าวหนาหูว่า ไม่ใช่เพียงแค่ สส. สมุทรปราการเพียงเท่านั้น แต่มีผู้แทนสังกัดพรรคพลังประชารัฐจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการให้พลเอกประวิตรย้ายเปลี่ยนเก้าอี้ มานั่งที่กระทรวงมหาดไทยแทน

อาจเพราะความใกล้ชิดระหว่างพลเอกประวิตรกับบรรดา สส. ภายในพรรคที่มีมากกว่า พลเอกอนุพงษ์ บรรดา สส. จึงอาจเล็งเห็นว่า หากมีการโยกย้ายพลเอกประวิตรไปนั่งยังกระทรวงมหาดไทย เกิดขึ้นจริง ก็น่าจะเป็นผลดีกับพรรคพลังประชารัฐมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่การเลือกตั้งใหญ่นั้น ได้ย่างกลายเข้ามาในทุกขณะ และปีนี้จะมีการเลื่อนขั้นโยกย้ายผู้ว่าราชการอีกหลายสิบตำแหน่งทดแทนผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องเกษียณอายุในตุลาคมนี้

ด้วยบุคลิกของพลเอกประวิตร ที่มีความใจถึง เป็นพี่ใหญ่ที่คอยรับฟังสส. อย่างใกล้ชิด และเข้าถึงง่าย ผิดกับพลเอกอนุพงษ์ที่ดูแล้วมีบุคลิกนิ่งเงียบ พูดน้อย และขึ้นชื่อว่าเข้าถึงยาก การประสานงานกับบรรดาผู้แทน และตัวแทนจากท้องถิ่นต่างๆ จึงอาจไม่ลื่นไหล ไม่สะดวกมากนัก และนี่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่มีการถกเถียงกันในเรื่องของเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย

หากยังจำกันได้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในช่วงหลังจากที่เกิดความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ จนเป็นเหตุให้ ร้อยเอกธรรมนัส ต้องถูกระเห็จออกจากพรรคพลังประชารัฐไป ก็มีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของร้อยเอกธรรมนัสพร้อมพรรคพวกที่ถูกขับออก ที่มีการเรียกร้องให้พลเอกประวิตรย้ายสังกัดไปนั่งกระทรวงมหาดไทยแทน เพื่อแลกกับการที่ตนเองและพวกพ้องจะยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่

จึงไม่แปลกที่รอบนี้พรรคเศรษฐกิจไทย จะไม่โหวตไว้วางใจพี่รองอย่างพลเอกอนุพงษ์ รวมถึงน้องเล็กอย่างพลเอกประยุทธ์ ผิดกับพลเอกประวิตร ที่ซุ้มพรรคเศรษฐกิจไทยต่างพร้อมเพรียง พากันโหวตไว้วางใจอย่างไม่แตกแถว

แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวก็น่าจะสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับพลเอกอนุพงษ์ ที่ถูกกระตุกหนวดเช่นเดียวกับพลเอกประยุทธ์ ที่ก็ไม่น่าจะยินดีในสภาวะการณ์แบบนี้

เรื่องแบบนี้อาจมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนในพรรคจะมีการเลื่อยเก้าอี้กันเองก็ได้ หากคนคนนี้ไม่ใช่ 3 ป. เพราะในขณะที่อีกป.คะแนนท่วมท้นอยู่คนเดียว

เอาเข้าจริง ก็ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าตอนนี้ เนื้อในความสัมพันธ์ในเครือ 3 ป. นั้นเป็นอย่างไรกันแน่?เพราะคำตอบของคำถามนี้มีเพียงพี่น้องในเครือเท่านั้นที่จะทราบถึงระดับความสัมพันธ์ที่แท้จริง แต่หากจะถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง สส. และ 3 ป. แบบรายคนก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

หากจะถามถึงระดับความสัมพันธ์ ถามเป็นรายบุคคลน่าจะได้คำตอบที่ตรงประเด็นมากกว่าหรือไม่? แต่ที่แน่ๆ การที่แต่ละ ป. มีบทบาท หน้าที่ บุคลิก รวมถึงอุปนิสัย และลักษณะในการทำงานที่แตกต่างกัน นั่นอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ความแข็งแกร่งของแต่ละ ป. ดูจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะในเรื่องของความยำเกรง และการได้รับความเคารพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างกรณีของพลเอกประยุทธ์ก็ดูจะมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ด้วยตำแหน่งที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นศูนย์รวมของอำนาจในตอนนี้ จึงน่าจะพอให้พลเอกประยุทธ์มีบารมี และมีผู้ติดสอยห้อยตามในระดับหนึ่ง ส่วนพลเอกอนุพงษ์ ที่มีอำนาจในการปกครองส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นในมือโดยตรง ซึ่งโดยตำแหน่งและหน้าที่แล้ว ก็น่าจะมากพอที่จะทำให้ผู้แทนในแต่ละท้องถิ่นยำเกรงและพึ่งพาอาศัยได้ในระดับหนึ่ง แต่ความเป็นจริง กลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง

เพราะ ศูนย์รวมของอำนาจและการบริหารจัดการ สส. กลับมาควบรวมที่พลเอกประวิตร ว่ากันตามตรงบทบาทของพลเอกประวิตร ก็ไม่ต่างอะไรกับเสาหลัก ของพรรคพลังประชารัฐ และไม่ต่างอะไรกับเดอะแบกของขั้ว 3 ป. แม้แต่น้อย และเมื่อมีปัญหากันภายใน พลเอกประวิตรก็มักจะทำหน้าที่เป็นกาวใจให้ในแทบทุกเรื่องและทุกความขัดแย้ง อีกทั้งหน้าที่คอยประสานงาน สส. ภายในพรรคยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้แทนฯและพลเอกประวิตร ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น

จริงๆ ก็ไม่แปลกที่จะเป็นเช่นนั้นเพราะได้มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบไปแล้วตามที่ได้กล่าวข้างต้น แต่ละป.คุมละภาคส่วน แต่ต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น

กลายเป็นว่าภายในมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ สายใคร สายมัน บ้านใคร บ้านมัน ลูกพี่เอ็ง ไม่ใช่ลูกพี่ข้า ส่วนลูกพี่ข้า ก็ไม่ใช่ลูกพี่เอ็ง ด้วยระดับความเคารพและความยำเกรงที่มีต่อตัวบุคคลที่แตกต่างกันทำให้การทำงานมีแนวโน้มที่ค่อนข้างติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นขัดแย้งแบบออกหน้าในตอนนี้อนาคตเส้นทางอำนาจ 3 ป. จะเป็นอย่างไร?

ยิ่งในช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็เป็นเวลาที่ไม่อาจรอช้าได้เลย เพราะหากสุดท้ายแล้ว 3 ป. เกิดการแยกเส้นทางกันเดิน หรือการแตกพรรคขึ้นมากันจริงๆ แม้จะบอกว่าเป็นพรรคพวกกันแต่แยกกันเดินคนละพรรค โอกาสที่จะแตกแยกจริงจะมีสูงมากขึ้น

จากนี้ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐไว้ให้ดี เพราะไม่แน่ว่า หากพรรคพลังประชารัฐ มีการเปลี่ยนแปลงระดับผู้บริหารภายในหากวางไม่ดี ก็อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่ยุคใหม่อีกครั้งหรือเปลี่ยนไปอีกด้าน และนั่นอาจส่งผลให้การตั้งพรรคการเมืองสำรองนั้น อาจไม่สำรองอีกต่อไปเช่นกัน

โดยเฉพาะในรายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่อาจเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ในตอนแรกถูกตั้งแง่ว่าเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองสำรองหากว่าพรรคพลังประชารัฐไม่อาจไปต่อได้ เชื่อว่าอีกไม่นานพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการขยับที่ชัดเจนมากขึ้นกว่า หลังจากที่ได้ประกาศชื่อของ นายพีระพันธุ์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะมีบิ๊กเนมเริ่มตบเท้าเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

ในกาลข้างหน้า พรรคพลังประชารัฐจะยังคงสภาพความเป็นพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่? และหากพรรคพลังประชารัฐยังอยู่รอดปลอดภัยถึงการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า ก็น่าสนใจว่าโครงสร้างหลักของพรรคจะยังคงเดิม หรือมีการเปลี่ยนแปลง? และที่สำคัญที่สุดพลพรรคหัวเรือใหญ่ที่ถูกเรียกขานนามว่า 3 ป. จะแปรรูปความสัมพันธ์เป็นแบบใด พี่น้องพรรคเดียวหรือพี่น้องพรรคคู่

“ความจริง รักนั้นมักเกิดขึ้นโดยฉับพลันเสมอ มีแต่รักของมิตรสหายเท่านั้น

ที่ต้องสะสมขึ้นจากวันเวลา จึงจะหนักแน่นยืนนาน”

โกวเล้ง จาก กระบี่อมตะ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
18:29 น. เก่งรอบด้าน! 'ผู้กองแคท อาทิติยา'สำเร็จอีกขั้น จบหลักสูตรปลัดอำเภอ พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อปชช.
18:20 น. ทนายเข้าเยี่ยม'ทักษิณ'เผยมีอาการอิดโรย ไม่รู้เรื่องเลี้ยงพิซซ่าในเรือนจำ เตือนคนพูดให้ระวังดีๆ
18:19 น. 'นก จริยา'ลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ลั่นรอรับกรรมได้เลยหลังโพสต์แซะมาหลายปี
18:18 น. เช็คชื่อโผ ครม.อนุทิน 1 'โสภณ'คัมแบ็คนั่งรองนายกฯ 'ธรรมนัส'ผ่านฉลุย
18:03 น. สภาพอากาศพรุ่งนี้! กรมอุตุฯเตือน 37 จังหวัดฝนถล่มหนัก กทม.อ่วมร้อยละ 60
ดูทั้งหมด
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
น้ำตาคลอทั้งโซเชียล! 'เกลือ'ตั้งคำถาม'ทำไมทหารพรานต้องใส่ชุดดำ' ได้คำตอบสุดสะเทือนใจ
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'เป๊ก-เพลง'ไปต่อหรือพอแค่นี้? วงในเมาท์แรงหลังจัดตั้งครม. รู้เรื่อง!
'พุทธ อภิวรรณ'ชวนจับตา!!! คาดมีข่าวใหญ่ คนดังมีลูกศิษย์ทั่วฟ้าเมืองไทย ถูกสอบโยงผู้หญิง-เงินบริจาค
ดูทั้งหมด
ในความต่างระหว่างสีผิว
นักการเมืองปล้นอำนาจประชาชนฉีกทิ้ง รธน.
บุคคลแนวหน้า : 16 กันยายน 2568
เปิดด่านเพื่อ...?
เตโชเบาะสะแก ซำแต
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เก่งรอบด้าน! 'ผู้กองแคท อาทิติยา'สำเร็จอีกขั้น จบหลักสูตรปลัดอำเภอ พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อปชช.

'นก จริยา'ลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ลั่นรอรับกรรมได้เลยหลังโพสต์แซะมาหลายปี

เชื่อ'อภิสิทธิ์'ยังไม่กลับปชป. 'ศิริโชค'ชี้'เดชอิศม์'ยังกุมอำนาจ

สภาพอากาศพรุ่งนี้! กรมอุตุฯเตือน 37 จังหวัดฝนถล่มหนัก กทม.อ่วมร้อยละ 60

หนุ่มเมืองผู้ดีซัดคนบอกไทยไม่ปลอดภัย เปิดให้เห็นจะๆทำแบบนี้ที่อังกฤษไม่ได้แน่

เศรษฐีใหม่24คนเฮลั่น ถูกหวยดิจิทัล162ล้านบาท! งวด 16 ก.ย.68

  • Breaking News
  • เก่งรอบด้าน! \'ผู้กองแคท อาทิติยา\'สำเร็จอีกขั้น จบหลักสูตรปลัดอำเภอ พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อปชช. เก่งรอบด้าน! 'ผู้กองแคท อาทิติยา'สำเร็จอีกขั้น จบหลักสูตรปลัดอำเภอ พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อปชช.
  • ทนายเข้าเยี่ยม\'ทักษิณ\'เผยมีอาการอิดโรย ไม่รู้เรื่องเลี้ยงพิซซ่าในเรือนจำ เตือนคนพูดให้ระวังดีๆ ทนายเข้าเยี่ยม'ทักษิณ'เผยมีอาการอิดโรย ไม่รู้เรื่องเลี้ยงพิซซ่าในเรือนจำ เตือนคนพูดให้ระวังดีๆ
  • \'นก จริยา\'ลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ลั่นรอรับกรรมได้เลยหลังโพสต์แซะมาหลายปี 'นก จริยา'ลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ลั่นรอรับกรรมได้เลยหลังโพสต์แซะมาหลายปี
  • เช็คชื่อโผ ครม.อนุทิน 1 \'โสภณ\'คัมแบ็คนั่งรองนายกฯ \'ธรรมนัส\'ผ่านฉลุย เช็คชื่อโผ ครม.อนุทิน 1 'โสภณ'คัมแบ็คนั่งรองนายกฯ 'ธรรมนัส'ผ่านฉลุย
  • สภาพอากาศพรุ่งนี้! กรมอุตุฯเตือน 37 จังหวัดฝนถล่มหนัก กทม.อ่วมร้อยละ 60 สภาพอากาศพรุ่งนี้! กรมอุตุฯเตือน 37 จังหวัดฝนถล่มหนัก กทม.อ่วมร้อยละ 60
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

11 พ.ค. 2566

นิ่งๆอาจกินเรียบ

นิ่งๆอาจกินเรียบ

4 พ.ค. 2566

ทางเลือกหรือทางรอด?

ทางเลือกหรือทางรอด?

27 เม.ย. 2566

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

20 เม.ย. 2566

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

13 เม.ย. 2566

ฉากเดิมๆ

ฉากเดิมๆ

6 เม.ย. 2566

ระฆังเริ่มยก

ระฆังเริ่มยก

30 มี.ค. 2566

ล้างไพ่สลายขั้ว

ล้างไพ่สลายขั้ว

23 มี.ค. 2566

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved