วันศุกร์ ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / นายซื่อตรงรักเมืองไทย
นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย

นายซื่อตรงรักเมืองไทย
วันพฤหัสบดี ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
อนาคต 3 ป. ?

ดูทั้งหมด

  •  

หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้จะบอกว่ารัฐบาลรอดทั้งคณะ แต่ก็ได้สร้างรอยร้าวภายในรัฐบาลอย่างมากทั้งระหว่างพรรคร่วมและภายในพรรคการเมืองบางพรรคอย่างน้อยสองพรรค ซึ่งอาจส่งผลให้พรรคการเมืองบางพรรคที่ในตอนแรกอาจถูกวางตัวให้เป็นพรรคสำรองนั้น ถูกผลักดันให้กลายมาเป็นพรรคหลักแทนหรือไม่ ที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ก็ได้มีการแถลงการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองใหม่ที่มีโครงสร้างที่ชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ก็คงต้องกัดฟันจับมือกันเดินต่อไปก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้วาระหลักคือการกำหนดกติกาเลือกตั้ง ที่รอบนี้ไม่ได้ขึ้นกับความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน หากแต่ขึ้นกับเป้าหมายคะแนนของแต่ละพรรคที่มีทิศทางต่างกันหรือเหมือนกันในบางคู่ จึงจะได้เห็นอะไรแปลกๆ ในการโหวตกฎหมายลูกหลังจากนี้อย่างแน่นอน แต่ก่อนจะถึงวันนั้น อาจจะมีอะไรมาสะดุดนายกรัฐมนตรีก่อนหรือไม่?


สิงหาคมนี้ อาจมีอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่อาจทำให้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ต้องสะดุดอย่างไม่คาดคิด เพราะในตอนนี้เรี่องนายกฯ 8 ปี ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการและนักกฎหมาย ที่มีข้อเสนอและมุมมองแตกต่างกันอย่างมาก และแม้เหมือนจะมีทางออก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกระแสข่าวออกมาอย่างหนาหูว่าจะมีการใช้ประเด็นนี้ จังหวะนี้ในการเตรียมกดดันเพื่อให้พลเอกประยุทธ์ก้าวลงจากตำแหน่งด้วยการเคลื่อนไหวภายนอกสภาฯและการเคลื่อนไหวอีกบางอย่าง

จากการที่ คณะหลอมรวมประชาชน ซึ่งนำโดยนายจตุพรและนายนิติธร ได้จัดเวทีเสวนาขึ้นจนถูกเชื่อมโยงว่าเป็นการกดดันพลเอกประยุทธ์ ให้ก้าวออกจากตำแหน่งด้วยเรื่องของนายกฯ 8 ปีหรือไม่? พร้อมกันนี้ยังมีแนวโน้มว่าในช่วงเดือนสิงหาคมนี้จะมีการจัดงานปราศรัยขึ้น อาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างต่ำแต่อย่างไรก็ตามการเตรียมการชุมนุมเพื่อกดดันพลเอกประยุทธ์ดังกล่าว ก็น่าจะมีแววต้องพับโปรเจกท์ไปเสียก่อน

จากการที่ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศ ห้ามชุมนุมมั่วสุม หรือจัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป ก็ไม่แน่ว่าหากไม่มีประกาศดังกล่าวแล้ววันที่ 23 สิงหาคม พลเอกประยุทธ์ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ การชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองธรรมดาๆ ก็อาจยกระดับจากการจัดปราศรัยธรรมดา เป็นการลงถนนหรือไม่?

อย่างไรก็ตาม หากพลเอกประยุทธ์สามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเรื่องนายกฯ 8 ปี ไปได้ ก็แทบจะการันตีแล้วว่า รัฐบาลของ ฝพลเอกประยุทธ์จะอยู่ครบเทอมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังการการันตีโอกาสในการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ด้วยหรือไม่? แต่ถึงแม้จะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้และการันตีการอยู่ครบเทอม แต่ก็ใช่ว่าระยะทางหลังจากนี้จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป โดยเฉพาะในชั่วโมงนี้ที่ไม่มีอะไรแน่นอน แม้กระทั่งเรื่องภายในมุ้ง ตลอดจนการครบรอบ 8 ปีของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ก็จะทำให้พลเอกประยุทธ์อยู่ได้อีกเพียงครึ่งวาระ หากได้ดำรงตำแหน่งสมัยหน้า

เป็นที่เข้าใจกันว่าในระยะเวลาตลอดช่วงสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ผ่านมา ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่ม 3 ป. เป็นหลัก และแม้พอเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ต้องทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังคงต้องพึ่งอำนาจ 3 ป. ในการบริหารจัดการ โดยมีพี่ใหญ่อย่างพลเอกประวิตร คุมพรรคพลังประชารัฐ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวแทนระหว่างกลุ่ม 3 ป. กับบรรดานักการเมืองในสังกัดพรรคต่างๆ ทั้งพรรคร่วม พรรคเล็ก และแม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้านในบางสถานการณ์ด้วยซ้ำ ส่วนด้านพี่รองอย่างพลเอกอนุพงษ์ ก็ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการประสานงานราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นทั้งหมดที่นับได้ว่าคุมข้าราชการส่วนภูมิภาคจนอยู่หมัดนิ่งสนิทให้พลเอกประยุทธ์ได้บริหารงานสบายๆ มา 8 ปีเต็ม ขณะที่พลเอกประยุทธ์ซึ่งรับบทเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เปรียบเสมือนนักแสดงที่อยู่บทเวทีท่ามกลางแสง สี เสียง ที่ต้องยอมรับแรงปะทะจากทั้งในและต่างประเทศจนหล่อหลอมให้วันนี้พลเอกประยุทธ์แปลงร่างจากทหารมาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว

ที่ผ่านมา ทั้ง 3 ป. ก็ได้ทำหน้าที่และความรับผิดชอบงานของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งจากการควบคุมกิจการภายในและการเมืองระหว่างประเทศอีกทั้งยังสามารถพยุงให้ประเทศไทยสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงภัยสงครามได้อย่างไร้ที่ติ รวมถึงการรอดพ้นจากการต่อต้านหรือม๊อบต่างๆ ที่หลายคนคาดว่าทหารน่าจะสู้มืออาชีพทางการเมืองไม่ได้และน่าจะจบเกมตั้งแต่ปีแรกแต่สุดท้ายก็สามารถเอากลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ได้จนมาถึงปีสุดท้าย แต่ภายใต้ภาพลักษณ์การบริหารงานที่กลมเกลียวใครเล่าจะรู้ว่าลึกๆ แล้วความสัมพันธ์ของพี่ใหญ่ พี่รอง รวมถึงน้องเล็ก ในตอนนี้ยังรักและกลมเกลียวเปรียบเสมือนพี่น้องท้องเดียวกันอยู่หรือไม่?

หลังจากที่การศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้จบลง พร้อมกับบทสรุปที่ว่า พลเอกประยุทธ์พร้อมคณะได้รับคะแนนเสียงที่มากพอและมีโอกาสที่จะก้าวต่อไปบนเส้นทางนี้ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกหลายเรื่องราวภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังรอคิดบัญชีกันต่อ แต่ที่หนักกว่าคือภายในพรรคพลังประชารัฐเองที่แม้คะแนนจะรอดหมดทุกคน แต่คะแนนที่ต่างกันมากโดยเฉพาะคะแนนที่น้อยที่สุดคือ 1 ใน 3 ป. ด้วยแล้วยิ่งต้องจับตามอง จนไม่อาจละสายตาได้

ในตอนนี้นักวิชาการและนักวิจารณ์เริ่มตั้งข้อสงสัยถึงความกลมเกลียวของ 3 ป. เพราะทันทีที่ผลคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจออกมา ในรูปแบบที่หนึ่งในพี่น้อง 3 ป. อย่างพลเอกอนุพงษ์ ได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจสูงที่สุดในบรรดารัฐมนตรี 11 ท่าน ทั้งที่พลเอกอนุพงษ์ ก็ได้นั่งในเก้าอี้กระทรวงที่สำคัญอย่างมหาดไทยที่ดูแล้วน่าจะต้องมีความใกล้ชิดกับผู้แทนและภาคการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งก็น่าจะมาผลสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาสส.ในพรรคและในพรรคร่วมฯ แต่ผลคะแนนกลับไม่ได้สอดคล้องกับตำแหน่งและเก้าอี้กระทรวงที่ตนเองรับผิดชอบ ซ้ำร้าย เมื่อมองไปที่ผลคะแนนของพี่ใหญ่อย่างพลเอกประวิตร กลับมีผลออกมาที่แตกต่างกัน เพราะพี่ใหญ่อย่างพลเอกประวิตรกลับได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจต่ำที่สุด

เกิดอะไรขึ้น ! และของจริงลึกๆ คืออะไรกันแน่

และว่ากันตามตรง บรรดา สส. ก็น่าจะรู้กันดีว่าการกระตุกคะแนนโหวตพลเอกอนุพงษ์ ก็ไม่ต่างกับการลูบคม 3 ป. แต่ก็น่าแปลกที่ตั้งแต่จบศึกอภิปรายไปจนถึงตอนนี้ แม้จะมีกระแสข่าวว่าพลเอกอนุพงษ์ ได้เคลียร์ใจกับ สส. ภายในพรรคพลังประชารัฐแล้ว แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีกระแสข่าวออกมาถึงการลงดาบผู้แทนฯที่โหวตคว่ำพลเอกอนุพงษ์แต่อย่างใด? ก็คงต้องตามดูต่อไปในอนาคตว่า พลเอกประวิตรทั้งในฐานะหัวหน้าพรรคและในฐานะพี่ใหญ่ของ 3 ป. จะมีการจัดการใดๆ ในพรรคเพื่อเรียกศักดิ์ศรีพลเอกอนุพงษ์คืนมาหรือไม่? แต่เรื่องราวก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยให้เห็นที่มาของปัญหาที่อาจจะทำให้อะไร อะไรดูยากขึ้นไปอีก

สัปดาห์ที่ผ่านมา การกราบสะเทือนแผ่นดินของหนึ่งใน สส. จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ท่านหนึ่งที่โหวตล้มพลเอกอนุพงษ์ มีการถูกตั้งคำถามว่าการขอขมาดังกล่าวไม่ได้มีการส่งสัญญาณในการกล่าวขอโทษขอโพยพลเอกอนุพงษ์แต่อย่างใดแต่กลับเป็นการกราบขออภัยพลเอกประวิตรพร้อมกับข้อเรียกร้องบางอย่างที่ดูจะเพิ่มรอยร้าวขึ้นมาอีกแทน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นไปเพื่อหาทางลงของปัญหาในพรรคหรือหวังผลแห่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจริงๆ กันแน่? แต่ที่หลายคนอยากรู้มากกว่าคือพลเอกประวิตรรู้แต่ต้นถึงการเตรียมโหวตแบบนี้หรือไม่?

อย่างไรก็ตาม การกราบสะเทือนวงการที่ได้เกิดขึ้นนั้น เป็นการตอกย้ำถึงบารมีพลเอกประวิตรที่มากล้น และเป็นที่เคารพยิ่งของบรรดา สส. ไม่ว่าจะพรรคใด ฝ่ายใดก็ตาม จนมีกระแสข่าวหนาหูว่า ไม่ใช่เพียงแค่ สส. สมุทรปราการเพียงเท่านั้น แต่มีผู้แทนสังกัดพรรคพลังประชารัฐจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการให้พลเอกประวิตรย้ายเปลี่ยนเก้าอี้ มานั่งที่กระทรวงมหาดไทยแทน

อาจเพราะความใกล้ชิดระหว่างพลเอกประวิตรกับบรรดา สส. ภายในพรรคที่มีมากกว่า พลเอกอนุพงษ์ บรรดา สส. จึงอาจเล็งเห็นว่า หากมีการโยกย้ายพลเอกประวิตรไปนั่งยังกระทรวงมหาดไทย เกิดขึ้นจริง ก็น่าจะเป็นผลดีกับพรรคพลังประชารัฐมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่การเลือกตั้งใหญ่นั้น ได้ย่างกลายเข้ามาในทุกขณะ และปีนี้จะมีการเลื่อนขั้นโยกย้ายผู้ว่าราชการอีกหลายสิบตำแหน่งทดแทนผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องเกษียณอายุในตุลาคมนี้

ด้วยบุคลิกของพลเอกประวิตร ที่มีความใจถึง เป็นพี่ใหญ่ที่คอยรับฟังสส. อย่างใกล้ชิด และเข้าถึงง่าย ผิดกับพลเอกอนุพงษ์ที่ดูแล้วมีบุคลิกนิ่งเงียบ พูดน้อย และขึ้นชื่อว่าเข้าถึงยาก การประสานงานกับบรรดาผู้แทน และตัวแทนจากท้องถิ่นต่างๆ จึงอาจไม่ลื่นไหล ไม่สะดวกมากนัก และนี่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่มีการถกเถียงกันในเรื่องของเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย

หากยังจำกันได้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในช่วงหลังจากที่เกิดความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ จนเป็นเหตุให้ ร้อยเอกธรรมนัส ต้องถูกระเห็จออกจากพรรคพลังประชารัฐไป ก็มีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของร้อยเอกธรรมนัสพร้อมพรรคพวกที่ถูกขับออก ที่มีการเรียกร้องให้พลเอกประวิตรย้ายสังกัดไปนั่งกระทรวงมหาดไทยแทน เพื่อแลกกับการที่ตนเองและพวกพ้องจะยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่

จึงไม่แปลกที่รอบนี้พรรคเศรษฐกิจไทย จะไม่โหวตไว้วางใจพี่รองอย่างพลเอกอนุพงษ์ รวมถึงน้องเล็กอย่างพลเอกประยุทธ์ ผิดกับพลเอกประวิตร ที่ซุ้มพรรคเศรษฐกิจไทยต่างพร้อมเพรียง พากันโหวตไว้วางใจอย่างไม่แตกแถว

แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวก็น่าจะสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับพลเอกอนุพงษ์ ที่ถูกกระตุกหนวดเช่นเดียวกับพลเอกประยุทธ์ ที่ก็ไม่น่าจะยินดีในสภาวะการณ์แบบนี้

เรื่องแบบนี้อาจมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนในพรรคจะมีการเลื่อยเก้าอี้กันเองก็ได้ หากคนคนนี้ไม่ใช่ 3 ป. เพราะในขณะที่อีกป.คะแนนท่วมท้นอยู่คนเดียว

เอาเข้าจริง ก็ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าตอนนี้ เนื้อในความสัมพันธ์ในเครือ 3 ป. นั้นเป็นอย่างไรกันแน่?เพราะคำตอบของคำถามนี้มีเพียงพี่น้องในเครือเท่านั้นที่จะทราบถึงระดับความสัมพันธ์ที่แท้จริง แต่หากจะถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง สส. และ 3 ป. แบบรายคนก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

หากจะถามถึงระดับความสัมพันธ์ ถามเป็นรายบุคคลน่าจะได้คำตอบที่ตรงประเด็นมากกว่าหรือไม่? แต่ที่แน่ๆ การที่แต่ละ ป. มีบทบาท หน้าที่ บุคลิก รวมถึงอุปนิสัย และลักษณะในการทำงานที่แตกต่างกัน นั่นอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ความแข็งแกร่งของแต่ละ ป. ดูจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะในเรื่องของความยำเกรง และการได้รับความเคารพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างกรณีของพลเอกประยุทธ์ก็ดูจะมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ด้วยตำแหน่งที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นศูนย์รวมของอำนาจในตอนนี้ จึงน่าจะพอให้พลเอกประยุทธ์มีบารมี และมีผู้ติดสอยห้อยตามในระดับหนึ่ง ส่วนพลเอกอนุพงษ์ ที่มีอำนาจในการปกครองส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นในมือโดยตรง ซึ่งโดยตำแหน่งและหน้าที่แล้ว ก็น่าจะมากพอที่จะทำให้ผู้แทนในแต่ละท้องถิ่นยำเกรงและพึ่งพาอาศัยได้ในระดับหนึ่ง แต่ความเป็นจริง กลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง

เพราะ ศูนย์รวมของอำนาจและการบริหารจัดการ สส. กลับมาควบรวมที่พลเอกประวิตร ว่ากันตามตรงบทบาทของพลเอกประวิตร ก็ไม่ต่างอะไรกับเสาหลัก ของพรรคพลังประชารัฐ และไม่ต่างอะไรกับเดอะแบกของขั้ว 3 ป. แม้แต่น้อย และเมื่อมีปัญหากันภายใน พลเอกประวิตรก็มักจะทำหน้าที่เป็นกาวใจให้ในแทบทุกเรื่องและทุกความขัดแย้ง อีกทั้งหน้าที่คอยประสานงาน สส. ภายในพรรคยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้แทนฯและพลเอกประวิตร ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น

จริงๆ ก็ไม่แปลกที่จะเป็นเช่นนั้นเพราะได้มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบไปแล้วตามที่ได้กล่าวข้างต้น แต่ละป.คุมละภาคส่วน แต่ต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น

กลายเป็นว่าภายในมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ สายใคร สายมัน บ้านใคร บ้านมัน ลูกพี่เอ็ง ไม่ใช่ลูกพี่ข้า ส่วนลูกพี่ข้า ก็ไม่ใช่ลูกพี่เอ็ง ด้วยระดับความเคารพและความยำเกรงที่มีต่อตัวบุคคลที่แตกต่างกันทำให้การทำงานมีแนวโน้มที่ค่อนข้างติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นขัดแย้งแบบออกหน้าในตอนนี้อนาคตเส้นทางอำนาจ 3 ป. จะเป็นอย่างไร?

ยิ่งในช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็เป็นเวลาที่ไม่อาจรอช้าได้เลย เพราะหากสุดท้ายแล้ว 3 ป. เกิดการแยกเส้นทางกันเดิน หรือการแตกพรรคขึ้นมากันจริงๆ แม้จะบอกว่าเป็นพรรคพวกกันแต่แยกกันเดินคนละพรรค โอกาสที่จะแตกแยกจริงจะมีสูงมากขึ้น

จากนี้ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐไว้ให้ดี เพราะไม่แน่ว่า หากพรรคพลังประชารัฐ มีการเปลี่ยนแปลงระดับผู้บริหารภายในหากวางไม่ดี ก็อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่ยุคใหม่อีกครั้งหรือเปลี่ยนไปอีกด้าน และนั่นอาจส่งผลให้การตั้งพรรคการเมืองสำรองนั้น อาจไม่สำรองอีกต่อไปเช่นกัน

โดยเฉพาะในรายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่อาจเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ในตอนแรกถูกตั้งแง่ว่าเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองสำรองหากว่าพรรคพลังประชารัฐไม่อาจไปต่อได้ เชื่อว่าอีกไม่นานพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการขยับที่ชัดเจนมากขึ้นกว่า หลังจากที่ได้ประกาศชื่อของ นายพีระพันธุ์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะมีบิ๊กเนมเริ่มตบเท้าเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

ในกาลข้างหน้า พรรคพลังประชารัฐจะยังคงสภาพความเป็นพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่? และหากพรรคพลังประชารัฐยังอยู่รอดปลอดภัยถึงการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า ก็น่าสนใจว่าโครงสร้างหลักของพรรคจะยังคงเดิม หรือมีการเปลี่ยนแปลง? และที่สำคัญที่สุดพลพรรคหัวเรือใหญ่ที่ถูกเรียกขานนามว่า 3 ป. จะแปรรูปความสัมพันธ์เป็นแบบใด พี่น้องพรรคเดียวหรือพี่น้องพรรคคู่

“ความจริง รักนั้นมักเกิดขึ้นโดยฉับพลันเสมอ มีแต่รักของมิตรสหายเท่านั้น

ที่ต้องสะสมขึ้นจากวันเวลา จึงจะหนักแน่นยืนนาน”

โกวเล้ง จาก กระบี่อมตะ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:13 น. 'พิชิต'ชวนจับตา! 'ทักษิณ' ให้ 'ภูมิธรรม' นั่ง มท.1 ชนวนใหม่รอวันจุด ปม'ที่ดินอัลไพน์'
12:09 น. ค้าแข้งลีกเยอรมนี! ‘มิคเคลสัน’ย้ายร่วมทัพ‘เอลเวอร์สแบร์ก’
12:03 น. รมว.เกษตรฯคนใหม่ฟิตจัดเรียกประชุมมอบนโยบายผู้บริหารฯ
11:59 น. (คลิป) คุ้มไหม! ได้เก้าอี้ รมว. เพิ่มแต่... สูญเสีย! บุคลากรสำคัญหลายคน!
11:57 น. ยังไม่ได้ตั้งพรรคใหม่! 'คุณหญิงกัลยา'ปัดตอบอนาคต-รับคุย'ดร.เอ้'
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
'เท้ง'แย่แล้ว!! เจอขบวนรถทัวร์แห่คอมเมนต์แจกพยัญชนะไทยฉ่ำ!!
‘ทักษิณ‘ พร้อมลูกสาว ’เอม พินทองทา‘ เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก คดี ม.112
ชวนให้คิด! 'หมอพรทิพย์'โพสต์ 'นายกฯตระกูลชิน'กับระบบการเมืองไทย
ปิดตำนาน156ปี! 'กษัตริย์ชาร์ลส์'ประกาศปลดระวาง'รถไฟหลวง' สมาชิกราชวงศ์ไปใช้รถไฟปกติแทน
ดูทั้งหมด
ตายยกรัง? เจตนาเล็งเห็นผล บิดเบือนหลบเลี่ยงรัฐธรรมนูญ
ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ของไทย
กลัวเลือกตั้ง?
บุคคลแนวหน้า : 4 กรกฎาคม 2568
ดวงพิฆาตสองพ่อลูก‘ทักษิณ-แพทองธาร’
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ค้าแข้งลีกเยอรมนี! ‘มิคเคลสัน’ย้ายร่วมทัพ‘เอลเวอร์สแบร์ก’

(คลิป) คุ้มไหม! ได้เก้าอี้ รมว. เพิ่มแต่... สูญเสีย! บุคลากรสำคัญหลายคน!

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 'ตี้ วรรณวลี' 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา คดี ม.112

จับแหล่งผลิตน้ำกระท่อม4x100สูตรใหม่ส่งขายขาโจ๋

GC ผนึกกำลัง TPBI Group ยกระดับการพัฒนานวัตกรรมพลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยวัสดุเพื่อโลกอนาคตอย่างยั่งยืน

รีไทร์เบอร์20: ลิเวอร์พูลอุทิศให้ โชต้า ผู้ล่วงลับ

  • Breaking News
  • \'พิชิต\'ชวนจับตา! \'ทักษิณ\' ให้ \'ภูมิธรรม\' นั่ง มท.1 ชนวนใหม่รอวันจุด ปม\'ที่ดินอัลไพน์\' 'พิชิต'ชวนจับตา! 'ทักษิณ' ให้ 'ภูมิธรรม' นั่ง มท.1 ชนวนใหม่รอวันจุด ปม'ที่ดินอัลไพน์'
  • ค้าแข้งลีกเยอรมนี! ‘มิคเคลสัน’ย้ายร่วมทัพ‘เอลเวอร์สแบร์ก’ ค้าแข้งลีกเยอรมนี! ‘มิคเคลสัน’ย้ายร่วมทัพ‘เอลเวอร์สแบร์ก’
  • รมว.เกษตรฯคนใหม่ฟิตจัดเรียกประชุมมอบนโยบายผู้บริหารฯ รมว.เกษตรฯคนใหม่ฟิตจัดเรียกประชุมมอบนโยบายผู้บริหารฯ
  • (คลิป) คุ้มไหม! ได้เก้าอี้ รมว. เพิ่มแต่... สูญเสีย! บุคลากรสำคัญหลายคน! (คลิป) คุ้มไหม! ได้เก้าอี้ รมว. เพิ่มแต่... สูญเสีย! บุคลากรสำคัญหลายคน!
  • ยังไม่ได้ตั้งพรรคใหม่! \'คุณหญิงกัลยา\'ปัดตอบอนาคต-รับคุย\'ดร.เอ้\' ยังไม่ได้ตั้งพรรคใหม่! 'คุณหญิงกัลยา'ปัดตอบอนาคต-รับคุย'ดร.เอ้'
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

ทิ้งไพ่ ทิ้งทวน

11 พ.ค. 2566

นิ่งๆอาจกินเรียบ

นิ่งๆอาจกินเรียบ

4 พ.ค. 2566

ทางเลือกหรือทางรอด?

ทางเลือกหรือทางรอด?

27 เม.ย. 2566

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

20 เม.ย. 2566

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

เปลี่ยนเพื่อไปต่อ

13 เม.ย. 2566

ฉากเดิมๆ

ฉากเดิมๆ

6 เม.ย. 2566

ระฆังเริ่มยก

ระฆังเริ่มยก

30 มี.ค. 2566

ล้างไพ่สลายขั้ว

ล้างไพ่สลายขั้ว

23 มี.ค. 2566

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved