คงไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะกลับไปกล่าวถึงความอัปยศและน่าอดสูของนักการเมืองในระบบเลือกตั้งที่พยายามนำคำว่า “ประชาธิปไตย”มาห่อคลุมกาย อย่างไม่สำเหนียกอย่างไร้สามัญสำนึกกับพฤติกรรมที่ปฏิบัติมันย้อนแย้งกันอย่างมากมายทั้งในบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและ “ธรรมนูญรัฐสภา” ที่เรียกกันว่า “ข้อบังคับการประชุม” ที่ถูกกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรทว่ากลับ “เขียนด้วยมือและลบด้วยเท้านักการเมือง” ที่ไม่กระดากปากว่าฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายที่ถูกสาดอุจจาระใส่ว่าเป็นฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่นแหละ
ผลประโยชน์จากเหตุการณ์อัปยศอดสูครั้งนี้ตกแก่นักการเมืองทุกฝ่าย ทว่า ผลเสียหายมาตกอยู่กับประชาชนกว่า 70 ล้านคน ที่ตรากตรำทำงานอย่างสุจริต เสียภาษีเงินได้ตามระเบียบข้อกฎหมายที่เหล่าเดรัจฉานเหล่านี้กำหนด และต้องนำเงินภาษีอากรประชาชนเหล่านี้มาจ่ายเป็นค่าอาหารสดอาหารเม็ดเฉกเช่น “สัมภเวสีไกลบ้าน” ที่เคยประจานเปรียบเทียบนักการเมืองใต้อุ้งเป็น “สุนัข” ในคอก“จันทร์ส่องหล้า” ผ่านช่องทางสื่อโซเชียล “คลับเฮ้าส์กลุ่มแคร์คิดเคลื่อนไทย” กระทำ
ทำไมเราต้องเอาเงินจำนวนมหาศาลตลอด 4 ปีมาใส่ขันใส่กะลาให้ “สิ่งมีชีวิตที่ไร้สามัญสำนึก” เหล่านี้ได้นำไปเสพสุขให้ “คนในตระกูล …” นั้นๆ เอามาซื้ออาหารเลี้ยงสุนัขจรจัด เลี้ยงวัวควายไว้ใช้งาน จักไม่เกิดประโยชน์กว่าหรือ เมื่องานแย่งชิงอาหารเสร็จสิ้น ภารกิจต่อมากลับเร่งรัดหาผลประโยชน์ส่วนตนพวกพ้องและแทนคุณนายใหญ่อย่างขมีขมันแทนการดูแลทุกข์สุขประชาชน
นักเลือกตั้งชังชาติ, เดรัจฉานในคอกจันทร์ส่องหล้ากลับเคลื่อนไหวเดินหน้าให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ครบเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 158 ที่ต้องยอมรับว่าเกมนี้ “ลุงตู่” โชว์มาดเข้มสุขุม ลุ่มลึก ตอบคำถาม“สื่อจริงสื่อปีศาจ” ว่า … “จะต้องกังวลอะไร” … “ให้ไปถามศาล รธน.”
ประเด็นนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่มี “กูรูกูรู้กับ “แลซซี่สุนัขพันธุ์คอลลี่เพศเมียแสนรู้” จำนวนไม่น้อยเสนอหน้าแสดงความคิดเห็นไปในแนวทางที่ตนเองคิดเป็นประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง ซึ่งรวบรวมแล้วมี 3 แนวทางคือ 1.กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการดำรงตำแหน่ง เป็นไปตามบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 264 ซึ่ง “บัญญัติว่า “ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ ..”
เท่ากับว่า “ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158 วรรค 4”ซึ่งบัญญัติว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้” หมายความว่า ตามหลักการนับระยะเวลาที่จะไม่นับวันแรกที่เริ่มดำรงตำแหน่งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเริ่มดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 และจะต้องเป็นไปตามมาตรา 170 ที่ได้บัญญัติไว้ในวรรคสองว่า “ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดเวลาตามมาตรา 158 วรรคสี่ด้วย”
2.กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า นับจากวาระเริ่มต้นการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และ 3.หากวินิจฉัยว่า การนับวาระเริ่มต้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”เริ่มจาก“วาระได้รับเลือกจากที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นวาระ 8 ปี จะสิ้นสุดวันที่8 มิถุนายน 2570”
ไม่ว่าคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นคุณแก่“ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีหรือไม่อย่างไรเส้นทางการเมืองของ “ลุงตู่” จะอยู่ที่การยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขมากกว่าการปล่อยให้สภาอยู่จนครบวาระ เนื่องจากการยุบสภาอำนาจในการบริหารราชการอยู่กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาการในระหว่างการเลือกตั้ง แต่หากอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระรัฐธรรมนูญบัญญัติให้อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจะอยู่ที่หัวหน้าหน่วยราชการนั้นๆ อาทิ ปลัดกระทรวงต่างๆ, อธิบดีกรมต่างๆ ในระหว่างการเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนเพื่อให้เกิดผลการเลือกตั้งที่ดี
“ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์” จึงสมควรเลือกการยุบสภาแล้วบริหารการจัดการเลือกตั้งเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี