เห็นรายชื่อผู้เรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยลงชื่อร่วมกัน ๙๙ คน จากทุกวงการตั้งแต่แพทย์ นักวิชาการนักการเมืองตลอดถึงนักเคลื่อนไหวทุกๆ เหตุการณ์ แล้วให้สงสัยว่า ๙๙ เป็นเลขอาถรรพณ์ ถ้าเป็นเช่นนั้น มั่นใจว่านักเคลื่อนไหวที่อยู่ในวัยชราเห็นท่าจะเหนื่อยเปล่า

ปี 2530 มีนักวิชาการ นักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองรวมกัน ๙๙ คน ลงชื่อเรียกร้องให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในข้ออ้างว่าอยู่มาเกือบแปดปีนอกจากขาดความชอบธรรมทางกฎหมายแล้วยังทำให้ประเทศชาติไม่ก้าวหน้าการพัฒนาปกครองในระบอบประชาธิปไตย

หลายคนที่เรียกร้องให้ป๋าลาออกครานั้น เห็นมีชื่ออยู่ในบัญชีหางว่าวครั้งนี้เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออกด้วยเช่นกัน

ประเมินจากความเป็นจริงกลุ่มที่เคยเรียกร้องให้ป๋าลาออก ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าแปดปีกว่าในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เอกบุรุษและรัฐบุรุษสองแผ่นดินได้สร้างความมั่นคงและมั่งคั่งโชติช่วงชัชวาล จนพูดได้ว่า ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนของประเทศไทยทำได้ในศตวรรษนี้

แต่ที่ดิ้นรนเรียกร้องกดดันให้พลเอกเปรมลาออกนั้น เพราะเห็นว่าอยู่นานเกินไปแล้ว นักวิชาการร่านวิชาทนไม่ได้ ต้องการให้ประเทศไทย เป็นประชาธิปไตยจ๋าที่นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากเลือกตั้ง

พลเอกเปรม เมื่อเห็นจดหมายเรียกร้องให้ลาออกแล้ววางเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ (แหน่ง แหน่ง ไม่แหลงไหร)จนกระเกิด กลุ่มขบถ 10 มกราคม 2531 ในพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้รัฐบาลผสมนำโดยพลเอกเปรมสั่นคลอน ป๋าตัดสินใจยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่

ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง พลเอกเปรม ยังแหน่ง แหน่ง ไม่แหลงไหร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตามปกติ จนกระทั่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531

พรรคชาติไทย นำโดย พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ชนะการเลือกตั้งคือได้ สส. มากกว่าพรรคใดๆ พรรคชาติไทยและพรรคการเมืองอื่นๆที่คาดว่าจะร่วมเป็นรัฐบาลผสมพากันไปเชิญพลเอกเปรม ให้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังการเลือก 24 กรกฎาคม ได้รับคำตอบจากรัฐบุรุษสองแผ่นดินว่า “ผมพอแล้ว”

สรุปคือ ๙๙ นักวิชาการที่ลงบัญชีหางว่าวให้พลเอกเปรมลาออก เปลืองน้ำลาย เปลืองน้ำหมึกเปลืองแรงเหนื่อยเปล่า

นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เคยลงชื่อไล่พลเอกเปรมวันนั้น น่าจะได้รับบทเรียนว่าการเคลื่อนไหวใดๆด้วยอคติ ด้วยความคิดริษยาหาได้เกิดผลดังที่คาดหมายไม่แต่น่าประหลาดใจคนที่เคยลงชื่อไล่พลเอกเปรมวันนั้น หลายคนลงชื่อไล่พลเอกประยุทธ์ในวันนี้ด้วย

หลายคนที่ผู้เขียนรู้จักคุ้นเคยกันดี และหลายคนเป็นที่เคารพของผู้เขียน จึงได้เตือนสติกันในฐานะคนคุ้นเคยว่าระวังจะเสียเวลาเปล่า

พลเอกเปรม กับ พลเอกประยุทธ์ ห่างชั้นจนเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ แม้แต่นิดเดียว พลเอกเปรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด ในสมัยพลเอกเปรม เป็นผู้นำรัฐบาล ไม่เคยได้ยินใคร คนกลุ่มไหนวิจารณ์สถาบันในที่สาธารณะ แต่ในยุคพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือได้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกโจมตีด้วยกิริยาวาจาที่กักขฬะหยาบคายร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

แต่สังคมไทยจะนำประเด็นนี้มากล่าวหาว่าพลเอกประยุทธ์ล้มเหลวในภาพรวมของการบริหารประเทศไม่ได้ เพราะบารมีลุงตู่กับบารมีของป๋านั้นห่างชั้นกัน เหมือนพญาอินทรีกับนกแก้วนกขุนทอง ป๋ามีบารมีเหนือกองทัพเพราะกองทัพและประชาชนรักและศรัทธาในตัวป๋า ส่วนลุงตู่ยังคงอยู่ใต้ปีกของนายทหารรุ่นพี่ที่มีข้อครหาว่าเล่นการเมืองใต้ดินบนดินมากเกินไป

แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ตัว ๙๙ รายชื่อ มาไล่พลเอกประยุทธ์ให้ออกไป โดยอ้างข้อกฎหมาย อ้างรัฐธรรมนูญเป็นพื้นฐานของการกดดัน โดยสามัญ สำนึกบอกได้ว่ามาผิดทางแล้ว และ เชื่อว่าการลงชื่อไล่ครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายให้ลุงตู่พ้นจากตำแหน่งออกไป แต่มันเป็นเพียงความเคลื่อนไหวให้มีแรงกระเพื่อมทางการเมืองเท่านั้น

หากทั้ง ๙๙ ท่าน ต้องการให้พลเอกประยุทธ์พ้นจากตำแหน่ง เพราะขัดรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ตราไว้ว่านายกรัฐมนตรี อยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินแปดปี แล้วทำไมไม่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าเมื่อถึงวันที่ 28 สิงหาคม ซึ่งครบวาระแปดปี พลเอกประยุทธ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เชื่อว่าที่นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่กล้านำเรื่องขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญเพราะกลัวหน้าแตกเหมือนพรรคฝ่ายค้านใช่หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องสถานะนายกฯของพลเอกประยุทธ์ เนื่องมาจากในวันที่ 27 มิถุนายน 2562 นายชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย และสส. ฝ่ายค้านรวมตัวกัน 110 คน ยื่นคำร้องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ จากนั้นชวนได้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยให้เหตุผลอย่างน้อย 5 ข้อ ได้แก่

1. หัวหน้า คสช. เป็นผลจากการยึดอำนาจ

2. หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ เห็นจากการออกประกาศและคำสั่ง คสช.

3. หัวหน้า คสช. ไม่อยู่ภายใต้บังคับของรัฐ

4. หัวหน้า คสช. ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย

5. หัวหน้า คสช. มีอำนาจเฉพาะชั่วคราว เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ

นอกจากในแง่กฎหมายแล้ว ทางด้านสามัญสำนึกคนทั่วไปย่อมเข้าใจว่ากฎหมายไม่อาจให้โทษย้อนหลังได้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้นโดยสามัญสำนึกของชาวบ้านที่ไม่ได้เรียนกฎหมายก็เข้าใจได้ว่า การกำหนดให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินแปดปีก็ต้องนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้

ถ้ากฎหมายลงโทษย้อนหลังได้ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่อยู่ในตำแหน่งรวมกันถึง 14 ปี 11 เดือนสิ่งที่จอมพล ป.ทำหลังจากแปดปี ผิดรัฐธรรมนูญผิดกฎหมาย เป็นโมฆะทั้งหมด ป้ายชื่อสะพาน ชื่อค่ายทหารต้องรื้อทิ้งทั้งหมดไหม?

เอาละสมมุติสิ่งที่ ๙๙ กูรูลงชื่อในบัญชีหางว่าวเกิดได้ผลขึ้นมาจริง คือ พลเอกประยุทธ์ลาออกไป แล้วจะมีผลกระทบอะไรตามมา

สิ่งแรกที่ คือ ได้รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งขึ้นเป็นนายกฯแทน แล้ว ๙๙ คนที่ไล่ลุงตู่จะรับผิดชอบประเทศไทยไหวไหม หรือพลเอกประยุทธ์ยุบสภาแทนการลาออก แล้วจะเลือกตั้งกันอย่างไรในเมื่อกฎหมายลูกยังทำไม่เสร็จ

จำบทเรียนปี 2531 ได้ไหม พลเอกเปรม ยุบสภาเลือกตั้งเสร็จท่านกล่าว “ผมพอแล้ว” หลังจากนั้นประเทศไทยได้อะไร ประเทศไทยได้#บุฟเฟ่ต์คาบิเนตใช่ไหม

ดังนั้น จึงฟันธงว่าความพยายามของ ๙๙ ท่าน เป็นเลขอาถรรพณ์ที่ทำให้พวกท่านเหนื่อยเปล่า หากบังเอิญความพยายามของท่านสัมฤทธิผล ขึ้นมาประเทศไทยก็จะได้สิ่งที่เลวร้ายกว่ามาแทนพลเอกประยุทธ์

พลเอกประยุทธ์ ถ้าเป็นมวยไทย ก็ถือว่าอยู่ในปลายยกห้า ปล่อยให้แกพิงเชือกวนเวทีไปเถอะ ผลีผลามเข้าไปทำเดี๋ยวจะถูกคว่ำคาเวที

สุทิน วรรณบวร