จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐแห่งแรกของประเทศไทย ชื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อ 26 มีนาคม 2459เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมชนกาธิราชเจ้า ผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน เมื่อ พ.ศ. 2442 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนมหาดเล็ก เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2445
ครั้นต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษาของประเทศสยาม แล้วพระราชทานนามว่า โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2453 ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2459 โดยในช่วงแรกจุุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดให้มีการศึกษาโดยแบ่งเป็นคณะต่างๆ ดังนี้ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์
จากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีอายุหนึ่งศตวรรษเศษแล้ว ชื่อเสียงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศไทย และเป็นที่รู้จักในนานาประเทศที่ได้เข้ามาติดต่อในกิจการต่างๆ กับไทย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลถึงมาตรฐานการศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยคือตราพระเกี้ยว สำหรับพระเกี้ยวนั้นเป็นพิจิตรเรขาประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนมหาดเล็ก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญตราพระเกี้ยวเป็นเครื่องหมายประจำโรงเรียนมหาดเล็ก และตราพระเกี้ยวก็ได้กลายเป็นตราสัญลักษณ์ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสืบมา
ชาวประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่างเทิดทูนเคารพบูชาตราพระเกี้ยวเสมอมา เพราะระลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้นจึงพบว่าตราพระเกี้ยวจะประดิษฐานอยู่บนส่วนสำคัญต่างๆ ของอาคารทั้งหลายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตราพระเกี้ยวนี้ก็ประทับอยู่บนเอกสารสำคัญทั้งปวงของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เสมอมา
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชุดปัจจุบันได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์พระเกี้ยว โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการ rebranding จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งข้ออ้างเรื่อง rebranding นั้นถูกตั้งคำถามโดยประชาคมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่าจำเป็นต้องกระทำหรือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความตกต่ำเสื่อมโทรมจนสาธารณชนไม่สามารถจดจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กระนั้นหรือ จึงต้อง rebranding
โดยปกติ การ rebranding กระทำเพื่อให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก และเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยมูลเหตุที่ต้อง rebranding คือ ตราสัญลักษณ์ หรือ Logoของเดิมล้าสมัย เชย หรือ brand aesthetic (ความงดงามของ brand) ไม่สามารถบ่งบอกคุณค่า (value) ของผลิตภัณฑ์อีกต่อไป หรือ rebrandingเพราะขยายธุรกิจ หรือนำธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ หรือเพราะธุรกิจเดิมมันคับแคบมากจนทำธุรกิจต่อไปไม่ได้ หรือ rebranding เพราะว่าชื่อเดิมขององค์กรไม่ได้สร้างความแตกต่างในการรับรู้ของผู้บริโภคในตลาด
คำถามคือ ตราพระเกี้ยวแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ทันสมัยตรงไหนหรือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงต้อง rebranding ตราพระเกี้ยวผู้บริหารมหาวิทยาลัยทราบดีใช่ไหมว่าพระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 5 คือตรางา ลักษณะกลมรี ประกอบด้วยรูปพระเกี้ยวมีรัศมี
ย้อนไปเมื่อรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเกี้ยว หรือจุลมงกุฎ แล้วพระราชทานแด่สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ทรงใช้ในพระราชพิธีโสกันต์พ.ศ. 2408 ด้วยเหตุนี้ รัชกาลที่ 5 จึงทรงถือเอาพระเกี้ยวเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์ตราบแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
การที่ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อนุมัติให้ rebrandingตราพระเกี้ยว จึงเป็นเรื่องที่สมควรถูกตั้งคำถามว่า กระทำไปเพื่อเหตุผลใดการเปลี่ยนแปลงตราพระเกี้ยวให้ออกมาในรูปแบบพิสดารประหลาด คือการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดีขึ้นในสถานใดมิทราบ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมิได้บังเกิดความภาคภูมิใจในตราพระเกี้ยวแต่ดั่งเดิมที่ทรงคุณค่า และทรงความงามตามแบบศิลปะไทย กระนั้นหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี