ตลอดระยะเวลา 1 เดือนเศษที่ผ่านมาหลายคนคงไม่อยากเชื่อว่า “พรรคก้าวไกล” จะมีอนาคตเช่นนี้ ชะตากรรมที่แตกต่างไปจากโมเดล ปาร์ตี้ที่ชื่อ “อนาคตใหม่” พรรคการเมืองที่สร้างปรากฏการณ์เหลือเชื่อกับการเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคการเมืองเกิดใหม่และผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ด้อยประสบการณ์ทางการเมือง แต่การเลือกตั้งครั้งแรก พรรคอนาคตใหม่ได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนจำนวนกว่า 6,330,617 เสียง มีเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 85 ที่นั่ง มากกว่าพรรคการเมืองเก่าแก่อย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่มีอายุ 71 ปีในวันเลือกตั้ง
พรรคอนาคตใหม่แพ้ภัยตัวเองผิดพลาดจากการตีความบทบัญญัติของกฎหมายจนเกิดนิติกรรมอำพราง นำไปสู่คำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่กับข้อร้องเรียนการกู้ยืมเงิน ซึ่งมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น ตามมาตรา 66 เมื่อการรับบริจาคดังกล่าวต้องห้ามตามมาตรา 66 จึงเป็นการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นอันรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 72 จึงเป็นการกระทำการฝ่าฝืนมาตรา 72 อันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 วรรคสอง
กลุ่มผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคยังคงอุดมการณ์เหนียวแน่นมั่นคง พร้อมใจกันย้ายเข้า “พรรคก้าวไกล” เพื่อสานต่อภารกิจความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เจริญก้าวไกลของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบ
พรรคก้าวไกลมีบทบาทสำคัญสูงในฐานะพรรคฝ่ายค้านที่ดำเนินภารกิจอย่างเข้มแข็งโดยเฉพาะการตรากฎหมายใหม่ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมไทยมากกว่าแกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่าง “พรรคเพื่อไทย” ด้วยซ้ำ
เป็นที่คาดหมายว่า ในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ซึ่งมีกำหนดไว้ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 นั้น พรรคก้าวไกลจะสร้างปรากฏการณ์ล้มยักษ์พังบ้านใหญ่ในพื้นที่เลือกตั้งกว่า 30 ที่นั่ง
การประกาศลาออกของ “คริส โปตระนันทน์” อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ที่ทนอาการ “มงกุฎดอกส้ม” ของพรรคไม่ไหว พร้อมแฉระบบการบริหารพรรคแบบ “โปลิตบูโร” มีเจ้าของบริษัทคุม ถือหางพวกจงรักภักดี โดยเฉพาะการวิพากษ์ตำหนิติติง “หัวหน้าพรรคก้าวไกล “ทิม-พิธาลิ้มเจริญรัตน์” ที่ยึดติด “ลัทธิบูชาผู้นำ-โปลิตบูโร”มองคนวิจารณ์เป็นศัตรูสั่นคลอนรากฐานพรรครวมไปถึงชัยชนะในสนามเลือกตั้ง
ทว่ากาลผ่านไปกระแสนิยมพรรคก้าวไกลก็ยกระดับมากขึ้น นโยบายพรรคได้รับการตอบรับมากขึ้นยกเว้นกระแสยกเลิกมาตรา 112 และดูคล้ายกับว่า พรรคก้าวไกล มีสง่าราศีมากกว่าแกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่าง “พรรคเพื่อไทย” ด้วยซ้ำหลังถูก “รังสิมันตร์ โรม” สาดกระสุนกลุ่มทุนเทา “ตู้ห่าว-หยู ซินฉี” ใส่ “ลุงตู่” หลายนัดแต่ “ลุงตู่” ได้รับบาดเจ็บแค่รอยกระสุนถากที่เอว ขณะที่ “พรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร”ถูกกระสุนพุ่งตรงเข้ากลางหลัง จนเกิดวรรคทอง “ขายบ้านแถมสัญชาติ”
ที่สุดระเบิดเวลาลูกสุดท้ายก่อนลงสนามรบเลือกตั้งก็ระเบิดขึ้นด้วยพฤติกรรม “สาวไส้ให้กากิน”จนรู้เช่นเห็นชาติไส้ในพรรคก้าวไกลคฤหาสน์การเมืองที่ไม่ได้สวยงามอย่างภาพที่สังคมไทยมองจากภายนอก
ราว “บทประพันธ์เรื่องมงกุฎดอกส้มของถ่ายเถา สุจริตกุล”
จับตามองอย่ากะพริบก่อนเข้าคูหากากบาทเลือกตั้ง และหลังปิดหีบเลือกตั้ง
จะพบสัจธรรมที่ว่า ท้ายสุดไม่มีใครช่วยทิม-พิธา เสาะแสวงหาสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต
ไม่มีใครได้ยินคำพร่ำวอนของทิม-พิธาที่ย่ำเดินมากกว่า 5 หมื่นกิโลเพื่อเปลี่ยนประเทศให้ก้าวไกล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี