“บุคคลแนวหน้า ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ขยายโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ย่อโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมไทยเท่าทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี ที่ล่องลอยหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้นอย่างเท่าเทียม” เริ่มทำความจริงเรื่องแรกกรณีเสียงสำรอกสำรากโหยหวนของสัมภเวสีหน้าเหลี่ยมผ่านสื่อญี่ปุ่น “สำนักข่าวเกียวโต” จะเดินทางกลับประเทศไทยเข้ารับกรรมที่ก่อตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 8 คดี 12 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีทุจริตคอร์รัปชั่น...
nn บทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์สำนักข่าวเกียวโตคือ “คำมุสา” ที่ไม่สำนึกการกระทำ ที่ไม่เคย “ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบาป”ที่ก่อไว้กับสังคมไทยเลย ไม่สำนึกแล้วยังโทษปี่โทษกลองไปยังระบบการเมืองทั้งๆ ที่ตัวเองเป็น “ศาสดาระบอบทักษิณ” ที่กัดกินแซะแทะบ้านเมืองจนผุกร่อน โทษไปยังกระบวนการยุติธรรมว่าเอนเอียงเมื่อตัวเองเสียประโยชน์ แต่กลับจะชื่นชมบ้างนิ่งเฉยบ้างในยามที่คำพิพากษานั้นเป็นคุณแก่ตน เวลาผ่านไป 16 ปี ไม่มีท่าทีที่ “ทักษิณ” จะกล้าหาญรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองได้สั่งการจนมีข้าราชการประจำบ้าง เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการทุจริต นักการเมืองพ่อค้า นักธุรกิจ หลายคนที่ต้องอยู่ในเรือนจำเพราะไม่ได้หัวซุกหัวซุนอย่างที่นายทักษิณกระทำด้วยความขี้ขลาด...“เลิก !?!?!โยนความผิดให้คนอื่น”...หากเราไม่รับผิดชอบ สิ่งที่เกิดกับตัวเองด้วยตัวเอง ใครจะต้องเป็นคนรับผิดชอบแล้วใครคนนั้นจะมารับผิดชอบให้เรา” ด้วยความจริงใจหรือจำเป็นเล่า คิดได้บ้างไหมเรื่องเช่นนี้อย่าเก่งแต่ออกนโยบายลักษณะทุจริตเชิงนโยบายคิดเรื่องบาปบุญคุณโทษเรื่องกรรมเรื่องความดีคนดีบ้าง น่าจะเกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ...
nn ประเด็น “ทักษิณ” กลับมารับโทษทัณฑ์ตามกระบวนการยุติธรรมน่าจะเป็นซีรี่ส์ที่สังคมไทยต้องติดตามอย่างกระชั้น จะเผลอเรอให้ “สัมภเวสีหลอก สนตะพาย” เพื่อตัวเขาเองอีกไม่ได้ การสำรอกสำรากว่ายินดีที่จะกลับมารับโทษตามกบิลเมืองถ้าเข้ามาก่อนการเลือกตั้งสมควรอโหสิกรรมในเรื่องราวที่ผ่านมา และปรบมือยกย่องจิตใจที่กล้าหาญสมค่าความเป็น “ศิษย์จักรดาว” แต่หากกลับหลังการเลือกตั้ง นั่นคือการฉกฉวยอำนาจรัฐปกป้องตนเองให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมอีกครั้ง ต้องไม่ลืมว่าเมื่อปี 2561 กระทรวงยุติธรรมภายใต้เสนาบดีที่ชื่อ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ได้เสนอกฎหมายฉบับหนึ่งชื่อ “พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560” ให้สภาผู้แทนประทับตราเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้ในมาตรา 4 บัญญัติว่า “เจ้าพนักงานเรือนจำหมายความถึงผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมประกาศและกำหนด และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้แต่งตั้งเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้”...
nn มาตรา 24 กำหนดให้เจ้าพนักงานเรือนจำอาจปล่อยผู้ต้องขังไปชั่วคราว หากมีเหตุฉุกเฉินอันอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของผู้ต้องขัง แต่ให้กลับมารายงานตัวที่เรือนจำที่ที่ทำการอำเภอที่สถานีตำรวจภายใน 24 ชั่วโมง นับจากการปล่อยตัว และต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่นั้นๆ มาตรา 27 บัญญัติให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการราชทัณฑ์ ที่แต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีอำนาจกำหนดอาณาบริเวณภายนอกรอบเรือนจำ ซึ่งเป็นที่สาธารณะเป็นเขตปลอดภัยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา...
nn มาตรา 33 บัญญัติให้ การกำหนดอาณาเขตในสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำ ให้เป็นสถานที่คุมขังเพื่อดำเนินกิจการตามภารกิจของกรมราชทัณฑ์ ให้สามารถทำได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ที่มีประกาศออกมาและมีผลบังคับใช้แล้วนั่นอาจหมายรวมได้ว่ามินิซีรี่ส์ “กลับบ้านติดคุก” ก็ บทละครตอแหลสังคมไทยอีกกระทอก ที่ผู้ต้องหาตามคำพิพากษาอาจไม่ต้องอยู่ในเรือนจำเลยสักวันแต่อาจไปอยู่ยังสถานคุมขังที่โอ่โถง พรั่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยอาศัยอำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่ถูกตั้งขึ้นโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์พ.ศ.2560 เสมือน “ทักษิณ” ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ... ตัวแรกปลุกผี“แลนด์สไลด์” ที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้สำรอกสำรากสนตะพายติ่งสัมภเวสีเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลอย่างถล่มทลายแบบไม่พ่วงพรรคการเมืองอื่นๆ ในซีกเดียวกัน ถ้าสำเร็จจัดตั้งรัฐบาลก็กลับประเทศอย่างที่สำรอกไว้ ให้นักการเมืองในคอกนั่งเก้าอี้รัฐมนตรียุติธรรมอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ผลักล้มบนฟูกเพื่อสมประโยชน์ตัวที่สอง “ล้างมลทินกับคำพิพากษาคดีทุจริตคอร์รัปชั่น” สามารถกลับมาโลดแล่นเป็นเจ้าของคอกสุนัขอีกครั้งโดยไม่ต้องใช้นอมินีให้ละเหี่ยใจ...
nn “สังคมไทย” คงคลายสงสัยทำไมเสียงเห่าหอนโหยหวนข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นจึงมาดังในประเทศไทยช่วงโค้งท้ายๆของการหาเสียงเลือกตั้งทั้งที่สมควรจะเกิดขึ้นในช่วงหลังการเลือกตั้งพฤษภาคม 2566 และทำไม “บุรุษไร้สามัญสำนึก” บางคนถึงได้รับการต้อนรับกลับสู่ ครอบครัว “เพื่อไทย...บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม”อย่างอบอุ่นหน้าชื่นตาบานเยี่ยงนั้น...
nn เหตุกลุ่ม “ศิลปินปลดแอก” ที่ต้องการให้ยกเลิก “ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112” ใช้สีสเปรย์ดำพ่นกำแพงวัดพรศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง ต่อต้าน “มาตรา 112” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเมื่อเย็นค่ำวันอังคารที่ 28 มีนาคม 2566 แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตะครุบตัวได้ทันควัน เรื่องอย่างนี้ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้นเสียงกิจกรรมต่อต้าน,แก้ไข มาตรา 112 ทั้งในสภาและนอกสภา, ตี๋ทอน-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้เคลื่อนไหวแก้ไขต่อต้านมาตรา 112 และป้าเจี๊ยบเตี้ยหลังม็อบ-อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่เคยเสนอหน้าการันตีประกันตัวสมาชิกในกลุ่มเหล่านี้ที่บังอาจก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง จะออกหน้ารับผิดชอบเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่อย่างไร จะเคลื่อนไหวอย่างครั้งหมุดคณะราษฎร์หาย หรือแกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เท่านั้น จะได้ไม่กระทบต่อคะแนนนิยมการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่เกิน 50 วันข้างหน้า สันดานเยี่ยงนี้สมควรเรียกอย่างไรจึงจะสาสมเหมาะสม...
nn ทิ้งท้าย ฉบับนี้ ด้วยข้อความที่น่าคิดน่าติดตามน่าสนใจมาก จากปาก “ตือโป๊ยก่าย-วิโรจน์ ลักขณาอดิศรอดีตสส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” ประดิษฐ์วรรคทองผ่านรายการ “เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ” ของ “น้องคณะเรา 57–สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า “ผมคิดว่าก้าวไกลคือก้าวไกล ณ วันนี้ คิดว่าคนที่สนับสนุนก้าวไกลคือคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงจากปี’66 ไปสู่อนาคตข้างหน้า ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงไปสู่ปี’44” ฟาดกบาลนักการเมืองเสียชาติเกิดนักเลือกตั้งชังชาติหรือสัมภเวสีตัวไหนหนองานนี้...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี