ไม่มีอะไรพลิกล็อค มติของแพทยสภาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนเมื่อวานนี้ ตีตก“วีโต้”ของนายสมศักดิ์เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา ด้วยเสียงท่วมท้นเกินกว่า 47 เสียง หรือเกินกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภาที่มีอยู่ทั้งหมด 70 เสียง
ถือว่า เป็นการรักษาเกียรติภูมิและเกียรติยศศักดิ์ศรีของแพทยสภา ที่ไม่ยอมให้อำนาจการเมือง และอำนาจอธรรมใดๆ เข้าไปแทรกแซงครอบงำได้
จากการแถลงของ ศ.เกียรติคุณ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ได้กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนวานนี้ว่า “วันนี้มีคณะกรรมการเข้าร่วม 69 คนแต่มีคณะกรรมการที่มีสิทธิ์ลงคะแนน 68 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ โดยมีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป”
นอกจากนี้ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ยังกล่าวด้วยว่า 'สิ่งสำคัญ ผมพูดไปตั้งแต่การพิจารณาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ว่าการพิจารณาวาระนี้ แพทยสภาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ ว่าใครหรือผู้ป่วยเป็นใคร เราพิจารณาตามหลักการ หลักวิชาการ และปลอดจากปัจจัยรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเราเข้าใจความถูกต้อง เราเข้าใจบทบาทหน้าที่เหมือนกัน'
สำหรับการเข้าร่วมประชุมของกรรมการแพทยสภา 69 คน จากจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ 70 คนนั้น กรรมการ 1 คนที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมและไม่ส่งใครเข้าประชุมแทน คือ นพ.โอภาสการย์ กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าติดภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนการลงคะแนนเสียงโหวตในที่ประชุม ที่มีเพียง 68 คนจากผู้เข้าร่วมประชุม 69 คน ก็เพราะ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ที่เป็นกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวโทษ จึงไม่ได้ร่วมลงมติ
โดยผลการลงมติแพทย์ 3 คนที่ถูกลงโทษ ตามข่าวที่ปรากฏนั้น คนแรก พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งถูกลงโทษตักเตือน มีการลงคะแนนยืนมติเดิม 67 คน และไม่ออกเสียง 1 คน
คนที่สอง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งถูกลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นเวลา 3 เดือน มีการลงคะแนนยืนมติเดิม 64 คน เห็นด้วยกับการวีโต้ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน 2 คน และไม่ออกเสียง 2 คน
และคนที่สาม พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งถูกลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นเวลา 6 เดือน มีการลงคะแนนยืนมติเดิม 65 คน เห็นด้วยกับการวีโต้ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน 1 คน และไม่ออกเสียง 2 คน
ทั้งนี้ ตามมาตรา 41 พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 หมวด 5 เกี่ยวกับ“การควบคุมการประกอบวิชาชีพเวชกรรม” บัญญัติไว้ว่า“ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ให้ถือว่า มิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามพระราชบัญญัตินี้ นับแต่วันที่คณะกรรมการสั่งพักใช้ใบอนุญาตนั้น”
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่แพทย์ทั้ง 3คนซึ่งถูกลงโทษ ถ้าไม่ยอมรับในมติของแพทยสภา ก็สามารถยื่นอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 วัน ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 อันจะทำให้มติแพทยสภายังไม่มีผลใช้บังคับเด็ดขาดในทางกฎหมาย และกว่าคดีจะถึงที่สุดก็คงอีกนานพอสมควร เพราะต้องผ่านศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด
ก็เป็นอันว่าเมื่อวานนี้ กรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14” ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่มีผลทำให้ใครต่อใครที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยมิชอบ ต้องรับผลกรรมไปตามๆ กัน โดยที่แพทยสภายืนมติเดิม และทำให้การ“วีโต้”ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่อุตส่าห์“เสนอหน้า”เข้าไปเข้าร่วมประชุมชี้แจงด้วยตนเองเป็นเวลา 15 นาที ต้องตกไป แต่วันนี้ 13 มิถุนายนก็ยังมีประเด็นให้ต้องจับตาต่อ
จับตาว่า ศาลฎีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำวินิจฉัยหรือมีคำสั่งออกมาอย่างไร ในการไต่สวนนัดแรก“คดีป่วยทิพย์-ชั้น14” จากการที่ศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ให้อัยการสูงสุดและป.ป.ช.ในฐานะโจทก์ และจำเลย คือ อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณชินวัตร ชี้แจงข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาของศาล ว่าการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลย เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลหรือไม่ อย่างไร ภายในวัน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งศาล
พร้อมกันนี้ นอกเหนือจากโจทก์และจำเลยแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ยังสั่งให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ด้วยเช่นกัน
และข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนวานนี้ ทางฝ่ายโจทก์ คือ อัยการสูงสุดและป.ป.ช.ได้จัดส่งคำแถลงและคำชี้แจง พร้อมเอกสารประกอบ ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเรียบร้อยแล้ว
มีแต่คำชี้แจงของจำเลย คือ“ทักษิณ ชินวัตร”เท่านั้น ที่ยังไม่ได้ยื่น โดยนายวิญญัติชาติมนตรี ทนายความของ“ทักษิณ”เปิดเผยว่า ได้ยื่นคำขอขยายเวลาส่งเอกสารคำชี้แจงต่อศาลออกไปก่อน 30 วัน ซึ่งศาลได้กำหนดกรอบเวลาเป็นภายในวันที่ 23 มิถุนายนนี้
แต่ที่แน่ๆ ในวันที่ 13 มิถุนายนวันนี้ตามที่ศาลนัด “ทักษิณ ชินวัตร”ซึ่งเป็นจำเลย จะไม่ไปศาล โดยมอบหมายให้นายวิญญัติชาติมนตรี ไปแทน เพราะใครก็รู้ว่า ถ้า“ทักษิณ”ไปเอง หากศาลฎีกาแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกิดวินิจฉัยคดีนัดนี้เลย และสั่งให้คุมตัว“ทักษิณ”เข้าคุก ก็เป็นอันว่าจบเห่ “ทักษิณ”ต้องเดินคอตกเข้าคุกสถานเดียว หมดสิทธิ์ที่จะเผ่นหนีได้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนวานนี้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ซึ่งถูกการ์ตูนนิสต์เขียนภาพล้อเลียนเป็นรูปสุนัขมีปลอกคอ กำลังเลียเท้าเจ้านาย และมิหนำซ้ำยังถูกประชาชนโห่ไล่ หลังจากเข้าไปชี้แจงเหตุผลในการใช้อำนาจ“วีโต้”ต่อที่ประชุมแพทยสภา ถึงขนาดว่ามีประชาชนยกรองเท้าขึ้นมาจะปาใส่, ต้องพบกับความพ่ายแพ้ โดยนายสมศักดิ์ไม่สามารถพิทักษ์ปกป้องแพทย์ 3 คน ที่มีส่วนเอื้อประโยชน์ให้“ทักษิณ ชินวัตร”ไม่ต้องติดคุก จากการที่แพทยสภายืนมติเดิม และมตินี้ก็จะผูกพันไปถึงการ“ป่วยทิพย์”ของ“ทักษิณ” เกี่ยวกับ“ขบวนการโกหก”ในการบังคับโทษจำคุก“ทักษิณ” ว่าไม่เป็นไปตามหมายจำคุกอีกด้วย
ในวันนี้ต้องติดตามข่าวกันต่อ ว่าชะตากรรมของ“ทักษิณชินวัตร”ผู้เป็น“นายใหญ่”เจ้าของคอกเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี