แรกๆ ก็เห็นยืนอยู่ตามตะเข็บประเทศซีกเดียวกัน พอปี่กลองเชิดให้ออกศึกในสนามเลือกตั้ง กลับกลายเป็นว่าคนที่ยืนซีกเดียวกันสำรอกสำรากประชาธิปไตยในนิยามที่แตกต่างกันกลับหันมาชกหน้ากันอย่างไม่ยั้งคิด ไม่มีสติเสียอย่างนั้น
ข้อเท็จจริงที่พึงสดับเบื้องต้น หากไม่ย้อนหลังไปเมื่อครั้ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ขึ้นศาลรัฐธรรมนูญกรณีถูกร้องกระทำนิติกรรมอำพรางเงินกู้ 2 ฉบับมูลค่า 191 ล้านบาทที่นายธนาธรหัวหน้าพรรคให้พรรคอนาคตใหม่กู้อันเป็นความผิดตามมาตรา 66 ของกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งการเข้าให้ปากคำแก้ต่างหน้าบัลลังก์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ “ธนาธร”ตอกย้ำว่าไม่ได้เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร”ก่อนจะออกมาขอโทษในภายหลัง
จนมาถึงช่วงเวลาที่สนามเลือกตั้งเริ่มแง้มประตู “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ฉวยจังหวะตามถนัดออกมาแบ่งแยกพรรคการเมืองประชาธิปไตยว่า ถ้าของแท้เหมาะสมถูกต้อง คือเพื่อไทย ส่วนก้าวไกลเป็นประชาธิปไตยแบบเอ็กซสตรีม
มาวันนี้สังคมไทยและกลุ่มคนรุ่นใหม่วิพากษ์พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยต่อประเด็น “ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112” มีลักษณะ“สู้ไปกราบไป” ต่อด้วยเสียงวิจารณ์การตกปลาในอ่างเพื่อน กรณีซื้อบ้านใหญ่เข้าพรรคเพื่อหวังชนะการเลือกตั้ง
“พรรค!?!?!นี้ไปซื้อบ้านใหญ่ ตระกูลบ้านใหญ่นี้จังหวัดนี้ จะไปอยู่พรรคไหน กระโดดกันไปมา ดูถูกประชาชนมาก เหมือนไม่มีอุดมการณ์อะไรเลย เหลือเชื่อมากๆ นี่มันเป็นความล้มเหลวทางสามัญสำนึกเลย คุณจะไม่เห็นพรรคก้าวไกลไปอยู่ในสนามแบบนั้น”
พรรคนี้มันพรรคไหนหว่าหน้าตาเหมือนมนุษย์ปกติไหม แค่นั้นเกิดการสนทนาสนุกปากแบบฉกฉวยอย่างว่าในสื่อโซเชียลของ “กลุ่มแคร์ คิด เปลี่ยน” ว่า “ผมงงมาก ธนาธรยังโจมตีเพื่อไทย ที่คนบอกว่าก้าวไกลเหมือนประชาธิปัตย์ ก็จะชักจะเหมือนขึ้นทุกวัน”
เป็นความจริงในระบอบทักษิณที่ ห้ามทุกพรรคการเมืองทำตัวมาตรฐานสูงกว่าพรรคเพื่อไทย
อีกประเด็นที่สัมภเวสีแดนไกล “โทนี่วู้ดซัม” ศาสดาระบอบทักษิณวิจารณ์ผู้นำยูเครนว่ายูเครนน่ะซวยเพราะว่าอยู่ๆ ได้ประธานาธิบดีซึ่งมาจากตัวตลกถูกสร้างให้เป็นพระเอกชั้นนำ เลยเป็นพระเอกสนุกไปหน่อยจนบ้านเมืองพัง
“ทักษิณ” กำลังจะบอกว่า “Put the right man on the right job เลือกคนอย่างไรให้เหมาะกับงาน” ใช่หรือไม่ ที่ผ่านมาระบอบทักษิณได้ทำเยี่ยงนี้หรือไม่ โดยเฉพาะการนำคุณแม่ครรภ์ 8 เดือนมาถือธงเพื่อนำพ่อตัวเองกลับบ้านโดยไม่สนใจสุขภาพเด็กในท้อง แม่เหนื่อยแม่เครียดจะมีผลต่อเด็กในครรภ์ไม่ใช่หรือ
“เศรษฐา ทวีสิน” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจ “บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)” ก็แค่องค์กรหนึ่งแต่ประเทศไม่ใช่บริษัทไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว
มันเป็นเรื่องที่สองคนยลตามช่องอย่างมีนัย เพราะทั้งสองคือเจ้าของพรรคที่ต้องลงสนามประชันวาทกรรมในลักษณะ “ไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่” ยังไงยังงั้น
“ความจริงมันเจ็บปวดยิ่งกว่าคำด่า เพราะความจริงคือความจริงที่ไม่สามารถหาคำมาแก้ตัวได้”
หัดตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาหัวตัวเองบ้างเถิดนักธนกิจการเมืองทั้งหลาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี