วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การประชุมสภาสมัยวิสามัญที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ อาจเป็นหนึ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อที่ประชุมกำลังพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งแม้จะใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวังว่าเป็นเพียง “การแก้ไข” แต่ในทางการเมืองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่กำลังผลักดันอยู่คือ การเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ ภายใต้แรงผลักดันอย่างเข้มข้นจาก พรรคประชาชน ที่เดินเกมนี้มาอย่างยาวนานและเป็นระบบ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบลอยๆ แต่มีรากฐานจากดีลทางการเมืองชัดเจน ในช่วงจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาชนตั้งเงื่อนไขว่า หากต้องการเสียงโหวตเพื่อให้ “นายอนุทิน” ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี บุคคลผู้นั้นต้องให้คำมั่นสัญญาอย่างไม่คลุมเครือว่า จะเปิดประตูให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งท้ายที่สุดเงื่อนไขดังกล่าวก็ได้รับการตอบรับแบบจำยอมเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นไม่มีตัวเลือกมากนัก และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เราเห็นการขับเคลื่อนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนมาถึงการพิจารณาในสภาวันนี้
คำถามคือ-การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่จะพาประเทศไทยไปสู่จุดที่ดีขึ้นจริงหรือ?
หรือเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ที่เราเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้วถึง 20 ฉบับ มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก แต่ถึงเราจะ “เปลี่ยนรัฐธรรมนูญ” มาหลายสิบครั้ง สังคมไทยก็ยังติดอยู่ในวงจรความขัดแย้งเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ และวิกฤตความเชื่อมั่นที่ไม่เคยเสถียรอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาที่ค้างคาและรุนแรงขึ้นตามกาลเวลาก็ยังเหมือนจะยืนยันว่า “รัฐธรรมนูญใหม่” ไม่เคยเป็นยาแก้โรคเรื้อรังของสังคมไทยได้จริง ทั้ง การทุจริตคอร์รัปชั่นที่ไม่ลดลงแต่ทวีความซับซ้อนขึ้น การใช้ช่องโหว่กฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ความไม่โปร่งใสในระบบราชการ และการแทรกแซงผลประโยชน์ทางอำนาจที่ฝังรากลึกเหมือนดินโคลนใต้ทะเลที่ยากขุดออก
ดังนั้น เมื่อพรรคประชาชนประกาศอย่างหนักแน่นว่า “ต้องรื้อและเขียนใหม่ทั้งฉบับ” คำถามใหญ่จึงผุดขึ้นมาโดยสัญชาตญาณว่า ปัญหาของประเทศไทยอยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญจริงๆ หรือไม่?
หรือที่จริงแล้วปัญหาอยู่ที่ “ผู้ปฏิบัติ” มากกว่า“ตัวบทกฎหมาย”?
รัฐธรรมนูญที่ดีอาจช่วยออกแบบสถาบันการเมืองให้เข้มแข็งขึ้น อาจเพิ่มกลไกตรวจสอบที่คมชัดขึ้นอาจสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนได้กว้างขวางขึ้น และอาจปิดช่องว่างของการสืบทอดอำนาจในรูปแบบต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นจุดที่หลายฝ่ายเห็นด้วยว่าควรได้รับการปฏิรูปอย่างจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้น รัฐธรรมนูญใหม่ก็ไม่อาจทำงานได้เองหากผู้เล่นในระบบยังยึดติดกับวัฒนธรรมการเมืองแบบเก่า ที่อำนาจมาก่อนความรับผิดชอบ และผลประโยชน์มาก่อนหลักการ
ความจริงอันขมขื่นคือ-แม้จะมีรัฐธรรมนูญใหม่กี่ฉบับก็ตาม หากผู้คนในระบบยังคิดแบบเดิม ประพฤติแบบเดิม และไม่ยอมรับหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทุกตัวบทในรัฐธรรมนูญย่อมเป็นเพียง “หมึกบนกระดาษ” ที่ไม่มีชีวิต ไม่มีพลัง และไม่มีวันสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง
ดังนั้น การร่างรัฐธรรมนูญใหม่จึงเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น”ไม่ใช่ “คำตอบสุดท้าย”
สิ่งที่ประเทศต้องการควบคู่กันคือการปรับวัฒนธรรมทางการเมือง การยกระดับจริยธรรมทางอำนาจ การเพิ่มความโปร่งใสเชิงสถาบัน และการทำให้กลไกตรวจสอบมีเขี้ยวเล็บเพียงพอจะกัดผู้มีอำนาจได้จริง ไม่ใช่ระบบที่ออกแบบมาให้ตรวจสอบใครก็ได้-ยกเว้นคนที่อยู่บนยอดพีระมิดของอำนาจ
และนี่คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายในสภาต้องเผชิญ เมื่อพวกเขาหยิบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมาพิจารณาในสมัยวิสามัญครั้งนี้ หากใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างระบบการเมืองที่เข้มแข็ง โปร่งใส และเป็นธรรมจริง นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของประชาธิปไตยไทย
แต่หากเป็นเพียงเกมอำนาจที่อำพรางด้วยวาทกรรม “ปฏิรูปกฎหมายสูงสุด” ประเทศไทยก็อาจกำลังเผชิญรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21-22-23 ในอนาคต โดยที่สังคมก็ยังวนอยู่ในหลุมเดิมไม่ต่างจากวันนี้
ท้ายที่สุด คำถามสำคัญที่เราทุกคนควรถามก็คือ-
เราอยากเปลี่ยนกฎหมาย หรืออยากเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเมืองกันแน่?
เพราะการเปลี่ยนกระดาษหนึ่งฉบับอาจง่ายดาย
แต่การเปลี่ยนคนในระบบคือบททดสอบที่ยากที่สุดของประชาธิปไตยไทยเสมอมา

'เลขาอาชีวะ'นำทัพ'Fix It-จิตอาสา' ฟื้นฟู'อยุธยา'หลังน้ำลด
'พ.อ.กิตติพงษ์'เดือด! ซัดพวกวิจารณ์กองทัพ ไม่เคยเหยียบสนามจริง อย่าริเป็นกูรู
'ในหลวง' ทรงรับ 'พลทหาร เทิดศักดิ์' ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พร้อมพระราชทานน้ำหลวง-เพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
'เงือกเนย'ลุ้นสุดใจ!คว้าทองผีเสื้อ200ม.ซีเกมส์
ประวัติศาสตร์!ขี่ม้าโปโลไทยคว้าทองแรกซีเกมส์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี