วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กรณีที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแถลงผลปฏิบัติการยึดและอายัดทรัพย์ครั้งใหญ่ขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ จำนวน 4 คน ทั้ง เฉิน จื้อ - ก๊ก อาน-เครือข่าย เบน สมิธ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นผลงานความคืบหน้าสำคัญในการถอนรากถอนโคนสแกมเมอร์ข้ามชาติ
แต่จังหวะการปล่อยภาพร่วมเฟรมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล กับ เบน สมิธ อย่างทันทีทันควัน ภายหลังการแถลงผลปฏิบัติการยึด-อายัดทรัพย์ครั้งนี้ ก็เป็นความเคลื่อนไหวสำคัญทางการเมืองเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นปีหน้า เนื่องจากประเด็นนี้ก็ถูกตีความว่านี่คือเจตนาการดิสเครดิตทางการเมือง
ปฏิบัติการใช้ภาพเก่าเขย่ารัฐบาลดังกล่าว เป้าหมายไม่ได้มุ่งเล่นงานแค่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่คาบลูกคาบดอกไปถึงนายเอกนิตินิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งถูกพรรคภูมิใจไทยวางตัวให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย
ประเด็นนี้ กำลังถูกฝ่ายตรงข้าม ขยายผลอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อตัดคะแนนนิยมทางการเมือง และคงจะไม่จบง่ายๆ จนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง แต่ดูเหมือนว่านายอนุทินไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกกับกระแสที่ถูกปั่นโจมตี ทั้งยังใช้เป็นโอกาสในการแถลงผลงานว่า มีรัฐบาลไหนกล้าที่จะอายัดเงินและทรัพย์สินนับหมื่นล้าน หรือมีใครกล้าประกาศรายชื่อแบบนี้หรือไม่
ถามว่า ปฏิบัติการทลายสแกมเมอร์ข้ามชาติ เป็นผลงานของใคร อาจจะตอบยากเนื่องจากเป็นผลมาจากแรงบีบหลายๆ ด้าน ทั้งต่างประเทศ ฝ่ายการเมือง และภาคสังคมในประเทศ ซึ่งต้องชื่นชมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการส่งผ่านข้อมูล และหลักฐานสำคัญจนนำมาซึ่งผลสำเร็จในปฏิบัติการอายัด-ยึดทรัพย์ครั้งใหญ่
อย่างน้อยๆ ผลงานครั้งนี้ จะช่วยคลายแรงกดดันจากนานาชาติลงได้ในระดับหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเองก็ถูกจับตาอาจเป็นแหล่งฟอกเงินของกลุ่มสแกมเมอร์ หรือเป็นทางผ่านของเครือข่ายอาชญากรรมสีเทาเหล่านี้ โดยเฉพาะความเชื่อมโยงถึงนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจในไทย ทำให้การปราบปรามที่ผ่านมาจึงไม่เข้มข้นพอ
ปัญหาสแกมเมอร์เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ และเป็นหนึ่งในความคาดหวังสูงของสังคมว่า รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นภายในประเทศ และนานาชาติ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เคยประกาศเป็นวาระของโลกไปแล้ว
“ผมนี่เหรอไม่กล้าแตะ You know me little go คุณรู้จักผมน้อยไป” คือคำตอบของนายอนุทิน หลังฝ่ายค้านตั้งคำถามว่าไม่กล้าแตะเรื่องนี้ เพราะมีภาพถ่ายร่วมกับเบน สมิธ ดังนั้นเมื่อภาพเก่าๆ อายุ 10 ปี ถูกปล่อยออกมาให้ตีความไปไกลถึงความเชื่อมโยง สิ่งที่นายกรัฐมนตรี ควรทำจากนี้ไปคือ ต้องปากว่ามือถึง รุกให้หนัก จัดการให้สิ้นซาก เพื่อพิสูจน์คำว่า “คุณรู้จักผมน้อยไป” จะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน

ทัพภาค 2 ย้ำ!!! งดเผยแพร่ภาพ'ข้อมูลการปฏิบัติการทางทหาร'
‘ชายแดน’ตึงเครียด!‘ทภ.2’พบ‘เขมร’พร้อมรบขั้นสูงสุด 4 พื้นที่ระอุ จ่อใช้ BM-21 ตรงข้ามกันทรลักษ์
อุณหภูมิลด 1-3 องศา 'ไทยตอนบน-ภาคใต้ตอนบน'อากาศเย็นลง
‘เขมร’เหิม! เปิดฉากยิงพื้นที่‘ช่องอานม้า’ กองทัพภาคที่ 2 ระบุสถานการณ์รบติดพัน
เรียกถกด่วนฝ่ายมั่นคง! นายกฯปรับแผนลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี