ต้นเดือนหน้า เปิดสมัยประชุม รัฐบาลเพื่อไทยเตรียมผลักดันกฎหมายเปิดกาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ต่อไป
แต่ปรากฏว่า เมื่อวานนี้ (12 มิถุนายน 2568) เครือข่ายภาคประชาสังคมกว่า 100 คน พร้อมขบวนไรเดอร์ นำรายชื่อ 53,900 คน ไปส่งที่ กกต. เพื่อยื่นขอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบจัดทำประชามติ “เอา-ไม่เอากาสิโน” ตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ
งานนี้ ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยยังหลับหูหลับตาดันต่อไป โดยไม่รับฟังเสียงคัดค้านของประชาชน ก็จะถูกตราหน้าเป็นรัฐบาลทรราชที่มุ่งเอาแต่ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนกาสิโนไปทันที
1. นางสาวกรกนก มากบุญ ผู้ประสานงานการลงรายมือชื่อเพื่อประชามติ เปิดเผยว่า “ภาคประชาชนใช้เวลารวม 120 วัน ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤษภาคม กว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ตามข้อกำหนดของพ.ร.บ.ว่าด้วยออกเสียงประชามติ ขั้นตอนต่อจากนี้ กกต.จะตรวจความครบถ้วนของรายชื่อทั้งหมดให้เสร็จภายใน 30 วัน หากรายชื่อทั้งหมดครบถ้วน กกต.จะนำส่งรายชื่อทั้งหมดต่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเท่ากับได้ส่งถึงมือรัฐบาล”
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุว่า “การจัดประชามติเพื่อให้ประชาชนเจ้าของประเทศเป็นผู้ตัดสินใจว่าเห็นชอบหรือไม่กับการจะเปิดให้มีกาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย จะเป็นผลดีต่อหลายฝ่าย
หนึ่ง ผลดีต่อรัฐบาล ด้วยนโยบายนี้ถูกติติงว่า มีความเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมายสำคัญหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี เพราะอาจจะขัดต่อแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว รวมทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงเสี่ยงต่อสถานะของรัฐบาลและพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทั้งหมดหากตัดสินใจเดินหน้าเรื่องนี้ ฉะนั้น หากมีการทำประชามติแล้วประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบกับนโยบายนี้ ก็เท่ากับรัฐบาลได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน
สอง ผลดีต่อนักลงทุน เช่นเดียวกับรัฐบาล หากมีการทำประชามติแล้วประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบกับการมีสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ก็จะทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าจะไม่ได้รับการต่อต้านจากมวลชนในพื้นที่ต่างๆ ในอนาคต จึงเป็นผลดีต่อบรรยากาศการลงทุน
สาม ผลดีต่อประชาชน การทำประชามติถือเป็นวิธีการลดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้มีความเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ เพราะเป็นการตัดสินของคนส่วนใหญ่อย่างชอบธรรม ผลการประชามติย่อมเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โอกาสจะเกิดความแตกแยกในสังคมจากนโยบายนี้จึงมีน้อย หากจะมีผลเสียบ้างก็คงเป็นเพียงการยืดระยะเวลาการตัดสินใจที่อาจจะทอดยาวไปอีกระยะ และการเสียงบประมาณในการจัดทำประชามติ แม้จะมีต้นทุนที่ต้องจ่ายแต่ก็มีความคุ้มค่า”
2. บทเรียนผลกระทบกาสิโนจากประสบการณ์นานาประเทศ
รองศาสตราจารย์ ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นำเสนอข้อมูลทางวิชาการต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร วุฒิสภา
ระบุว่า หลายคนคิดว่าการทำให้การพนันถูกกฎหมายจะช่วยลดการพนันผิดกฎหมาย แต่การศึกษาจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันชี้ชัดว่า การทำให้การพนันออนไลน์เป็นกิจกรรมถูกกฎหมายไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ที่จะทำให้การพนันผิดกฎหมายหมดไป การศึกษาในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาหรือสิงคโปร์ ก็ให้ผลเช่นเดียวกัน
การที่พนันผิดกฎหมายจะหายไปได้ ต้องมาจากการปราบปรามอย่างจริงจังเท่านั้น
กรณีฟิลิปปินส์ : เมื่อกำไรมหาศาลไม่ได้แปลว่าประโยชน์ต่อประเทศ
หากใครคิดว่ากาสิโนจะเป็นไก่ที่ออกไข่ทอง ฟิลิปปินส์ คือตัวอย่างที่น่าใส่ใจ ประเทศนี้เปิดให้การพนันถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 1976 ในสมัยอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส และพัฒนามาเป็นธุรกิจ Integrated Resort ที่ทำกำไรได้ถึง 2.1 แสนล้านบาทในปี 2567
แต่เบื้องหลังตัวเลขที่น่าตื่นเต้นนี้ กลับซ่อนความจริงที่น่าตกใจ รัฐเก็บภาษีได้เพียง 3-5% ของรายได้รวมเท่านั้น
เหตุผลคือรัฐบาลลดอัตราภาษีให้กับอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2013 ทำให้ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการแก้ไขปัญหาที่เกิดตามมา
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือประชาชนจำนวนมากติดการพนัน กลายเป็นแรงงานที่ไม่มีคุณภาพ และที่น่าสนใจคือลูกค้าหลักไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติตามที่หวังไว้ แต่เป็นคนฟิลิปปินส์เอง โดยเฉพาะ Integrated Resort ที่มีฐานลูกค้าเป็นคนวัยทำงานและเยาวชน
กรณีมาเก๊าและสหรัฐฯ : เมื่อภาษีสูงแต่ปัญหาก็ตามมา
มาเก๊าเป็นตัวอย่างของการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ โดยตั้งอัตราภาษีเฉลี่ยไว้ที่ 40% ของรายได้จากการพนัน ทำให้การจัดเก็บภาษีจากกาสิโนคิดเป็น 80% ของรายได้รวมของรัฐบาล
ขณะที่ Atlantic City ในสหรัฐอเมริกา ที่เกิดขึ้นในปี 1976 สามารถเก็บภาษีได้สูงถึง 80% ของภาษีอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในพื้นที่ แต่ปัญหาที่ตามมากลับไม่ใช่เรื่องเล่น
แม้จะทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อพัฒนาการศึกษาของเยาวชน แต่เยาวชนใน Atlantic City กลับมีอัตราการไม่จบการศึกษาที่สูงที่สุดเป็นลำดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา การศึกษาของกรมแรงงานรัฐ New Jersey พบว่า การจ้างงานของอุตสาหกรรมกาสิโนเป็นงาน “low skill” ที่ไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่ได้
ผลคือ Atlantic City มีประชากรที่อยู่ใต้เส้นความยากจนถึง 32.9% เทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งรัฐที่ต่ำกว่ามาก
บทเรียนจากญี่ปุ่น : เมื่อประชาชนพูด “ไม่”
ญี่ปุ่นเป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจ เริ่มต้นกำหนดจะมี Integrated Resort จำนวน 4 แห่งทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแห่งเดียวที่โอซาก้า
เหตุผลการถอนตัวมาจากหลายปัจจัย ประชาชนต่อต้านจำนวนมาก เช่น ในโยโกฮาม่า ที่มีแคมเปญ “No Casino in Yokohama” จนนายกเทศมนตรีที่สู้หาเสียงด้วยนโยบายต่อต้านกาสิโนได้รับเลือกและยกเลิกโครงการ
รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาตรการที่ค่อนข้างเข้มงวด รวมถึงการเก็บภาษีในระดับสูงและมาตรการป้องกันไม่ให้ชาวญี่ปุ่นติดการพนัน ผลที่ตามมาคือกลุ่มอุตสาหกรรม Integrated Resort เห็นว่าหากเข้มงวดขนาดนี้ ขอไปลงทุนในประเทศที่รัฐบาลไม่ค่อยใส่ใจประชาชนมากนักดีกว่า
บทเรียนจากนอร์เวย์ : แม้ประเทศที่ใสสะอาดที่สุดก็ควบคุมไม่ได้
นอร์เวย์ที่เคยอนุญาตให้มี Slot Machine ในอดีต แม้จะเป็นประเทศที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นต่ำที่สุดในโลก แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเกิดปัญหาคนติดการพนันเพิ่มขึ้น
ผลที่ตามมาคือรัฐบาลนอร์เวย์ตัดสินใจยุติการอนุญาตให้มี Slot Machine และไม่อนุญาตให้มีบ่อนกาสิโนแห่งใดในประเทศ
แม้ปัจจุบันจะเปิดพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย แต่พบว่าคนที่เข้าสู่การพนันออนไลน์มากที่สุดคือกลุ่มเยาวชนและกลุ่มคนว่างงาน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง
นอกจากนี้ การวิจัยของ รศ.ดร.ชิดตะวัน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกาสิโนถูกกฎหมายกับอาชญากรรมในภูมิภาคอาเซียน ระหว่างปี 2010-2020 เผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจ
ระบุว่า ประเทศที่มีกาสิโนมีอัตราการข่มขืน 4.08 รายต่อแสนประชากร ขณะที่ประเทศที่ไม่มีกาสิโนมีเพียง 1.80 รายต่อแสนประชากร
สำหรับการฆ่าตัวตาย ประเทศที่ไม่มีกาสิโนมี 4.05 รายต่อแสนประชากร ขณะที่ประเทศที่มีกาสิโนมี 5.61 รายต่อแสนประชากร
การมีกาสิโนถูกกฎหมายทำให้การฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 1.95 รายต่อ 100,000 ประชากร
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชี้ว่า การพิจารณาว่าประเทศไทยมีความพร้อมในทุกด้านหรือไม่ และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจะคุ้มค่ากับความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่
เมื่อดูจากบทเรียนทั่วโลก คำถามที่เราต้องถามตัวเอง คือเราพร้อมจะรับผิดชอบต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคมไทยหรือไม่หรือเราจะเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยกว่า โดยเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น
ทางเลือกอยู่ที่เรา แต่ข้อมูลและบทเรียนจากทั่วโลกได้บอกเราไว้แล้วว่า “ไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้” แม้แต่การพนันที่ดูเหมือนจะสร้างรายได้ให้รัฐ
3. ความเห็นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อดีตนายกฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แสดงความคิดเห็นในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ วุฒิสภา
ชี้ให้เห็นว่า การนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดินไม่สามารถลดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้มากนัก เพราะการนำขึ้นมาบนดินต้องมีกฎเกณฑ์ กติกากำกับ ขณะที่ธุรกิจผิดกฎหมายไม่มี จึงมีความแตกต่างเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ
นายอภิสิทธิ์ให้ข้อสังเกตว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นผลักดันนโยบายนี้เป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับนโยบายอื่นๆ และหลีกเลี่ยงคำว่ากาสิโน ทั้งที่รัฐบาลรู้ว่า มีแรงต้านของสังคมอยู่ไม่มากก็น้อย
ยังไม่เห็นการศึกษาของรัฐบาลที่มีสมมุติฐานเกี่ยวกับการเปิดสถานประกอบการอันนี้ แล้วจะเกิดประโยชน์ต่างๆ มีแต่หยิบตัวเลขที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (สสค.) คำนวณแบบหยาบๆ เบื้องต้น และเทียบบัญญัติไตรยางค์ของสิงคโปร์ และที่น่าเป็นห่วง คือ การใช้ตัวเลขอ้างอิงของการศึกษาภาคเอกชนเชิงธุรกิจ ซึ่งประโยชน์ที่เกิดขึ้นในทางธุรกิจ กับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประเทศเป็นคนละเรื่องกัน
นายอภิสิทธิ์ตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า “จริงๆ สถานบันเทิงครบวงจรหลายแห่งในโลก ไม่มีกาสิโน มีเฉพาะในกฎหมายไทยที่จะออก ถ้ารัฐบาลบอกไม่มีกาสิโนแล้วสถานบันเทิงครบวงจรไม่มีทางเกิด ทำไมไม่ลองออกกฎหมาย โดยไม่มีกาสิโน”
“ทุกวันนี้เห็นการท่องเที่ยวที่สร้างโดยมนุษย์ใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยไม่ต้องพึ่งเงินทุนจากกาสิโน” ทำให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ไม่ต้องอาศัยการพนัน
4. ไม่มีกาสิโน ก็มีคนสนใจลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
เมื่อเร็วๆ นี้ พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ กรรมการอำนวยการและเลขาธิการกิตติมศักดิ์ ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนามม้านางเลิ้ง) เปิดเผยว่า ราชตฤณมัยฯมีแผนจะลงทุนสปอร์ตและเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ใน 2 พื้นที่ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศ ได้แก่
1.กรุงเทพฯ ย่านท่าเรือคลองเตย คาดว่าใช้เงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ภายในโครงการจะมีสนามม้าและธุรกิจเกี่ยวกับการแข่งม้า โรงแรม ศูนย์ประชุม สนามกีฬา ยอชต์คลับ เป็นต้น
2.ภูเก็ต บริเวณ อ.ถลาง มีพื้นที่รวมกว่า 1,200 ไร่ จำนวน 2 แปลง คือพื้นที่เกาะส่วนตัว 275 ไร่ ย่านอ่าวปอ และอีก 927 ไร่ อยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้เงินลงทุนรวม 1.4 แสนล้านบาท โดยร่วมกับกลุ่มจากประเทศโมนาโก ภายในโครงการจะมีรีสอร์ท พูลวิลล่า โรงแรมระดับ 5-7 ดาว มารีน่า สนามแข่งม้า สนามกีฬา ศูนย์ประชุมและฮอลล์คอนเสิร์ต รวมถึงสนามแข่งรถฟอร์มูล่า 1 เป็นต้น ส่วนกาสิโน (ถ้ากฎหมายอนุญาต)จะอยู่บนพื้นที่เกาะ รวมถึงมีการพัฒนาต่างๆ รองรับ เช่น รีสอร์ท โรงแรม เป็นต้น
“ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเรื่องแหล่งเงินทุนจาก สถาบันการเงินจากกลุ่มทุนฮ่องกง ที่จะเข้ามาร่วมด้วย โดยจะเริ่มที่ภูเก็ตเป็นพื้นที่แรก คาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ไตรมาสแรกปี 2569 เปิดเฟสแรกในปี 2572 แม้ว่ากฎหมายเอ็นเตอร์เมนท์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาลไม่ผ่านการอนุมัติ เรายังเดินหน้าลงทุน เพราะเป็นแผนธุรกิจที่เราเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่หากรัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องกฎหมายและทีโออาร์เราก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลด้วย” พ.อ.พันธุ์ธัชกล่าว
ในภาพ ที่ภูเก็ต จะมี 2 เฟส มูลค่าลงทุน 140,000 ล้านบาท
เฟส 1 – ตั้งอยู่บนเกาะรังใหญ่ พื้นที่ 275 ไร่ ประกอบด้วย สวนสนุก ท่าเรือยอชต์และเฟอร์รี่ รีสอร์ท พูลวิลล่า โรงแรมระดับ 5-7 ดาว ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุม ศูนย์การแพทย์ wellness center ส่วนกาสิโนจะสร้างก็ต่อเมื่อ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ประกาศใช้
เฟส 2 ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอถลาง เกาะภูเก็ต พื้นที่ 927 ไร่ ประกอบด้วย สวนสนุก รีสอร์ท พูลวิลล่า โรงแรมระดับ 5-7 ดาว ห้างสรรพสินค้า สนามแข่งม้า สนามแข่ง F1 สนามกีฬา ศูนย์ประชุมและฮอลล์คอนเสิร์ต ตลาดกลางคืน ศูนย์การแพทย์ wellness center และสปา
ส่วนต่อขยายในอนาคต ประกอบด้วย ท่าเรือขนาดใหญ่ ครูสซิ่งคลับ และสตูดิโอภาพยนตร์
สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มทุนที่พร้อมจะลงทุนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่มีเฉพาะทุนกาสิโน ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีกาสิโนเท่านั้น หากรัฐบาลมีนโยบายและมาตรการสนับสนุนส่งเสริมที่ชาญฉลาดพอ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี