เรา (คนไทย) จะต้องประสบกับวงจรอุบาทว์ทางการเมืองอีกหรือไม่ คำตอบเรื่องนี้จะชัดเจนได้ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองของเราไม่ต้องถูกฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะการทำรัฐประหารอีกต่อไป
แต่ใครจะการันตีเรื่องนี้ได้ ตราบใดที่ทหารระดับสูงจำนวนหนึ่ง(หมายถึงยศสูงๆ) ของประเทศไทยยังไม่ยอมทำตัวเป็นทหารอาชีพโดยแท้จริง แต่กลับฝักใฝ่แสวงหาอำนาจการเมืองอยู่ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน ประเทศนี้ก็ยังมีนักการเมืองจำนวนมิใช่น้อยที่ยังคงใช้อำนาจการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบตลอดเวลา ดังที่เราได้พบเป็นประจำว่า นักการเมืองจำพวกหนึ่งชอบอ้างว่าตนเองมาจากการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เขาโกงการเลือกตั้ง แต่ทว่า ไม่มีใครสามารถเอาผิดกับการโกงได้ เมื่อจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก็จึงต้องปล่อยให้คนโกงเข้าไปมีอำนาจรัฐ แล้วสุดท้ายคนโกงก็ใช้อำนาจรัฐฉ้อฉลปล้นประเทศ สร้างความเดือดร้อนเสียหายอย่างหนักจนประชาชนทนไม่ได้
เมื่อกงล้อการเมืองหมุนมาถึงจุดที่ประชาชนทนไม่ได้ ก็จึงเกิดการลุกฮือประท้วง แล้วอาจจบลงด้วยการก่อจลาจล จนบ้านเมืองไม่สงบสุข เมื่อมาถึงจุดนี้ ก็คือการเปิดช่อง เปิดโอกาสให้ขุนทหารที่รอจังหวะ เพราะต้องการจะขึ้นไปมีอำนาจรัฐ ลากรถถังและปืนใหญ่ออกมาเพื่อก่อรัฐประหาร โดยอ้างว่าเพื่อทำให้ชาติบ้านเมืองเกิดความสงบสุข และมีความมั่นคงสืบต่อไป แล้วก็ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมทิ้งไป แล้วร่างใหม่ เมื่อร่างเสร็จแล้ว ก็นำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ เมื่อเลือกตั้งแล้ว ก็เข้าสู่อีหรอบเดิม คือเข้าไปโกงบ้านกินเมือง จนนำไปสู่การประท้วงและก่อจลาจล แล้วก็เกิดรัฐประหาร แล้วก็ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แล้วก็เลือกตั้งใหม่ แล้วก็โกงอีก วนเวียน เวียนวนซ้ำซากเช่นนี้มาหลายทศวรรษแล้ว
บัดนี้ บ้านเมืองของเราเข้าสู่ยุคการหาเสียงชิงคะแนน สส.อีกครั้ง แต่เราทุกคนก็ยังคงพบว่ารูปแบบการหาเสียงในยุคนี้แทบจะไม่แตกต่างไปจากยุค 40-50 ปีที่ผ่านมา เพราะยังคงมีการโกหกพกลม ปลิ้นปล้อน ตลบแตลงสารพัด
ดังนั้น ความหวังที่ว่านักการเมืองหน้าใหม่จะเข้ามาทำงานการเมืองให้มีประสิทธิภาพ จึงเป็นเพียงภาพฝันเท่านั้น เพราะนักการเมืองหน้าใหม่หลายคนในวันนี้ มิได้มีพฤติกรรมการเมืองแตกต่างไปจากนักการเมืองรุ่นโบราณบางจำพวกที่ชอบใช้การหาคะแนนนิยมทางการเมืองด้วยการซื้อเสียงด้วยกลอุบายสารพัด
แน่นอนว่า มันต้องมีต้นตอหรือปัจจัยที่นำไปสู่เงื่อนไขการก่อรัฐประหาร มิฉะนั้น ทหารก็ไม่สามารถหาเหตุก่อรัฐประหารได้โดยง่าย ต้นตอสำคัญประการหนึ่งคือ ความขัดแย้งที่เกิดในฝ่ายการเมืองแล้วทำให้ฝ่ายบริหารไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่น แถมยังไร้เสถียรภาพ มิหนำซ้ำยังเจอปัญหาหนักคือ การทุจริตคอร์รัปชั่นโดยฝ่ายบริหาร เหล่านี้คือข้ออ้างของกองทัพในการก่อรัฐประหารที่ได้ใจจากประชาชนผู้ไม่ต้องการให้ฝ่ายบริหารที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลคงอยู่ในอำนาจอีกต่อไป
การรัฐประหารมีจุดใหญ่ใจความสำคัญอยู่ที่การแย่งชิงอำนาจรัฐจากรัฐบาลเดิม แล้วผู้ก่อรัฐประหารก็นำเอาอำนาจรัฐไปไว้ในกำมือของตนโดยที่ผู้ก่อรัฐประหารไม่เคยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานใดๆ อาทิ โครงสร้างด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ของประเทศให้ดีไปกว่าเดิม
ตามการศึกษาด้านรัฐศาสตร์ที่วิจัยว่าการก่อรัฐประหารเกิดขึ้นในไทยครั้งแรกเมื่อไร ก็ได้คำตอบว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งผิน ชุณหะวัณ กับ แปลก พิบูลสงคราม ร่วมกันก่อรัฐประหารล้มล้างรัฐบาล ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อ 8 พฤศจิกายน 2490 แล้วฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2489 ทิ้งไป โดยผู้ก่อรัฐประหารอ้างว่าบ้านเมืองเกิดวิกฤตทุกข์เข็ญ เศรษฐกิจมีปัญหารุมเร้าหนัก สังคมเกิดความระส่ำระสาย ประชาชนลำบากยากแค้น ราคาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มีราคาแพงมาก อีกทั้งยังเกิดความเสื่อมทรามด้านศีลธรรมอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทั้งรัฐบาลและรัฐสภาไม่สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงได้
คนที่ศึกษาการเมืองไทยยุคผินก่อรัฐประหาร ยังจำได้ดีว่าเมื่อผินให้สัมภาษณ์เรื่องการทำรัฐประหาร ก็จะอ้างเหตุต่างๆ แล้วร้องไห้ จนได้ชื่อว่า รักชาติจนน้ำตาไหล
ประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนจำนวนมากที่ศึกษาเรื่องเหล่านี้ แล้วก็มีคำถามว่าบ้านเมืองของเราในยุคนี้จะกลับเข้าสู่วงจรอุบาทว์อีกหรือไม่ ซึ่งหลายคนตอบแบบไม่เต็มเสียงว่า น่าจะยังไม่พ้นจากวงจรอุบาทว์ เพราะเมื่อดูการโกหกโดยนักการเมืองแล้ว ก็ทำให้หวั่นหวาดใจว่า อีกไม่นานคงจะเกิดรัฐประหารขึ้นเป็นแน่แท้ ตราบที่นักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยยังมีพฤติกรรมฉ้อฉล รวมถึงพวกนักการเมืองที่ทำผิดแล้วหนีคดีอาญาแผ่นดินโดยไม่ยอมกลับเข้ามารับโทษทัณฑ์ที่ตนก่อไว้ แต่กลับยังส่งทายาทอสูรเข้ามาเป็นตัวตายตัวแทนทางการเมือง เพื่อหวังล้างผิดฟอกขาวให้ตนเอง เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในไม่ช้าอาจจะเกิดรัฐประหารครั้งใหม่ขึ้นอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี