เห็นพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงชิงชัยในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมที่จะมาถึง แห่กันโฆษณานโยบายประชานิยม แข่งกันลดแลกแจกแถมล่อใจให้ผู้มิสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนให้ บางพรรคเสนอสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ผู้มีรายได้น้อยคนละ 700 บาท บางพรรคเสนอเพิ่มเบี้ยเลี้ยงคนชราจาก 600 700 900 บาทตามขั้นอายุ เป็นเดือนละ 3,000 บาท ที่หนักหนาสาหัส บางพรรคเสนอใส่เงินดิจิทัลในบัญชีธนาคารให้คนอายุ 16 ปี ขึ้นไป คนละ หนึ่งหมื่นบาท ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงินการธนาคาร งวยงงสงสัยว่านักการเมืองที่เสนอ จะให้เอามาจากไหน 5-6 แสนล้านบาทแจกประชาชน
ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงเรื่องกระแสปั่นหุ้น กระแสปั่นเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี แต่เอาตัวรอดมาได้ เพราะไม่โลภและมีสติอยู่เสมอว่า ของฟรีไม่มีในโลก จึงอยากเล่าประสบการณ์ให้ผู้อ่านเข้าใจในตอนท้ายของคอลัมน์นี้ในเบื้องต้นอยากให้ผู้อ่านได้เสพข่าวของผู้รู้ทันซึ่งผู้เขียนอ่านเจอในไลน์กรุ๊ปที่มีคนโพสต์ว่า
“...รู้ทันเสลดถาแล้ว…แผนการแยบยล....รู้ทันความคิดพวกคนกลุ่มนี้...จากการเก็งกำไรคนกลุ่มนี้ลงทุนถือเงินดิจิทัลไว้เยอะเป็นพันเป็นหมื่นล้าน....แต่กลับขาดทุนย่อยยับ...จึงหาวิธีการเอาคืนโดยคิดวางแผนแจกเงินดิจิทัลชาวบ้านที่คิดตามไม่ทัน...เขาแจกเงินเราได้เงินใช้ฟรีก้อดีใจ..แต่นี่มันคือการวางแผนอุบาทว์.. “ทำไมไม่แจกเงินบาท” นั่นคือคำถาม...กลุ่มทุนพวกนี้ต้องการฟอกขาวเงินดิจิทัลที่กลุ่มพวกมันถือซึ่งขาดทุนเกือบจะไม่มีราคา...ด้วยการนำเข้าสู่ระบบการใช้จ่ายเงินปกติและสุดท้ายจะเปลี่ยนร่างจากเงินดิจิทัลเป็นเงินบาท...มันคือแผนร้ายผลาญงบประมาณแผ่นดินจากเงินภาษีที่เราจ่าย...กลับสู่กระเป๋ากลุ่มทุนอุบาทว์...
....คิดวางแผนกินบ้านกินเมืองกันไว้ล่วงหน้า...ถ้าได้เป็นรัฐบาลอีก...บ้านเมืองคงถึงจุดหายนะเหมือนที่เคยประสบมาแน่นอน...”
ทั้งหมด คือ ข้อเขียนของคนรู้ทันนักการเมืองที่วางแผนจะฟอกเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินบาท ซึ่งเป็นแผนการอุบาทว์ เหมือนกับคนที่รู้ล่วงหน้าว่า รัฐบาลจะลดค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 แล้วรีบไปหาซื้อเงินดอลลาร์มาตุนไว้ ทำให้ได้กำไรประมาณห้าพันล้านบาทในขณะที่ผู้นำเข้า ส่งออกสินค้าจากต่างประเทศนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ตลอดถึงคนไทยส่วนใหญ่ขาดทุนย่อยยับบางคนล้มละลาย ถึงกับฆ่าตัวตาย
ในระยะเวลาใกล้ๆ กันนั้นเองคือปี 2541-42 ในยุโรปอเมริกาประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจบริษัทข้ามชาติขนาดยักษ์ เช่น เวิลด์คอมและเอนรอน ในสหรัฐอเมริกาเกิดปัญหาล้มละลาย เพราะราคาหุ้นที่แพงเหมือนทองคำกลับดิ่งต่ำลงติดพื้นหุ้นเอนรอน บริษัทค้าพลังงานใหญ่ที่สุด ในโลกกับเวิลด์คอม บริษัททำซอฟต์แวร์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาล้มละลาย หนังสือซื้อขายหุ้นที่เคยมีราคามากกว่าทองคำกลายเป็นกระดาษเช็ดก้น พนักงานหลายคนตกงานไม่มีอันจะกินพนักงานสองบริษัทนี้ที่ได้ชื่อว่า เป็นมนุษย์ทองคำอดีตพนักงานหญิงบางคนต้องไปถ่ายแบบให้กับหนังสือเพลย์บอย ผลการสอบสวนของตลาดหลักทรัพย์ร่วมกับอัยการกลาง พบว่าทั้งสองบริษัทตบแต่งบัญชีทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงถึงเพดานแต่เมื่อผู้ถือหุ้นพากันเทขายทำให้ราคาหุ้นตกลงมาถึงพื้น
ต้นปี 1999 (2542) สำนักข่าวรอยเตอร์สเสนอขายหุ้น Option 2000 (2543) ให้พนักงานในราคาพาร์คือ หุ้นละ 3.5 ปอนด์สเตอร์ลิง เวลานั้นหนึ่งปอนด์มีราคาประมาณ 70 บาท Option คือข้อแม้ที่กำหนดให้พนักงานหนึ่งซื้อหุ้นได้ไม่เกิน 100 ปอนด์ต่อเดือนและหุ้นที่ลงทุนไว้จะขายได้เมื่อถึงวันที่ 20 กันยายน 2543 (ปี2000) ยกเว้นหากบริษัทปลดออกจากความเป็นพนักงาน
ตั้งแต่รอยเตอร์สขายหุ้น Option ให้พนักงาน ปรากฏว่าราคาหุ้นพุ่งขึ้นเหมือนบั้งไฟยโสธร จาก 3.5 ปอนด์ เป็น 5 เป็น 10 ปอนด์ภายในเวลา 6 เดือน พนักงานรอยเตอร์ส มีสองหมื่นกว่าคนทั่วโลกเห็นเส้นทางรวยอยู่เบื้องหน้าบางคนทุ่มซื้อหุ้นเต็ม 100 ปอนด์/เดือน ถึงต้นเดือนมกราคมปี 2000 หุ้นรอยเตอร์สขึ้นเป็น 11 และ 12 ปอนด์ และพีกสุดขึ้นถึง 17.5 ปอนด์ ปลายเดือนมีนาคม และ
หุ้นรอยเตอร์สค่อยๆ ตกลง ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนจาก 17.5 ปอนด์มาเหลือ 16 15 ปอนด์ ตามลำดับ
ผู้เขียนเริ่มสงสัยว่ารอยเตอร์สจะมีชะตากรรมเหมือนเอนรอนและเวิลด์คอม เลยเขียนข้อความภายในไปถามผู้บริหารที่คุ้นเคยกันคนหนึ่งในลอนดอนว่าเกิดอะไรขึ้นได้รับคำตอบเป็นรหัสว่า “ขณะนี้หนูเต็มเรือแล้วใครที่พอว่ายน้ำได้ให้กระโดดลงน้ำไปก่อน”
ด้วยความเป็นคนขี้ระแวงสงสัย ผู้เขียนตีความคำตอบนั้นว่ารอยเตอร์สกำลังมีปัญหาเหมือนสองบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา จึงตัดสินเข้าไปพบหัวหน้าฝ่ายข่าวตอนนั้นชื่อ ราชัน โมเซส บอกเขาตรงๆ ว่าเราอยู่รอยเตอร์สมาสิบกว่าปีแล้ว ถึงเวลาที่จะได้รับรางวัลบ้าง ขอร้องให้โมเซส ช่วยปลดผมออกจากงานด้วยเหตุผลอะไรก็ได้ เพื่อผมจะได้ขายหุ้น แต่ผิดหวัง โมเซสบอกว่าไม่รู้หาเหตุผลอะไรปลดคุณออกจากงาน เพราะคุณมีประวัติการงานดีเด่นมาตลอด และได้รับรางวัลชมเชยจากบริษัทหลายครั้ง
ผมใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์นั่งคิด นอนคิดว่าทำอย่างไรถึงให้ถูกปลดจากรอยเตอร์สได้ บังเอิญ
วันหนึ่งขณะเล่นเทนนิสเกิดแน่นหน้าอก เลยนึกขึ้นได้ว่า เมื่อปีกลาย เราเคยเข้ารักษาอาการแน่นหน้าอกในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งหมอวินิจฉัยว่า เราเป็นโรคหัวใจโตและหัวใจเต้นผิดปกติ จำเป็นต้องผ่าตัดใส่เครื่องช่วยกระตุ้นหัวใจ และตอนนั้นทางรอยเตอร์ส
ก็รับรู้และยินดีออกค่ารักษาพยาบาลให้ ผมเลยตัดสินใจกลับไปโรงพยาบาลนั้น แล้วขอร้องให้เขาเขียนใบรับรองแพทย์ เป็นภาษาอังกฤษให้ว่า เป็นโรคหัวใจไม่สามารถทำงานในภาวะตึงเครียดได้ ออกค่าใช้จ่ายไปพอสมควรสำหรับค่าใบรับรองแพทย์แต่มันคุ้มค่าเพราะทางรอยเตอร์สอนุมัติให้ออกจากงานได้ด้วยเหตุผลทางสุขภาพ
ทันทีที่บริษัทอนุมัติให้ออก ผมตัดสินใจขายหุ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน ในราคาหุ้นละ 13 ปอนด์ได้กำไรจากหุ้น มาพอเทบ้านที่ผ่อนอยู่กับธนาคารสองหลัง นอกจากนั้น ยังได้เงินโฟรวิเดนท์ฟันด์
มาล้านกว่าบาท ตอนที่ออกจากรอยเตอร์สเพื่อนร่วมงานทุกคนตำหนิว่า เราเป็นกระต่ายตื่นตูม หุ้นรอยเตอร์สตกลงไปสักพักก็รีบาวด์ขึ้นมาได้
แต่ผลปรากฏว่า พอถึงเดือนกันยายน 2543 (ปี 2000) หุ้นรอยเตอร์สตกลงมาเหลือ 1.5 ปอนด์ต่อหนึ่งหุ้น พนักงานรอยเตอร์สเจอชะตากรรมเดียวกับเอนรอนและเวิลด์คอม รอยเตอร์สล้มละลายขายหัวให้กับ นายทุนแคนาดารอยเตอร์ส เลยต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ธอมสัน รอยเตอร์ส”
อดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเครียดที่เงิน 10 ล้านบาทหายวับไปในพริบตา เครียดจนเกิดอาการปากเบี้ยว
เล่าเรื่องนี้มาเตือนสติ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหลายได้เข้าใจว่า เงินคริปโตเคอร์เรนซี เงินดิจิทัลและหุ้นในบริษัทใหญ่ก็ดี ล้วนเป็นวิมานในอากาศที่นักธุรกิจทุนสามานย์สร้างขึ้นมา เป็นกองไฟเพื่อให้ประชาชนที่โลภและขาดสติเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
ก่อนเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งท่องให้ขึ้นใจว่า“ของถูก ไม่มีของดี ของฟรี ไม่มีในโลก”และท่องให้ขึ้นใจว่า“ประเทศชาติเจริญได้ การเมืองไทยต้องสุจริต”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี