Pinocchio (พินอคคิโอ) เป็นหนังสือสำหรับเด็กที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เป็นงานเขียนของ Carlo Collodi ชาวอิตาเลียน หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1880
ในหนังสือนั้น พินอคคิโอเป็นหุ่นไม้ (หุ่นชัก) แต่ทว่ามีชีวิต เพราะนางฟ้าเสกให้เขามีชีวิต เขามีพ่อชื่อเจปเปตโต เป็นช่างไม้ ผู้มีฐานะยากจน ลักษณะสำคัญที่ทำให้คนจดจำพินอคคิโอได้ดีคือ เมื่อเขาพูดโกหก จมูกของเขาจะยาวขึ้น หากโกหกเรื่อยๆ จมูกก็จะยิ่งยาวมากขึ้น
แต่ช้าก่อน อย่าเข้าใจผิดคิดว่าพินอคคิโอเป็นตัวร้าย แม้ในบางช่วงเขาพูดโกหก แต่คำถามคืออะไรทำให้เขาต้องโกหก เขาไม่ใช่คนโกหกโดยสันดาน หรือโกหกมาโดยกำเนิด
ย้ำว่า พินอคคิโอคือคนดี เขาเป็นเสมือนเด็กอ่อนหัดต่อโลก เขามีพี่เลี้ยงชื่อ เจมินี เป็นจิ้งหรีดผู้คอยสอนให้เขารู้จักผิดชอบชั่วดี มีมโนสำนึกในฝ่ายดีแต่ด้วยความอ่อนโลก เพราะไร้เดียงสา พินอคคิโอจึงหลงใหลไปกับสิ่งเย้ายวนยั่วใจ จนเมื่อเขาไปไกลจากบ้าน ไกลจากพ่อ ออกไปเผชิญกับโลกความเป็นจริงที่โหดร้าย และลวงหลอก เขาจึงหลงไปกับสิ่งล่อใจ ทำให้แสดงพฤติกรรมผิดๆ โดยเฉพาะการพูดโกหก แต่ในที่สุดแล้ว พินอคคิโอก็ได้เรียนรู้โลกมากขึ้น จนสุดท้ายก็ทำให้เขามีพฤติกรรมกล้าหาญ ไม่เห็นแก่ตัว และมีความจริงใจ นั่นคือตัวตนที่แท้จริงของพินอคคิโอ
แต่น่าสมเพชที่คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักตัวตนแท้จริงของพินอคคิโอ คิดว่าเขาเป็นจอมโกหก แต่สำหรับคนที่อ่านพินอคคิโอมาแล้ว จะรู้ว่าเขาตกเป็นเหยื่อของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ จิ้งจอกตัวนี้ชักนำให้พินอคคิโอเข้าไปพัวพันกับคณะละคร และเจ้าของหุ่นกระบอก ตัวละครเหล่านี้สอนให้พินอคคิโอรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีสิ่งดีงามเท่านั้น เพราะยังมีคนชั่วช้าสามานย์อยู่ด้วย
หุ่นไม้ที่ถูกเสกให้มีชีวิตได้เรียนรู้โลกไปเรื่อยๆ หลังจากได้ออกเผชิญกับความเป็นจริงของโลกได้ระยะหนึ่ง เขาก็รู้ว่าอะไรดี อะไรเลว อะไรผิด อะไรถูก ซึ่งตรงนี้ต้องขอบคุณจิ้งหรีดเจมินี ที่่เป็นเสมือนกัลยาณมิตรผู้กระตุ้นเตือนให้พินอคคิโอตระหนักในสิ่งที่ถูกต้อง แต่อย่างที่เราทุกคนเข้าใจคือ ด้วยความอ่อนหัด อ่อนโลกของพินอคคิโอ จึงทำให้ในบางครั้งพินอคคิโอก็หลงไปกับสิ่งผิด แล้วไม่สนใจ ไม่นำพากับคำตักเตือนด้วยความหวังดีของจิ้งหรีด เจมินี
มีฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเพราะความดื้อรั้นไม่สนใจคำสอนของเจมินี ที่สอนให้พินอคคิโอต้องเชื่อฟังพ่อ แต่พินอคคิโอกลับไม่พอใจ เอาค้อนขว้างใส่เจมินีจนได้รับบาดเจ็บ แล้วพินอคคิโอก็นอนหลับไป แต่ด้วยความที่นอนใกล้เตาผิงไฟมากไป ไฟจึงไหม้ขาทั้งสองข้างของเขา
แต่หนังสือก็ยังพยายามบอกให้เราเข้าใจความรัก
อันยิ่งใหญ่ของพ่อที่มีต่อพินอคคิโอ เช่น ตอนที่พ่อออกติดตามพินอคคิโอไปในดินแดนที่ไกลแสนไกล โดยเฉพาะตอนที่ทั้งพ่อและลูกต้องเข้าไปอยู่ในท้องของวาฬ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็สามารถกลับบ้านได้ด้วยความปลอดภัย ซึ่งตอนหลังนั้น พินอคคิโอได้รับพรวิเศษให้กลายเป็นคนจริงๆ แล้วเขากับพ่อก็ได้อยู่ในบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุข
อุย! เผลอเล่าเรื่องพินอคคิโอเสียยืดยาว แต่ก็ต้องถือว่าเป็นการเตือนความจำให้สำหรับคนที่อ่านนิทานสำหรับเด็กเรื่องนี้มานานหลายปี จนอาจจะจำเรื่องราวได้ไม่แจ่มชัด ส่วนใครที่ไม่เคยอ่านเรื่องนี้ ก็แนะนำให้ไปหาหนังสือมาอ่าน แล้วจะได้ซาบซึ้งกับความรักของพ่อที่มีต่อลูก และได้เข้าใจถึงความอ่อนโลก ไร้เดียงสาของพินอคคิโอ
ส่วนคนที่เปรียบเทียบว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นพินอคคิโอ อาจจะเปรียบเทียบเฉพาะช่วงที่พิธาถูกจับได้คาหนังคาเขา ว่าพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยพูดเรื่องเดียวกันแต่พูดไปคนละทิศละทาง จนเข้าลักษณะโกหกมดเท็จ ปั้นน้ำเป็นตัว
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่า พินอคคิโอเป็นตัวแทนของคนดี ยกเว้นช่วงที่เขาโกหก ส่วนพิธาเป็นตัวแทนของคนดี ได้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องศึกษาและค้นคว้าให้ลึกกว่านี้ แล้วจะได้คำตอบที่ชัดเจน
เอาเป็นว่า ในขณะนี้มีหลายคนช่วยกันจับเท็จจากคำพูดของพิธา หลังจากมีการนำเทปจากรายการที่พิธาเคยไปให้สัมภาษณ์ เมื่อครั้งที่เขายังมีสถานภาพเป็นคนดังคนหนึ่งของสังคม
หนึ่งในผู้จับโกหกของพิธาคือ บุญยอดสุขถิ่นไทย โดยบุญยอดบอกชัดเจนว่า พิธาไม่เคยเป็นข้าราชการการเมือง ในยุค พ.ศ. 2549 หลังจากพิธาบอกว่าเขาเป็นข้าราชการการเมือง
บุญยอดโพสต์ข้อความว่า ตรวจสอบแล้วไม่มีชื่อพิธาเป็นข้าราชการการเมืองปี’49
ส่วนพิธาจะแก้ตัวเรื่องนี้อย่างไร ก็ต้องรอฟังกันต่อไป
ด้านเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นเรื่องให้ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ตรวจสอบพฤติกรรมพิธาหลังจากให้สัมภาษณ์รายการทีวีสองรายการ ในประเด็นงานศพของพ่อตัวเอง แต่พูดไม่ตรงกัน
สิ่งที่เรืองไกรเรียกร้องให้ กกต. ตรวจสอบคือ พิธาพูดเรื่องสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการ สหประชาชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง เพราะสุรเกียรติ์ไม่เคยรับตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
ประเด็นต่อมาคือเรื่องงานศพของพ่อของพิธาที่อ้างว่าไปงานไม่ทันในช่วงวันแรก เพราะถูกกักตัวไว้
ประเด็นต่อมาคือข้ออ้างเรื่องเป็นข้าราชการการเมืองในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่ในเทปรายการทีวีอีกรายการบอกว่ายังเรียนหนังสืออยู่ในสหรัฐฯ
และอีกประเด็นคือ เรื่องที่พิธาอ้างว่าถูกอายัดเงิน จนทำให้เกิดปัญหาการจัดงานศพของพ่อ
เอาเป็นว่า พูดแบบสรุปคือ ในขณะนี้ พิธากำลังถูกสังคมตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วพูดจาคงเส้นคงวา หรือพูดจริงหรือไม่
ทางด้าน เสรี วงษ์มณฑา ก็โพสต์ในประเด็นเกี่ยวกับพิธาว่า สมัยก่อนเมื่ออายุ 20 ปี ก็ดูใสๆ น่าเอ็นดู แต่พออายุ 40 ปี มาเล่นการเมือง ก็เปลี่ยนไปมากแถมยังโพสต์ว่า (อดีต) เมียของพิธามีเพื่อนเป็นกะเทยก็ไม่ได้ ถึงกับต้องทำร้ายร่างกายเมีย และโพสต์ว่า พิธาเคยบอกว่าจะตัดงบฯ ช้างป่วย หมายถึงงบฯ ของข้าราชการบำนาญ แต่เมื่อถูกคนสูงวัยต่อต้านหนักเข้า ก็อ้างว่าไม่เคยพูด เพราะเกรงจะเสียคะแนนนิยมทางการเมือง และที่พลาดไม่ได้คือตกลงพิธานั่งเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำกลับไทยได้เพราะเหตุใดเพราะเป็นข้าราชการการเมือง หรืออาศัยเขามาแต่ที่เสรีไม่ถามต่อคือ หากอาศัยเขามา ทำไมจึงมีอภิสิทธิ์อาศัยเขากลับมาได้ ทำไมนักเรียนไทยในอเมริกาอีกมากมายไม่ได้รับสิทธิพิเศษแบบที่พิธาได้ แล้วเรื่องถูกทหารคุมตัวนั้น ตกลงถูกกักตัวไว้หรือ กักไว้กี่วัน หรือทหารไม่ได้กักตัว แต่ค้นตัวเสร็จแล้วก็ปล่อยตัวหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง สรุปคือเสรีถามว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้น มีอะไรที่พิธาพูดจริงบ้าง
ส่วนพิธาก็ยังคงบอกว่าตนเองพูดจริง แล้วบอกด้วยว่า ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง ก็จะมีการโจมตีตนเพื่อตัดคะแนนการเมือง
คนไทยผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือก สส. จะเชื่อพิธาต่อไปหรือไม่ นั่นก็เป็นดุลพินิจของแต่ละคน เพราะการเลือก สส. ก็บ่งบอกอยู่ชัดๆ ว่า คนแบบไหน ก็เลือกคนแบบนั้น คนพูดจริง ก็เลือกคนพูดจริง คนพูดโกหก ก็เลือกคนพูดโกหก คนรักประเทศชาติ ก็เลือกคนรักประเทศชาติ คนเผาประเทศชาติ ก็เลือกคนเผาประเทศชาติ ย้ำว่าคนแบบไหน ก็เลือก สส. แบบนั้น
คำถามสุดท้าย คุณล่ะ เป็นคนแบบไหน แล้วคุณจะเลือก สส. แบบไหน คิดให้ดีนะคุณ แม้คุณอาจจะทำไม่ดีกับบ้านกับเมืองมาก่อนก็ตาม แต่คุณก็ยังสามารถเปลี่ยนใจ กลับเนื้อกลับตัวได้ทันหากคุณไม่คิดจะเผาบ้านทำลายเมืองต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี