lส่องชีวิตของมนุษย์ สัตว์ประเสริฐ ที่ฝึกและพัฒนาได้ ด้วย ธรรม สติปัญญา ความจริง 16
เรื่องของเมืองมายาสารขัณฑ์ “ตอนจบคือ ความหายนะ”
การเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เป็นค่านิยมของสังคมการเมืองสารขัณฑ์ มองเห็นแต่ความไม่ดีของคนอื่น โดยมองข้ามความไม่ดีของตัวเองและพวกพ้อง และทำทุกทาง เพื่อให้ก้าวสู่อำนาจมิชอบฯ
lเป็นเรื่องราวของนักเลือกตั้งคน ๑
ที่บรรพบุรุษ อพยพมาจากประเทศใหญ่ทางตะวันออก หวังมาสร้างฐานะและความมั่งคั่งที่เมืองสารขัณฑ์ ตามรอยคนอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการมี “ความวิริยอุตสาหะ” ที่เป็นคุณสมบัติที่ดีของพวกเขาคนอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน เพราะ “ความกตัญญูรู้คุณ ในสถาบันหลักของเมืองสารขัณฑ์”
บรรพบุรุษของเขา มาตั้งรกรากอยู่ภาคตะวันออก แล้วอพยพ มาอยู่ภาคเหนือของเมืองสารขัณฑ์เขาพยายาม ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างหนัก โดยหวังจะประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐี เขาเป็นนักคิดนักสู้ ที่มีทิศทางเดินแจ่มชัดหวังสร้างความก้าวหน้าและความยิ่งใหญ่ในชีวิต
เขามองเห็นโอกาสใหญ่ในชีวิตจากโครงสร้างและระบบที่มีความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมโดยการ “เข้าสู่การเมือง” ที่จะเป็นช่องทางไปสู่สรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทางลัดเพราะ “เขาเคยทำอาชีพมาแทบทุกอย่าง” รวมทั้งการเป็นเจ้าของโรงหนัง และฉายหนังกลางแปลงเขา เคยเล่า “ประสบการณ์ ในการเป็นพ่อค้า ค้าขายอย่างสุจริตเที่ยงธรรม” ที่ต้องตระเวนตะลอนหาเงินหาทอง บางครั้งมีไม่พอ ต้องเดินตากหน้าเข้าไปกู้ธนาคาร “พวกธนาคารหน้าเลือด คิดและร่ำรวยมาจาก การค้าและสูบเลือดจากคนจน เอาไปปล่อยกู้”
เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น จะมีอารมณ์โกรธ และสบถสาบานว่า “จะเอาคืนหากเขามีโอกาส”
lช่องทางการเมือง ที่เขาได้เห็น มาจากการที่เขาเป็นนายตำรวจติดตามรัฐมนตรีคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของพ่อ เขาบอกว่า “ถ้าไม่มีอา” คนนี้ “เขาจะไม่มีโอกาสเห็นช่องทางนี้” และเขาสามารถใช้ช่องทางนี้ สร้างฐานะ จาก “สัมปทานรายย่อย” ที่ได้มาจาก “นักการเมือง”
เขาเป็นคนอีโก้สูง และไม่หยุด เมื่อยังก้าวไปไม่ถึงยอดปราสาท เขาเริ่มสร้าง “ช่องทางใหม่” ในการจ่ายเงินทอง สนับสนุน “นักเลือกตั้งจากพรรคต่างๆ”
ในที่สุดเมื่อเขามาเจอขุมทรัพย์ จาก “นักการเมืองมีคุณธรรม” ที่สร้างพรรคขึ้นมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตได้รับการสนับสนุนใหญ่จากชาวบ้านนักการเมือง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่เอื้อมระอากับ “นักเลือกตั้ง” ที่ใช้นโยบาย “บุฟเฟ่ต์คาบิเนต” จนบ้านเมืองเสียหาย สังคมไม่ยอมรับ “พรรคคุณธรรม” นี้ เติบโตอย่างรวดเร็วฯ จนเป็นพรรคการเมืองขนาดกลางได้รับเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ได้ตำแหน่งรองนายกและรัฐมนตรีที่สำคัญ ทั้งต่างประเทศและ คมนาคมฯ นอกจากการได้เป็น “ผู้ว่าฯ เมืองหลวงสารขัณฑ์”
lเขาเป็นคนมีกลยุทธ์สูง ที่ไม่มีใครเทียบ เขาใช้เทคนิคทางข้อมูลข่าวสาร จากหลายช่องทางหลายบุคคลที่ไปพูดให้หัวหน้าพรรคคุณธรรม เชื่อว่า “เขา เป็นคนดี รวยแล้วไม่โกง ไม่หวังอำนาจฯ” ทั้งๆ ที่ กรรมการส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยเพราะ “รู้ถึงนิสัยอันถาวรของเขา” เขาจึงได้ก้าวขึ้นมา เป็นเสนาบดี และหัวหน้าพรรคฯ ทำให้ “เขา” ได้ใช้ “ตำแหน่งนี้” สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับ “ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ทุนและกองทัพ” และท้ายที่สุด “หัวหน้าพรรคคุณธรรม” ได้รู้ความจริงเสียใจ และได้ออกมาร่วมกับสังคมต่อต้านเขา
lเขาเป็นคนเก่ง เด่น ดัง รู้จักและเข้าใจ “การเมืองทุน สื่อ และกลยุทธ์” ในการสร้างอำนาจที่ยิ่งใหญ่
๑.ครั้งหนึ่งในขณะที่เขาขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคมีการกระทำที่คนในพรรครับไม่ได้ คือ “เขาสั่งการยกเลิกผู้สมัครรายหนึ่งของพรรค ที่มีโอกาสชนะนักเลือกตั้งคนหนึ่งที่อยู่ต่างพรรค” โดยให้เหตุผลที่เข้าใจยาก สำหรับคนมีคุณธรรม
“การเมืองสารขัณฑ์ บางครั้ง “คนนอกพรรค” สำคัญกว่าคนในพรรค” ซึ่งเป็นความจริงในสังคมการเมือง แต่สำหรับ “พรรคการเมืองที่มีคุณธรรม ไม่สามารถรับได้”
๒.อีกครั้งหนึ่ง “เขา” ต้องการตอบแทนบุญคุณ “หัวหน้าพรรคคุณธรรม” ที่มีบุญคุณและให้โอกาสเขา โดยการทุ่มสุดตัว ทุกทาง เพื่อให้ “หัวหน้าฯ” ได้กลับมาเป็นผู้ว่าเมืองหลวงอีกสมัยหนึ่ง
เขาสั่งทำโพลล์ ให้ออกมาว่า “หัวหน้าฯ” ชนะคู่แข่งที่มาแรงตามกระแสใหม่ แต่ปรากฏว่า “โพลล์ใบสั่ง” ไม่สามารถฝืนความจริงที่ว่า “หมดยุคหัวหน้าฯแล้ว” แต่เขาไม่ยอมแพ้ ต่อ “ความเห็นของคนในพรรค” ที่เห็นความจริงเขากลับบอกว่า“เสียดาย ผมมีเวลาน้อยไป”
หากมีเวลามากกว่านี้ อีก ๒ เดือน ผมจะทำให้ชนะได้ ฯลฯ
lเขายังมีวีรกรรมใหญ่ๆ อีกมาก โดยเขาเป็นคนที่มี ๒ บุคลิก ในยามที่มีสมาธิ มีสติ เขาจะมองทุกอย่างรอบคอบแต่เมื่อยามมีอารมณ์โกรธ “เชียร์หรือตอบแทนบุญคุณคน”เขาจะพูดออกมา อย่างตรงไปตรงมา เช่น “ถ้าไม่มีบิ๊กจ๊อด(ที่ให้สัมปทานเขา) ผมก็ไม่มีวันนี้”
lเขาเป็นคนทะเยอทะยาน และมีเป้าหมายสูง
เขามีวิธีคิดและความเชื่อใน “ฐานะบทบาทหน้าที่ของเขา” เช่น ตอนเขาเป็นนายกฯเมืองสารขัณฑ์ : เขามองข้ามหัวทุกคนไปหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น เขาคิดและเข้าใจผิดว่า “เขามีอำนาจสูงสุด” และเขาได้แสดงอำนาจออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ โดยการก้าวล่วงละเมิดอำนาจของ “สถาบันฯ”
ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่ดีมีคุณธรรม ไม่มีใครรับได้ การร่วมมือ การให้การสนับสนุน “เขา” จึงหยุดถอยลงแทนที่เขาจะสำนึกฯ เขากลับโกรธ โมโห ไม่พอใจ ฯลฯ
นี่เป็นเหตุผลสำคัญใน การยุติบทบาทของเขา
รวมทั้งที่สำคัญ คือ “การใช้อำนาจมิชอบ สั่งการ โกงกิน โกหก หลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและครอบครัว และการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ”
lเขาเป็นคนที่มีทัศนะ ในเรื่อง “บุญคุณ” ที่ต่างไปจากคนอื่น “ใครมีบุญคุณต่อเขา เขาก็ตอบแทน แล้วก็จบไป”คนที่รับใช้ ร่วมมือ โกงกินโครงการจำนำข้าว ก็ได้ผลประโยชน์ไปแล้วฉะนั้น เมื่อถูกศาลลงโทษ ก็เพราะ “พวกนั้น ไม่รู้จักหนีเอาตัวรอดอย่างเขา” ก็มิใช่ความผิดอะไร ของเขา
lเขาเป็นคนที่ไม่เชื่อใจและไว้วางใจใคร นอกจากน้องสาว ลูกสาว ฯลฯ เพราะ “เขารู้ดีถึงสิ่งที่เขาได้ทำกับคนใกล้ชิดและบริวาร” ทำให้ไม่มีใคร ซื่อสัตย์และจริงใจกับเขาเพราะ “เขาก็ไม่เคยซื่อสัตย์และจริงใจกับใคร” ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ต่อเขา คือ “ภายในพรรค ไม่มีใครรัก และซื่อสัตย์ต่อเขาเลย” คนที่อยู่ด้วย หวังเพียงผลของการเป็น สส. เป็นรัฐมนตรี เท่านั้น
lชีวิตเขา “เขาเป็นคนกำหนด” : เขาต้องรับบาปบุญคุณโทษ ที่เขาก่อไว้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติทั่วไปของคนทั่วไป โดยเฉพาะ “นักเลือกตั้ง” แต่มีคนติงเขา “ในเรื่องคุณธรรมของการเป็นพ่อ” ที่ยัดเยียดใส่ “ความแค้นความโกรธของเขา ลงไปในตัวลูก” นี่คือ “บาปใหญ่” ที่เขาจะต้องเสียใจเป็นที่สุดในชีวิตของความเป็นพ่อ
lแต่ได้หวังว่า “เขา ซึ่งเป็นคนเก่งมาก ยากที่จะใครมาเทียบได้” อยากให้เขา เก่ง และเข้าใจ “คุณธรรมของชีวิต”ก่อนถึงเมรุสำนึกในบาป และความผิดใหญ่ ที่ทำไว้กับประเทศสารขัณฑ์ ออกมา “ขอขมาลาโทษ” พร้อมกับเอ่ยวาจาว่า “ผมจะหยุดในบาป แล้วเริ่มต้นใหม่ แม้จะมีโอกาสเพียง งมเข็มในมหาสมุทรฯ”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี