lวันนี้ เอา ความคิดเพื่อนมิตร มาปอกเปลือก ให้เห็นกระจ่างชัด ใครคิดถูกผิด เพื่อใคร ! ช่วงหลายปีมานี้ ในหมู่เพื่อนมิตร ทั้งผู้ใหญ่ และคนวัยชรา ในห้องไลน์ และสังคมออนไลน์มีความคิดทางการเมือง ที่ซ่อนอยู่ในหัวของแต่ละคน เริ่มเปิดใจ แสดงตัวออกมาชัดเจนขึ้น “เพื่อนบางคน” เปลี่ยนไปมาก, แต่กลับมองไปที่คนอื่น ว่า “เขา” เปลี่ยนไป
ในแต่ละห้องจะมี “คนเกาะกลุ่มคุยกัน” แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน
๑.ส่วนที่คิดดี คิดเพื่อส่วนรวม บ้านเมือง จะรวมตัวกันมีความคิดที่ติดตัวมาตั้งแต่ เรียนมาด้วยกัน สมัยเป็นหนุ่มสาวที่ยึดในสถาบันที่เรียนมาร่วมกัน เช่น ที่จุฬาฯ “ไม่เคยลืมเลือนพระคุณจุฬาลงกรณ์” กล่าวให้ชัดเจน คือ “เคารพเทิดทูน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ประเพณีวัฒนธรรม อันดีงามที่สร้างความรัก ความสุข ความสงบ ให้กับสังคมไทยมายาวนานคนส่วนนี้ เป็นส่วนข้างมาก (อยู่ในกลุ่มที่ ๑ และ ๓)
๒.คนที่คิดต่าง ไปจากกลุ่มแรก ก็เช่นกัน จับกลุ่ม คุยแลกเปลี่ยนกัน : คิดด้วยข้อมูลเก่าๆ ที่บอกต่อกันมาและมักจะเห็นอกเห็นใจ ออกมาแสดงตนว่า เป็นพวกกัน รวมทั้งออกมาเชียร์และปกป้องกันกลุ่มนี้ เริ่มแสดงตนออกมามากขึ้นว่า “เป็นพวกก้าวหน้า” ตั้งแต่สมัยยุค “ทักษิณยิ่งลักษณ์” ครองเมืองและมีมากขึ้นในยุคของ “พรรคก้าวไกล” ชอบอ้างตนว่า“เป็นพวกประชาธิปไตย เสรีนิยม” ไม่เอาทหารไม่เอาเผด็จการ และบางคน แสดงออกชัดเจน ในเชิงไม่เคารพเทิดทูนสถาบันหลักของชาติและแสดงตัวออกมากขึ้น ช่วงเลือกตั้งและ หลัง ๑๔ พฤษภา ๒๕๖๖
คนส่วนนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นคนดี แต่มีปัญหาทางความคิดทางการเมือง เชิงอคติ มีไม่ถึง ๑๐% แต่เริ่มทยอยเพิ่มขึ้น
๓.คนกลางๆ ที่ไม่ค่อยออกมาแสดง “ความขัดแย้ง” กับคนที่เห็นต่าง เพราะเอาความเป็นเพื่อนมาก่อนแต่ส่วนใหญ่ คนในกลุ่มนี้ เคยร่วมในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ และออกไปต่อต้าน “ทักษิณ ยิ่งลักษณ์” ที่โกงกิน ใช้อำนาจมิชอบและแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ช่วงหลังๆ มักอยู่เฉยๆ แต่ทัศนะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่อยากไปขัดใจเพื่อนที่คิดต่างออกไป ในเรื่อง สถาบันหลักของชาติ คนส่วนนี้มีพอควร ประมาณ ๓๐-๔๐%
lที่มาของคนที่มีความคิดประเภทที่ ๒ คือ ไม่เอาสถาบันหลักของชาติ และเชิดชูฝรั่งมังค่า ฯลฯ ผู้ใหญ่บางท่าน ที่น่าเชื่อถือได้ให้ “ข้อสังเกต” จากการติดตาม “กลุ่มคนเหล่านี้”มายาวนาน คนเหล่านี้มีปมในใจ ที่ติดค้างมายาวนานที่เคยประสบมา ตั้งแต่ช่วงเรียน การทำงาน ชีวิตครอบครัวฯ”
๑.ไม่ชอบระบบโซตัส ในช่วงเรียนในมหาวิทยาลัย
๒.ช่วงทำงาน ไม่เห็นด้วยกับ “ระบบราชการ” และนโยบายรัฐบาล
๓.มีเรื่องราวที่กระทบต่อหน้าที่การงานของตน ในช่วงของการทำงาน โดยไม่มองความผิดของตน
๔.บางคน ถูกกระทบในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ แต่ไม่ศึกษาและเข้าใจความจริงว่า “เรื่องราวที่แท้จริง เกิดจากอะไร” และกลายเป็นปมอคติในใจมาตลอด
๕.บางคนมีปัญหาในชีวิตคู่ ที่ไม่ได้รับการยอมรับเลิกรากัน ก่อปมที่ปฏิเสธสังคมออกมาฯ
๖.ส่วนหนึ่งเป็นคนเก่ง ที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ระดับปริญญาโท-เอกและมีชีวิตและการทำงานกับฝรั่ง หรือคนกลุ่มเดียวกัน พูดและคิดภาษาเดียวกัน ชื่นชม รับทัศนคติของฝรั่ง และเกิดความเชื่อฝรั่งทุกเรื่อง “ฝรั่งดี ไทยไม่ดี” ขณะที่ขาดความเข้าใจในประเพณีวัฒนธรรมไทยที่ลึกซึ้ง
๗.มักเน้นในเรื่องส่วนตัว ไม่สนใจสังคมและไม่เคยร่วมในการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง
๘.มีปัญหาเรื่องข้อมูลและความจริงที่ได้รับมา ไม่ถูกต้องเป็นข้อมูลด้านเดียวคือ “เห็นแต่ข้ออ่อนของฝ่ายรัฐบาล”ที่มีปัญหาคอร์รัปชั่นที่แก้ไม่ได้สักทีไม่ได้มองความเป็นจริง ในสิ่งดีที่รัฐบาลทำ และจุดแข็งของสังคม ในด้านการเงินการคลังการแพทย์สาธารณสุขและด้านต่างประเทศ ที่โลกชื่นชมโดย ไม่เข้าใจเรื่อง “โครงสร้างและระบบการเมือง” ที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ของสังคมไทยที่ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเบ็ดเสร็จ ในระบบที่มีอยู่การแก้ไข ต้องมีการปฏิรูปใหญ่ ที่มาจากฝ่ายที่มีอำนาจเด็ดขาด และมีความคิดอย่างรัฐบุรุษซึ่งยังไม่มีในสังคมไทย
๙.กรอบคิดแบบตายตัว อาจจะเก่งเชี่ยวชาญในบางเรื่อง ที่ตนสนใจแต่ไม่เข้าใจการเมืองไทยตามความจริง เพราะ ขาดการศึกษาเรียนรู้ รวมทั้งขาดประสบการณ์ โดยการแสดงออก ต่อคนรอบข้าง ด้วยข้อมูลและความเชื่อที่ผิด มีอคติแต่ไม่ค่อยมีคนคัดค้าน เพราะเกรงใจ และไม่อยากขัดใจฯ
lมีเพื่อนบางคน ที่รู้จักประวัติมักคุ้นชีวิตในอดีตที่ผ่านมา ของคนบางคนฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
๑.เคยทำงานกับ “ผู้นำการเมืองที่โกงกินฯ” ที่มีความขัดแย้งทางความคิดการเมืองกับสถาบันหลักฯโดยมีความคิดความเห็นต่อผู้นำคนนี้ ไปใน ๒ มุม
มุมหนึ่ง “เขา” เป็นคนคิดเพื่อบ้านเมือง การถูกคดีต่างๆ เพราะถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองฯ
อีกมุมหนึ่ง “เขา” โกงกิน หาผลประโยชน์โดยใช้อำนาจมิชอบ และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแต่“คนส่วนนี้” มีผลประโยชน์ร่วมกัน กับ “เขา” จึงต้องออกมาปกป้องคือ การปกป้อง “เขา” ความจริงอีกมุมหนึ่งคือ “การปกป้องตนเอง”
๒.บางคน ในช่วงทำงาน มีผลประโยชน์ในราชการ และที่ทำงานจาก “โครงการนโยบายของรัฐบาลเขา” และบางส่วน ได้ผลประโยชน์ ได้ตำแหน่งหน้าที่การงานจากการสนับสนุนอุปถัมภ์ โดย “เขา”
๓.ที่น่าสนใจ คือ “ความคิดภาคนิยม” ที่ชื่นชม “เขา” ที่เป็นคนภาคเดียวกันได้รับฟังการโฆษณา ยกย่องเชิดชู จากสื่อ และพวกเดียวกัน จึงเกิดการยอมรับ แม้ว่าจะโกงกิน
lเรื่องใหญ่ของสังคม ที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ คือ “กรอบคิดและข้อมูลที่ได้รับประจำ” ที่ถูกสอน และเผยแพร่ในสังคม
คือ
๑.สถาบันกษัตริย์ เป็นเรื่องล้าหลัง ไม่ก้าวหน้า ควรจะหมดไป หรือยกเลิกได้แล้วรวมทั้ง “อำนาจและทรัพย์มหาศาลที่มี”เอามาจากประชาชน ไม่ถูกต้องชอบธรรมบางคน “พูดถึงข้ออ่อนบางข้อ” และนำมาเป็นเรื่องหลัก ในการพิจารณาซึ่งขัดแย้งจากความเป็นจริงของสังคมไทย
๒.ไม่ยอมรับบทบาทฐานะของสถาบันหลัก และในหลวงองค์ต่างๆ ที่ผ่านมา ในราชวงศ์จักรีที่มีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองและประชาชน ในการปกป้องและรักษาความเป็นเอกราชให้แก่ประเทศไทยทำให้ประเทศไทย ไม่ได้ตกไปเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งมังค่า นักล่าอาณานิคม เหมือนที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องตกเป็นเมืองขึ้น
๓.คนส่วนนี้ ไม่ได้ศึกษาจากบรรพบุรุษ พ่อแม่ที่มี “ความกตัญญูต่อแผ่นดิน เคารพเทิดทูนฯสถาบันฯ” เพราะการมีชีวิตมีฐานะที่ดี ได้มาจาก “การได้โอกาสที่เข้ามาพึ่งพาพระบรมโพธิสมภาร”
๔.กรอบคิดแบบฝรั่ง ที่ถูกนำมาเผยแพร่ ในวงวิชาการ จนครอบงำความคิดผู้นำในสังคมไทย ในเรื่องสำคัญที่ตีความผิดตามฝรั่งที่ไม่เข้าใจสังคมไทย เช่น
(๑) อนุรักษ์นิยม ราชาธิปไตย
(๒) ประชาธิปไตย เสรีนิยม
(๓) เผด็จการ และการรัฐประหาร ฯลฯ
lทางแก้ไข คือ การสรุปบทเรียน แสวงหาสัจจะความจริง ด้วยสติปัญญาความจริง อย่างต่อเนื่องต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า
“คนไทยรู้เรื่อง และหวังดีต่อสังคมไทย มากกว่าฝรั่งมังค่าที่หวังครอบงำและเอาเปรียบไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี