เมื่อวานนี้ ระหว่างการประชุมรัฐสภา พิจารณาเลือกนายกฯ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ชี้แจงในประเด็นนโยบายต่างประเทศ บางตอนระบุว่า
“ที่พวกเราจะต้องรีบเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะว่าเดือนกันยาฯ ที่จะถึงนี้ ก็จะมีการประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก
ผมต้องการที่จะเป็นผู้นำของประชาชนทุกคน เพื่อที่จะไปบอกกับโลกว่า ประเทศไทยพร้อมแล้ว และประเทศไทยกลับมาแล้ว ที่จะมีบทบาทที่ดีในเรื่องของนโยบายต่างประเทศ”
นายพิธาโอ้อวดว่า สิ่งที่ผู้นำประเทศต้องทำ คือ การหาจุดสมดุลระหว่างมหาอำนาจในการเมืองระหว่างประเทศแบบใหม่ สามารถเข้าใจได้ว่าตอนนี้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว และเข้าใจว่า ถ้ามีสงครามปะทุขึ้นราคาพืชผลทางการเกษตรจะเป็นอย่างไร
“เราจะต้องมีสมดุล เราจะต้องมี balance และเราจะต้องรู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจะต้องเน้นหลักการความเป็นหนึ่งในสมาชิกของโลกใบนี้คืออะไร
และรู้ว่า เราจะเงียบเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าเงียบในทุกเรื่อง และก็ทำให้เราไม่มีน้ำหนักในเวทีการเมืองเลย”
นายพิธากล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
“ต้องขออนุญาตเรียนไปยังเพื่อนสมาชิกให้สบายใจว่า การแถลงนโยบายกับสหประชาชาติครั้งแรกของผม “Thailand is back, and Thailand means business.”
จะเป็นผลประโยชน์สำหรับประชาชนคนในชาตินี้ และเป็นผลประโยชน์ของชาติที่เราดูแลด้วยเช่นเดียวกัน”
1.นายพิธาเคยเปิดเผยว่า อยากเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ (หลังเป็นนายกฯ)
และจากท่าที เนื้อหา และ “ความกระสัน” ที่นายพิธาแสดงออกมาล่าสุด ก็ตอกย้ำถึงความอยากจะมีชื่อเสียง มีแสงสว่างจากนานาชาติสาดส่องที่ตนเอง
2.แฟนเพจ “สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา” ให้แง่คิดที่น่าสนใจมาก
ได้โพสต์ภาพบรรยากาศในระหว่างงานประชุมนาโต ที่ให้ผู้นำยูเครน ได้ไปเหยียบย่าง ระบุว่า
“...นี่คือตัวอย่าง ตัวเป็นๆ ของคนที่เอาประเทศและประชาชน
ไปเป็นหมากเบี้ยให้เกมการเมืองของชาติตะวันตก
จนประเทศพังพินาศ ทหารตายไปหลายแสน ประชาชนเกือบ 20 ล้านกลายเป็นผู้อพยพ
...............
ช่วงแรกได้รับคำสรรเสริญ เยินยอ ได้เงินได้ทอง
พอหมดประโยชน์ เริ่มเป็นภาระ มิตรเหล่านั้นเริ่มเหินห่าง
และเมื่อไม่ยอมรับสภาพแต่โดยดี ว่าหมดประโยชน์ ไม่เป็นที่ต้องการแล้ว
เมื่อเรียกร้อง มากกว่าสิ่งที่เขาต้องการจะให้
จึงถูกทำให้เห็นซึ่งๆ หน้า ว่าไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป
.............
นักปลุกปั่น นักจัดม็อบไทย ที่สถานทูตชาติตะวันตก
ให้เงินอุดหนุน ให้ความสนิทสนม
พึงรู้ตัวไว้ด้วย ว่าตัวคุณไม่ได้ต่างอะไรกับเซเลนสกีในภาพนี้
เค้าดีด้วยเพื่อจะใช้งาน หมดประโยชน์ เป็นภาระเมื่อไหร่
คุณจะถูกทิ้ง
ถ้าเค้ารับไปอยู่ด้วย เค้าจะให้ไปอยู่เป็นชนชั้นสอง ให้ไปอยู่อดๆอยากๆ
เงินช่วยเหลือที่รัฐสวัสดิการเค้าให้ มันไม่พอกับค่าครองชีพ
ของยุโรป
............
เรื่องของประเทศพลาดไม่ได้
เพราะพลาดแล้วพลาดเลย
ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว
ดูยูเครนไว้เป็นบทเรียน...”
3. ระหว่างการประชุมรัฐสภา ยังได้มีการอภิปรายหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่นายพิธาจะเดินหน้าแก้มาตรา 112
ซึ่งเรื่องนี้ สอดคล้องกับการเดินเกมการเมืองของชาติมหาอำนาจบางชาติด้วย
สมาชิกรัฐสภาหลายท่าน อภิปรายอย่างแหลมคม น่าชื่นชม น่าศึกษา
หนึ่งในนั้น คือ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ซึ่งลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก แล้วอภิปรายได้เฉียบคม
สื่อความแบบบ้านๆ
ไม่ต้องปีนกระไดฟัง
“...หัวหน้าพรรคการเมือง 7 พรรคมีความไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ทำให้ใน MOU ของ 8 พรรคร่วมไม่มีประเด็นดังกล่าวถูกใส่เข้ามา
แต่แม้จะไม่มีใน MOU ในทางกลับกันนายพิธา เป็นผู้ที่ได้รับการเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ยังยืนยันที่จะแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยจะผลักดันด้วย สส.ของพรรคเอง และอ้างว่าทั้ง 14 ล้านคนที่เลือกมาเข้าใจถึงเป้าหมายนี้ของพรรคนั้น และอ้างว่าการแก้ไขเป็นการทำเพื่อรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ขอเรียนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อ เพราะพฤติกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาทำให้เห็นชัดเจนว่า ความคิดในแก้มาตรา 112 เป็นอย่างไร แต่ตนอยากรู้ว่า แล้วอีก 7 พรรคว่าอย่างไร? ต้องถามว่าทั้ง7 พรรคว่าอย่างไร ใน MOU ไม่มีก็จริง
...ท่านอ้าง 14 ล้านเสียงว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ผมเชื่อว่า คนที่ลงให้ทั้ง 14 ล้านเสียง ไม่คิดว่าท่านกำลังแก้กฎหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เป็นสถาบันหลักของชาติ ไม่ใช่ความมั่นคงของชาติอีกต่อไป ถ้าท่านอ้าง 14 ล้านเสียง หลายคนก็พูดถึง 25 ล้านเสียงที่ไม่ได้เลือก แต่ในมุมมองของผม อยากฝากถึงผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลว่า คนไทยไม่ได้มีแค่ 14 ล้านคนไทยไม่ได้มีแค่ 25 ล้าน ท่านต้องเป็นนายกของคนทั้ง 60 กว่าล้านคน ท่านต้องเป็นนายกของประเทศไทย ท่านไม่ได้เป็นนายกของพรรคใดพรรคหนึ่งอันนี้สำคัญที่สุด 14 ล้านเสียงไม่ถึง 20% ครับ ท่านอย่านึกว่ามันมากมาย ท่านอย่าหลงระเริงคำว่า 14 ล้านเสียงเพราะมันไม่ถึง20% มันไม่ใช่เรื่องชี้ขาดของประเทศนี้...
...ประเด็นที่ห้ามผู้อื่นฟ้อง มอบให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ฟ้องนั้น เรียนว่าเป็นไปไม่ได้ สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มาฟ้องลูกบ้านตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้
และการแก้ไขที่อ้างว่าดำรงสถานะอันละเมิดมิได้นั้น พรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อว่าท่านจะปกป้องพระมหากษัตริย์ไม่ให้ถูกละเมิด ในเมื่อพรรคท่านจะลดการคุ้มครอง รวมถึงไม่เอาผิด ไม่ลดโทษผู้ละเมิดด้วยเหตุผลเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนนี้เรื่องใหญ่ซึ่งตามมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงสำคัญและอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดก็ไม่ได้
และที่เจ็บปวดมากกว่านั้น คือ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกลเคยกล่าวว่า ถ้านายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีจะให้นายพิธาไปลงสัตยาบันในกฎหมายกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญคือสามารถฟ้องผู้เป็นประมุขของรัฐได้อันนี้คือสิ่งที่รับไม่ได้จริงๆ หมายถึงว่าให้คนนอกประเทศฟ้องในหลวง ฟ้องพระมหากษัตริย์ได้ ขอเรียนว่าคงทำใจไม่ได้ หากพระมหากษัตริย์สูงสุดที่คุ้มกะลาหัวพวกเราถูกฝรั่งสอบสวน มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวอันตราย และเคยฟังเลขาธิการพรรคก้าวไกลพูดว่า การทำแบบนี้คือการปกป้องสถาบันและไม่ให้ใครแอบอ้างสถาบัน
ขอเรียนว่าการปกป้องสถาบันจะต้องไม่ทำแบบนี้สิ่งที่พูดถูกคือมีผู้มีอำนาจในบางยุคสมัยใช้สถาบันแอบอ้างจริง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสถาบัน พรรคก้าวไกลสามารถฟ้องได้ หากพบผู้ที่เอาพระมหากษัตริย์มาแอบอ้าง เพื่อทำลายคนอื่นทางการเมือง...
...ถ้าท่านแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ท่านคิดไหมว่า ถ้าแก้ไขแล้วบ้านเมืองนี้จะสงบจะเจริญ ท่านเก็บเรื่องนี้ไว้ในกระเป๋าไม่ได้หรือ
ถ้าประเทศนี้แก้กฎหมาย 112 ไม่ได้ แล้วมันจะล่มจม ผมไม่ว่าเลย ท่านเสนอนโยบาย 200-300 ข้อ ท่านเป็นความหวังของคนไทยที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง ท่านละเพียงเรื่องเดียว
ท่านไม่ต้องไปด่าสว. ท่านไม่ต้องด่าฝ่ายตรงข้ามท่านได้เป็นนายกฯแน่ถ้าไม่มี 112 ท่านยังไม่ยอมเลย
จึงอยากจะถามว่า พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลเกิดมาเพื่อแก้ 112 อย่างเดียวหรือ
ถ้าไม่แก้แล้วประเทศนี้จะล่มจมหรือไม่ มันไม่ใช่ มันมีเรื่องที่จะทำ ทำเรื่องที่ลุงตู่ทำแล้วไม่ดีที่ท่านด่า ผมก็เห็นด้วย
แต่วันนี้ ท่านดูอย่างเดียว กูจะไม่ยอม
เหมือนทำให้ผมคิดได้ว่า พรรคอนาคตใหม่กับพรรคก้าวไกลเกิดมาเพื่อล้มล้างเหรอ
เกิดมาเพื่อแก้กฎหมายเรื่องนี้เหรอ
ถ้าท่านหลุดคำนี้คำเดียวว่า ไม่ยุ่งกับ 112 ภูมิใจไทยจะลงให้ท่านและไม่ร่วมรัฐบาลกับท่านด้วย
...ท่านอย่าจุดชนวนให้กับบ้านเมืองนี้ ขอเถอะครับด้วยความเคารพ เรื่อง 112 ท่านจับเมื่อไหร่ ท่านทำเมื่อไหร่ วุ่นวาย
ผมถือว่าเป็นภารกิจของผมและพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องให้ระบบพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทยไปตลอด...”นายชาดากล่าวอภิปราย
4.ประเด็นข้างต้น จะเป็นประโยชน์มาก ไม่ว่านายพิธาจะได้รับการเลือกเป็นนายกฯ หรือไม่ ก็พึงสำเหนียก
อย่าเผาประเทศชาติ เพื่อสาดแสงสว่างให้ตัวเอง!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี